EP.10
“ขิม! ไม่เอาน่ะ”
“อย่าพาเรามาที่แบบนี้อีกนะ”
“โกรธอะไรวะ! ทีเมื่อคืนตัวเองเมาอย่างหมา กัดคนไปทั่วเรายังไม่ว่าอะไรเลย”
...
พอได้ยินตามนั้นขิมก็หยุดนิ่ง จะว่าไปเธอก็จำอะไรไม่ได้เลยว่าทำอะไรลงไปบ้าง ยังนึกแปลกใจด้วยซ้ำที่ตื่นมาให้ห้องนอนอันไม่คุ้นเคย ดีที่ยังพอจำได้ว่าซิมมารับ
“เราทำอะไร”
“บอกแล้วใช่มั้ยว่าอย่ากินจนเมา”
“ก็เรา...แต่ยังไงซะซิมก็ควรพาเรากลับบ้าน ไม่ใช่พาไปที่อื่น”
“ก็เรามีธุระ”
“เรื่อง...!?”
“เออน่ะ! ธุระก็ธุระ” ซิมไม่อยากฟังแม่คนที่สองบ่นจนหูชาว่าเล่นพนันบอล และยิ่งถ้ารู้ว่าตนเป็นหนี้อีกแสนกว่าบาท มีหวังแฟนที่แสนน่ารักจะฟ้องพ่อแม่เขาแน่ๆ
พ่อแม่ตั้งความหวังไว้กับลูกชายคนเดียว หวังว่าเมื่อเรียนจบแล้วจะได้เข้ารับราชการในตำแหน่งใหญ่โตให้พ่อแม่ได้อวดคนอื่นอย่างภาคภูมิใจ
ลูกชายที่ถูกพ่อแม่ฟูมฟักประคบประหงมมาอย่างดี เอาอกเอาใจประเคนทุกอย่างโดยไม่น้อยหน้าใคร ให้ทุกสิ่งที่ลูกชายต้องการหรือแทบจะเป็นลูกคุณหนูทั้งที่บ้านไม่ได้ร่ำรวย แลกเปลี่ยนกับการอยู่ในกรอบที่พ่อแม่วางไว้
อาชีพในฝันคือนักสนุกเกอร์ระดับโลกของซิมไม่ใช่สิ่งที่พ่อแม่อยากให้เป็น แต่เป็นการเข้ารับราชการในกรม,กระทรวงขนาดใหญ่ต่างหาก
“แล้วนี่ไม่ไปเรียนเหรอ”
“วันนี้ไม่มีเรียน”
“ไปเรียนบ้างเถอะ”
“ก็ไม่มีไง! เมื่อคืนเราแทบไม่ได้นอน”
“แข่งกันกรนขนาดนั้นบอกไม่ได้นอน”
คืนสยองที่ชาตินี้คงไม่มีวันลืมเลือน คนเมาสองคนกอดก่ายนอนหลับสบายแม้จะนอนกับพื้นกระเบื้องเย็นๆ เสียงกรนรับ-ส่งระหว่างยิมและซิมไม่ยอมน้อยหน้า กล้าพูดมาได้ว่าไม่ได้นอน
ส่วนอีกสองคนในห้องก็ครวญคราง อี๊ย์,อ๊าส์,โอ้วสลับกับซี๊ดซ๊าดซูดปากนานนับชั่วโมง ไม่รู้มีใครโดนเชือดตายรึเปล่าในห้องที่ปิดสนิทนั้น เพราะจนเก้าโมงกว่าก็ยังไม่มีใครออกมา คนนอกทั้งสามจึงแยกย้ายกลับบ้านใครบ้านมัน
“แล้วเย็นนี้จะไปไหนรึเปล่า”
“ยังไม่รู้”
แฟนหนุ่มทิ้งตัวลงที่นอนเหวี่ยงรีโมทแอร์กระเด็นลงพื้นถ่านก้อนหลุดกระจาย ขิมถอนหายใจพืดใหญ่ เธอต้องตามเก็บอะไรพวกนี้เป็นประจำ ไม่นับรวมเสื้อผ้า,กระเป๋า,รองเท้าและเงินหล่นเรี่ยราดเหมือนคนไม่รู้จักโต
“เราไปนะ”
...
แฟนหนุ่มไม่ตอบรับใดๆ ขิมงับปิดประตูห้องนอนให้อย่างแผ่วเบา
แอบนึกเล่นๆ ถึงชีวิตหลังแต่งงาน ผู้ชายแบบนี้เหรอที่ต้องอยู่ด้วยกันในฐานะสามี-ภรรยา
มหาวิทยาลัย
“...”
“พวกแกสองคนนะ ต่อไปอย่ามาชวนฉันอีก”
“เมื่อคืนขิมเมาเหรอ” ปลานิลเอ่ยถามเพราะขิมนั่งลงบนโต๊ะม้าหินของคณะ ชี้หน้าคาดโทษสองเพื่อนทันที
“ก็กินเท่าๆ กัน แกนั่นแหละคนอ่อนเอง”
“ยังจะไปโทษขิมอีก”
“งั้นก็ต้องโทษแกเลยนางนิล! เพราะแกไม่ไปเลยไม่มีตัวหาร ขิม! แกรู้ใช่มั้ยใครผิด”
“นอกจากนิลแล้ว ต่อไปฉันจะไม่ไปไหนกับพวกแกอีกเลย”
“เอ้า...!!”
ในขณะที่เด็กศิลป์กำลังนั่งถกเถียงกันสายตาคู่หนึ่งมองปาดไปที่ดาวคณะคนงามกำลังก้าวย่างดั่งนางพญา
มะนาวเดินสับส้นสูงฉับๆ ตรงมายังโต๊ะที่แก๊งเด็กศิลป์นั่งอยู่ และเท้ามือทั้งสองก้มหน้าลงมาทักทาย
“ขิม! เมื่อเช้ากลับกันกี่โมง เราออกจากห้องมาตอนเที่ยงไม่เจอใครเลย” ปกเสื้อนักศึกษาดูเหมือนตั้งใจแหวกออกให้กว้างกว่าที่ควร
มะนาวตั้งใจอวดลำคอที่มีปื้นสีกุหลาบ เพราะอาจจะมีคนอยากรู้ว่าใครดูดจนเป็นรอย
“เก้า”
“หลับสบายมั้ย”
“ไม่”
“งั้นไว้เจอกันวันหลังนะ..บายจ๊ะ! จุ๊บ!!” มะนาวจากไปแล้วโดยทิ้งเครื่องหมายคำถามไว้กับคนที่เหลือ
“พวกแกคุยอะไรกัน”
“แกรู้จักกันด้วยเหรอ”
“เขาไม่ได้ป่วยใช่มั้ย”
สามสาวนั่งงงส่งสายตาเอาคำตอบจากขิม
ว่าแล้วเจ้าตัวก็เล่าทุกอย่างให้เพื่อนฟังตั้งแต่ตั้งจนจบว่าเมื่อคืนเธอเพิ่งมีประสบการณ์กับเรื่องราวชวนสยองขวัญ
“เขาถึงได้ว่าคนศีลเสมอกันคบกันได้ไง”
“จริง! ระดับตัวพ่อตัวแม่กินกันเอง”
“ระวังแฟนแกไว้ดีๆ นะขิม ซิมไปคบหากับไอ้คนชื่อโซ่อะไรนั่น ระวังสาวๆ จะมากินแฟนแกอีกคน”
“พอเลยพวกแกนี้!!”
นอกจากเรื่องเสี่ยงโชคเสี่ยงดวงแล้วยังต้องมาระแวงว่าซิมจะนอกใจ
หัวสมองหญิงสาวจึงเต็มไปด้วยความระแวงสงสัยและอยากให้ซิมคบเพื่อนดีๆ
ที่ทั้งสามพูดไว้ก็น่าคิด เพราะโซ่และมะนาวขึ้นชื่อว่าล่าแต้มเก่งเก็บเรียบทุกชั้นปีและคณะ
แล้วที่ปลานิลว่า 'ถ้าศีลไม่เสมอกันยังไงก็คบกันไม่ได้' หรือว่าระหว่างลับหลังเธอ แฟนหนุ่มอาจมีพฤติกรรมไม่ได้ต่างกับโซ่
หรือว่าการตัดสินใจออกมาอยู่ห่างจากสายตาพ่อแม่แล้วจะทำให้ซิมใจแตก ทำอะไรที่ไม่ควรทำ
20.00 น.
“ไงยิม”
...
“คืนนี้เหรอ...พอดีว่ากู...”
...
“เฮ้ย! ไม่ใช่สักหน่อย พอดีพรุ่งนี้กูมีเรียนเช้าอะ แล้วช่วงนี้ก็ขาดบ่อยเกิน”
...
“รู้แล้วๆ แล้วยังไงจะรีบโอนให้นะ...ครับ” ประโยคสุดท้ายซิมพูดเพราะเป็นพิเศษและยกมือขึ้นป้องปาก พูดดังไม่ได้เดี๋ยวขิมได้ยิน
ชายหนุ่มรีบกดตั้งสายเมื่อแฟนสาวยกข้าวหมูกระเทียมมาเสิร์ฟให้ถึงโต๊ะอีกมื้อ
สองสายตาต่างคนมองอีกคนอย่างจับผิด แฟนสาวอยากเอ่ยถามตรงๆ ว่าซิมเคยมีใครรึเปล่าส่วนแฟนหนุ่มก็กลัวความลับเรื่องหนี้บอลจะรั่วไหล