ตอนที่ 10 ตรวจสอบของ
ด้านนอกกับดักน้ำแข็ง เย่อันผิงค่อนข้างประหม่าจนกระทั่งเขาถอนคาถาและเห็นเพ่ยเหลียนเสวี่ยยืนโบกมือให้เขาโดนมีควันดำเป็นฉากหลัง
แผนราบรื่น แม้จะเกินความคาดหมาย ถ้าอู่โหยวโจมตีเขาทันทีหลังเห็นเขา บางทีเขากับเพ่ยเหลียนเสวี่ยคงตาย แต่น่าเสียดายที่เขาไม่ทำ
ตั้งแต่ต้นจนจบ ชายคนนี้ไม่มองพวกเขาอยู่ในสายตาเลย จนถึงจุดจบ เขาก็ยังไม่เชื่อว่าเขาจะมาตายในมือของเด็กน้อยอาณาจักรหลอมลมปราณสองคน
ในโลกผู้บ่มเพาะ มันเป็นไปไม่ได้ที่จะฆ่าคนที่มีระดับเหนือกว่าถึงสองขั้นใหญ่
แต่ เขากับน้องสาวทำได้
“พี่!เราทำได้!’
พอเห็นเพ่ยเหลียนเสวี่ยวิ่งอ้าแขนมาหาเขา เย่อันผิงก็ไม่อยากเล่นตัวเยอะ เขาจึงกอดนางและจับนางอุ้มหมุน ชมนางด้วยรอยยิ้ม”เจ้าสุดยอดมาก!’
เพียเหลียนเสวี่ยโอบแขนรอบคอเขาและพูดอย่างไม่พอใจ“พี่ อย่าทำเหมือนข้าเป็นเด็กสิ!”
“แล้วเจ้าไม่ใช่เด็กเหรอ?เจ้าเพิ่งอายุ 14 เอง!’
“ข้าจะโตเป็นผู้ใหญ่ในอีกไม่กี่เดือน!”
เย่อันผิงยิ้มและเตือนนาง“อย่าลืมถ่ายพลังไปรักษาแผลก่อน ไม่ใช่ว่าเจ้าโดนพิษของเขาเหรอ?แม้เจ้าจะมีภูมิต้านทาน เจ้าก็ยังต้องระวัง”
“อืม”เพ่ยเหลียนเสวี่ยรู้สึกว่าพี่ชายตัวเองไม่มีความโรแมนติกเลย
ตามนิยาย หลังพระเอกกับนางเอกผ่านวิกฤต พวกเขาควรจะจีบหรือจูบกันไม่ใชเหรอ?
ถ้าเขาบอกว่า’แต่งงานกับข้านะตอนเรากลับไป’ นางจะตกลงโดยไม่ลังเลเลย
“พี่โง่ โอกาสดีๆเช่นนี้ยังไม่คิดฉวยไว้อีก ฮึ่ม!”
“โอกาสอะไร?แล้วโอกาสนี้ไม่ดีเหรอ?”เย่อันผิงงงและถาม“ดูสิ เราไม่มีใครบาดเจ็บเลย แผนของข้าไร้ที่ติใช่ไหม?”
“เห้อ..”เพ่ยเหลียนเสวี่ยถอนหายใจและหยุดคุย จากนั้นก็นั่งสมาธิและเริ่มหมุนเวียนลมปราณ
เย่อันผิงนำเม็ดยาออกจากถุงมิติและส่งให้นาง จากนั้นก็เดินไปศพของอู่โหยว นำกระบี่ของเขาออกมา ตัดหัวไหม้เกรียม
หลังยืนยันว่าเขาหยุดหายใจจริง เขาจึงตรวจโดยรอบด้วยจิตสัมผัสอีก พอเห็นว่าปรสิตพิษไหม้หมดแล้ว เขาจึงกล้ายื่นมือไปยังถุงมิติของอีกฝ่าย
ในนั้นไม่มีของเยอะนัก มีป้ายหยกยืนยันตัวจากสำนักพิษมาร หม้อหลายใบสำหรับเก็บปรสิตพิษ อาวุธวิเศษชั้นดีเจ็ดหรือแปดชิ้น หินปราณประมาณสามพันก้อนและหน้ากระดาษทอง
เย่อันผิงจำของเหล่านี้ได้หมด ในเกม ของเหล่านี้จะตกตอนอู่โหยวโดนฆ่า
แค่ว่าในเกม มันจะสุ่มตกแค่ไม่กี่ชิ้น ซึ่งก็คือของในถุงเหล่านี้
แต่ต่อให้ของเหล่านี้จะดี พวกมันก็ไม่ใช่สิ่งที่เขากับเพ่ยเหลียนเสวี่ยจะใช้ได้ในปัจจุบัน
พวกเขาได้แต่นำอุปกรณ์วิเศษเหล่านี้ไปตลาดมืดและพยายามแลกของที่เหมาะกับพวกเขาหรือหินปราณ
สำหรับหม้อที่มีปรสิตพิษภายใน เย่อันผิงเผาหมด
ต่อมา หน้ากระดาษ..
ถ้าเขาจำไม่ผิด มันควรเป็นหน้าที่ห้าของ’บันทึกประจำวันจันทราดำ’ในเกม นี่คือภารกิจสำหรับเนื้อเรื่องหลัก
หน้านี้ เฟิงหยูเตี๋ยควรได้รับหลังฆ่าอู่โหยว แต่ตอนนี้มันอยู่ในมือเขา นี่คือโอกาสใหญ่ที่เป็นของตัวละครหลัก เขาจึงไม่อยากเก็บมันไว้ และคิดจะโยนทิ้ง
แต่พอคิดดู อู่โหยวโดนเขากับเพ่ยเหลียนเสวี่ยฆ่า เหนือสิ่งอื่นใด พอเรื่องนี้หลุด ผู้คนจะต้องมาถามถึงมันแน่
“อืม…มันเป็นปัญหาอยู่ดีไม่ว่าเราจะทิ้งมันไปไหม”
เย่อันผิงครุ่นคิดสักพัก จากนั้นก็เก็บหน้ากระดาษทองใส่ถุงมิติ คิดว่าเขาอาจเจอโอกาสกำจัดมันภายหลัง
หลังคัดแยกถุงมิติของอู่โหยว เย่อันผิงก็ยืนขึ้น เตรียมกลับไปกับเพ่ยเหลียนเสวี่ย
แต่พอเขาหันหัว เขาก็เห็นร่างสีทองน้อยๆที่ดูเหมือนอาหารกระป๋องบินมาหาพวกเขา
“..”
พอมองร่างนั้น เย่อันผิงก็งุนงง
เจ้าสิ่งนี้เป็นภูตติดตัวไม่ใช่เหรอ?มันควรอยู่ไกลจากเจ้านายไม่ได้ แต่ตอนนี้พวกเขาอยู่ห่างจากเฟิงหยูเตี๋ยอย่างน้อยก็หนึ่งลี้
เจ้านี่มาไกลขนาดนี้ได้ไง แล้วมาทำอะไรที่นี่?หรือมาเพราะเห็นคาถาน้ำแข็งของเขา?
…
หนึ่งก้านธูปก่อนหน้า
ตอนมังกรของจักพรรรดิหายไป โดยปราศจากหางมังกรคอยพยุง เฟิงหยูเตี๋ยก็ตกลงพื้น
เสี่ยวเทียนที่ตื่นตระหนกรีบบินไปหานาง“หยูเตี่ย!!!”
เสี่ยวเทียนรีบตรวจสอบบาดแผล พบว่าเส้นชีพจรในตัวขาดสะบั้นหมด และปรสิตพิษของผู้บ่มเพาะมารก็กัดกินวิญญาณนางไปครึ่งหนึ่งแล้ว เป็นผลให้ชีวิตนางกำลังจะดับ
“อา?!หยูเตี๋ย…นี่..-ข้าควรทำอย่างไรดี?’
พอมองเส้นชีพจรที่ยุ่งเหยิง เสี่ยวเทียนก็บินวนอย่างวิตก อยากลากนางไปเมือง แต่ลืมไปว่ามันแค่ภูตประดิษฐ์ และยิ่งไปกว่านั้น มีเพียงเฟิงหยูเตี๋ยที่เห็นมัน
ภูตประดิษฐ์คือการจำแลงของภูตสหาย และเหมือนผี ถ้ามันแตะตัวใคร คนคนนั้นจะรู้สึกเหมือนมีลมเย็นพัดผ่าน
กล่าวอีกนัยหนึ่ง พลังมันเหมือนลมอ่อนๆ มากสุด พลังลมก็พอจะเขย่าใบไม้ มันจะไปลากคนกลับเข้าเมืองได้ไง?!
“ย่าห์ อ้ากก!”เสี่ยวเทียนกัดฟัน ดึงชุดของเฟิงหยูเตี๋ยสุดแรง แต่สุดท้ายก็ทำอะไรไม่ได้
หลังล้มเหลว มันก็อยากร้องไห้
ถ้าไม่มีใครมาช่วยเฟิงหยูเตี๋ยขณะรอให้ผู้บ่มเพาะมารคนนั้นกลับมา นางคงจบสิ้น และนางอาจตายจากบาดแผลปัจจุบันก่อนชายคนนั้นจะกลับมาด้วยซ้ำ
“ทำยังไงดี ทำยังไงดี?!”
มันอยากเรียกคนในเมือง แต่ไม่มีใครจะเห็นมันยกเว้นเฟิงหยูเตี๋ยและไม่มีใครจะได้ยินที่มันพูด
มันพยายามลากนาง แต่ก็ทำไม่ได้ ยิ่งเสี่ยวเทียนคิด มันยิ่งวิตกและสุดท้ายก็ร้องไห้อย่างสิ้นหวัง“ฮึกกกก..หยูเตี๋ย ถ้าเจ้าตาย ข้าจะทำยังไง?!”
ทันใดนั้น หนึ่งลี้ทางตะวันออกเฉียงใต้ของป่า ลำแสงสีฟ้าน้ำแข็งพุ่งขึ้นฟ้า และผืนดินก็สะเทือน
เสี่ยวเทียนมองเสาแสง“นั่น..คาถาน้ำแข็ง?!หรือจะมีผู้บ่มเพาะที่ร้ายกาจใกล้ๆ?”มันกระเด้งจากด้านหลังเฟิงหยูเตี๋ยและบินไปทางเสาแสงนั่น
“หยูเตี๋ย อดทนไว้!ข้าจะไปตามคนมาช่วยเจ้า!!!”