EP.12
“สบายเนาะ”
...
“นี้! อย่าทำหน้าเหมือนคนไม่รู้จักกันได้เปล่า”
...
“เอ้า...เฮ้ย!!”
เมื่อรถซีดานแล่นมาถึงจุดหมายปลายทางคือคอนโดหลังเดิมก่อนหน้านี้ที่ซิมเคยพาขิมมา
เจ้าตัวอยู่ในสภาวะงุนงง ขวยเขิน สับสนและเสียหน้า ต่างๆ นานาปะป่นกัน
เวลามีคนจ้องหน้าเรา เราจะรู้สึกได้ และนั่นก็เป็นตอนเดียวกันที่ซิมยกมือถือมาจ่อหน้าอัดคลิป
เสียงกรนเป็นเรือกลไฟเล็ดลอดออกมาให้ได้ยินขิมก็ยิ่งทำตัวไม่ถูกไปใหญ่เลยที่นี่
จะด่าคนไร้มารยาทก็ไม่ได้ด้วยสิ เพราะต้องอาศัยโซ่ให้พาไปหาแฟนหนุ่ม ไม่รู้หายหัวไปไหนสามวันสามคืน ถ้าโทรไม่ติดเธอคิดว่าอาจจะโดนเจ้าหนี้อุ้มไปฆ่าแล้วก็เป็นได้
“ลบออกเถอะ!”
“ตลกดีวะ” ชายหนุ่มเปิดเล่นวนซ้ำๆ เพราะสีหน้าเลิ่กลั่กยิ่งตลกขึ้นไปอีกและแดงก่ำไปทั้งสองแก้ม
“ลบเถอะ! อย่าเก็บไว้เลย...”
“จะเก็บไว้ทำไมฮะ ลงได้แหละถึงแล้ว” คนหน้านิ่งเดินล้วงกระเป๋านำทางด้วยสไตล์พวกชอบเก๊ก
ซ้ำแล้วยังหันมาพยักหน้าเรียกขิมให้ตามเข้าไปในลิฟต์
เธอไม่อยากอยู่ในที่เล็กๆ แคบๆ ตามลำพังกันแค่สองคน มันอึดอัดกระอักกระอ่วนยังไงไม่ทราบชัด
สายตาที่คาดเดาไม่ได้ก็พาลให้ชวนคิดไม่ดี
แต่โซ่คงไม่ได้พิศวาสผู้หญิงบ้านๆ กะโปโลแบบขิมหรอกนะ
“ซิมอยู่ที่นี่จริงๆ เหรอ” ขิมชะงักก่อนที่ตัวเธอจะก้าวตามเพราะจำได้ว่าที่นี่คือคอนโดของโซ่
“อืม! คิดว่าจะพามาทำไมล่ะ”
“เปล๊า! เปล่าๆ ไม่ได้คิดอะไรทั้งนั้น” คนถูกจับได้โบกมือปฏิเสธเป็นระวิง เธอเปล่าคิด
แต่ความทรงจำให้อดีตคืนนั้นมันผุดขึ้นมาเอง
อ๊าห์...,ซี๊ด...,โอ้ว...@$"!*'"?? /#
“ร้อนเหรอ”
“ฮะ!”
“รีบๆ เข้ามาจะไปมั้ย”
โซ่ตัดรำคาญ เขากดปิดประตูลิฟต์โดยสารแต่ขิมรีบกระโจนเข้าทัน
ใบหน้าของเธอเห่อแดงลามไปถึงหูสองข้าง
เจ้าตัวพยายามเก็บไม้เก็บมือแต่ความประหม่าขณะอยู่กับผู้ชายตามลำพังทำให้ขิมไม่รู้จะวางมือตัวเองไว้ตรงหน้า
เท้าเอว! ไม่ได้ ดูไม่เรียบร้อย
กอดอก! ก็ดูเหมือนจะมาชวนทะเลาะ
ไขว่หลัง! ก็ดูสบายๆ ไปหน่อย
ประสานมือทั้งสองข้างอย่างเป็นทางการ...ประหลาดไปอี๊ก!!
“เป็นอะไร” โซ่เห็นความดุกดิกนั้น มันแปลกเกินน่ารักแล้วนะแบบนี้
“ฟู่ว...ร้อนเนาะ” ขิมเป่าปากและโบกมือพัดหย็อยๆ ลิฟต์เจ้ากรรมทำไมเคลื่อนตัวช้าจังทั้งที่ตึกมีไม่กี่ชั้น
“เอ้า! ยังไม่ได้กดลิฟต์”
“ไม่ต้องกด”
“แล้วทำไมมันนิ่งแบบนี้”
“เออวะ!”
คีย์การ์ดระบบล็อกชั้น แค่แตะมันเข้ากับเครื่องรับสัญญาณ ลิฟต์โดยสารก็จะนำพาไปสู่ชั้นที่คีย์การ์ดระบุไว้
“สงสัยลิฟต์มันจะค้าง”
“อ้าว! แล้วทำยังไง”
“ก็โทรแจ้งสิ...พรึ่บ!”
กรี๊ดดด!!
แสงสว่างภายในลิฟต์โดยสารขนาดเล็กดับลง เป็นไปตามกลไกของระบบประหยัดพลังงาน
แต่หญิงสาวตกใจกรี๊ดลั่น ขิมไม่เคยมีประสบการณ์ติดค้างอยู่ในลิฟต์
สัญชาตญาณความกลัวผลักดันให้เธอหาที่ยึดเกาะกระโดดกอดโซ่ไว้แน่นและหลับตาปี๋
“ร้องทำไม”
“ตายแน่ๆ เลยลิฟต์ค้าง”
“ไม่มีใครตายเพราะลิฟต์ค้างหรอกน่ะ ถ้าลิฟต์ร่วงลงไปกระแทกพื้นละก็ไม่แน่”
กรี๊ดด!!
ความตกใจทำให้ขิมกอดเอวโซ่แน่นขึ้นอีก ซุกใบหน้ากับแผงอกแกร่ง ดันร่างหนาจนแผ่นหลังเขาติดกำแพงกระจกเงาสะท้อน
“เฮ้ย! กลัวขนาดนั้นเลยเหรอ”
“รีบทำอะไรสักทีสิ เดี๋ยวก็ขาดอากาศหายใจตายในนี้หรอก” ขิมเคยเห็นในหนัง ว่าหากลิฟต์ค้างนานๆ พัดลมตัวทำอากาศก็จะหยุดหมุน ไม่ใช่แค่ร่วงลงไปอย่างเดียวที่ทำให้คนตายได้
“อะๆ แปบ!” โซ่ยกมือถือขึ้นมาเลื่อนหาเบอร์ฝ่ายนิติบุคคลของคอนโด อ้อยอิ่งทำอะไรชักช้ายืดยาดไม่ทันใจไปหมด จนกระทั่ง...ติ๊ง!
“อุ๊ย...!!”
เมื่อหลอดไฟติดสว่างจ้าขิมจึงได้เห็นตัวเองในเงากระจก เธอกอดเอวผู้ชายที่ไม่ใช่แฟนและเขาก็กอดเอวเธอกลับ
เธอผงะจะถอยออกหนีแต่โซ่ก็ยังรั้งเอวบางไว้ แอบสูดกลิ่นแชมพูที่ผมมวยมัดจุกกลางหัว
“ขอโทษที่ขัดจังหวะนะครับ” คนมาใหม่จากนอกลิฟต์ยิ้มเป็นนัยให้ชายหนุ่ม
เป็นสายตาแบบที่ผู้ชายด้วยกันรู้ดีว่าหมายถึงอะไร จากนั้นโซ่จึงยอมปล่อยร่างน้อยเป็นอิสระ
“มากอดคนอื่นเองนะ”
“ก็เราตกใจ”
“แสดงรึเปล่าฮะ! แค่ไฟดับจะตกใจอะไรขนาดนั้น” เป็นคำที่โซ่ไม่ได้พูดออกไป จริตมารยาผู้หญิงร้อยเล่มเกวียนจะตายไปใครๆ ก็รู้ทั้งนั้นและเขาก็เจอมาเยอะ
เช่นตอนแรกที่ขิมหลับ ไอ้มุกแกล้งหลับในรถหลอกล่อให้เขาพากลับคอนโดก็เจอมานักต่อนักแล้ว
“จะไปหามันเลยหรือแวะที่ห้องเราก่อน”
“ฮะ! ม ไม่แวะ แวะทำไม”
“ก็เผื่ออยากแวะ”
คนถูกถามยืนนิ่งไม่รู้จะสงสัยข้อไหนดี ทำไมโซ่ต้องชวน ทำไมขิมต้องแวะ แล้วสรุปว่าซิมกับยิมอยู่ที่นี่จริงๆ ใช่มั้ย
“ไม่เปลี่ยนใจแน่นะ”