11 ข้าแค่กินเหลือเจ้าเอาไปเถอะ
โอ๊ยพ่อคุณทูนหัวความจำดีเลิศประเสริฐแท้ เธอต้องหาทางแก้ไขสถานการณ์นี้โดยด่วน เกรเทลเม้มปากแน่นคิ้วขมวดเป็นปม ภายในใจหวั่นกระสับกระส่าย พลันเกิดความคิดได้อยู่อย่างหนึ่ง
…เอาวะเป็นไงเป็นกันจะเป็นยังไงช่างแม่งแล้ว!…
“สอง! สองเท่า! ท่านสามารถใช้งานข้าหนักเป็นสองเท่ามากกว่าคนอื่นได้เลยขอรับ แต่ได้โปรดอย่าเอาข้าไปขายเลยนะ”
เกรเทลตะโกนออกไปเสียงดังฟังชัดจนร่างสูงชะงักเล็กน้อย เธอเลือกที่จะตอบด้วยข้อเสนอนี้ไปแทน สำหรับเธอการถูกลงโทษในสถานที่ไม่คุ้นเคยดูเป็นเรื่องน่ากลัว ในเมื่อมาถึงขนาดนี้แล้วเธอก็ยอมรับ
ส่วนวอลล็อคทำหน้านิ่งเงียบไม่แสดงอาการใด ๆ ออกมา ขณะนี้เธอไม่รู้ว่าเขาคิดยังไงแต่สำหรับเธอที่ไม่มีอะไรจะเสียแล้วถ้าแลกกับการทำงานหนักกว่าเดิมเธอก็ยอมทำ ขอเพียงอย่าถูกนำไปขายก็พอ
ความเงียบปกคลุมบุคคลทั้งสองนานเกือบสองนาทีจนหางตาเธอมีน้ำเอ่อซึม เกรเทลกลัวจริง ๆ ไม่น่าคิดสั้นแอบขโมยนมปังเลยใครจะไปนึกว่าอีกฝ่ายเคี่ยวขนาดนี้
“สองเท่างั้นสินะ”
ร่างสูงแสยะยิ้มลึกน่ากลัวแววตาแบบนั้นเธอรู้จักดี…เธอโดนเขาหลอกเข้าแล้ว
“…”
ความรู้สึกขนลุกขนพองนี้คืออะไร เด็กสาวลอบกลืนน้ำลายหนืดลงคออย่างยากลำบาก วอลล็อคเลียริมฝีปากเล็กน้อยแล้วพูดขึ้นต่อ
“ได้ตกลงไอ้หนู ข้าจะทำเป็นมองไม่เห็นที่เจ้าขโมยขนมปังก้อนนี้ก็แล้วกันนะ”
จากนั้นเขาก็เอื้อมมือมากระชากขนมปังในมือเธอออกไปอย่างรวดเร็ว จนเธอตกใจการกระทำของเขาแบบไม่ทันตั้งตัว เกรเทลเหล่มองชายหนุ่มรู้สึกไม่ค่อยเชื่อใจในคำพูดเขานัก
“ระแวงอะไร ข้าสิต้องระแวงเจ้าในเมื่อเจ้าเป็นตัวก่อปัญหา”
เขายักไหล่มองมาที่เธอก่อนจะพูดต่อ
“ตอนนี้เจ้าก็น่าจะเหลือแค่ขัดโซ่เหล็กที่โกดังสินะ”
เกรเทลพยักหน้าแทนการพูดออกไป
“ถ้างั้นเจ้าขัดเสร็จเมื่อไรไปช่วยขนลังผักผลไม้ส่งให้คนครัว แล้วเจ้าก็ไปช่วยเขาทำอาหารด้วย เห็นไรเดอร์โม้ว่าเจ้าเคยทำอาหารเป็นนิใช่ไหม?”
“ขอรับ”
ใช่เธอทำอาหารเป็นในระหว่างที่พักกินข้าวกันเมื่อวานนั่นแหละ พวกเพื่อน ๆ เอาแต่ซักไซ้ประวัติเธอไม่หยุดว่าทำอะไรเป็นบ้าง ใครจะไปนึกว่าอีตาวอลล็อคจะได้ยินไปกับเขาด้วย
…ขี้เสือกเหมือนกันนะนาย…
ทว่าเขาจะให้เธอไปช่วยทำอาหารในครัวแต่คงไม่ใช่ปริมาณน้อย ๆ หรอกมั้งเพราะครัวที่เขาหมายถึงคงเป็นโรงครัวคนงานที่นี่แน่นอน เธอยังไม่เคยทำอาหารแจกคนหมู่มากขนาดนี้มาก่อน จึงคิดว่าคงไม่ยากเกินความสามารถอย่างน้อยเธอขอเป็นผู้ช่วยทำครัวไปก่อนคงได้อยู่
“เสร็จแล้วเจ้าช่วยเข้ามาทำความสะอาดบ้านพักข้า…อ่อต้องทำทุกวันนะ อย่าขาดสักวันเชียว”
แหม่พอบอกว่าใช้เธอหนักเป็นสองเท่าได้ก็เล่นใช้เธอใหญ่เลยนะพ่อคุณ
“ได้ขอรับ แล้วมีงานอะไรที่ข้าต้องทำอีกไหม”
เขาส่ายหน้าไม่มีอะไรที่อยากจะสั่งในตอนนี้ แต่อนาคตไม่แน่เอาไว้เขามาสั่งใหม่อีกทีก็ยังไม่สาย
เด็กหนุ่มคอตกไม่เคยรู้สึกท้อแท้ในโชคชะตาขนาดนี้มาก่อน จนวอลล็อคอดรู้สึกสงสารมันไม่ได้…ใช่สะที่ไหนเขารู้สึกสนุกที่ได้ปั่นประสาทมันมากกว่า
“ถ้างั้นข้าไปล่ะเจ้าหนู”
ขายาวหันหลังเดินกลับไปยังทางเดิมที่จากมาทำท่าเดินไปได้ประมาณสองถึงสามก้าวก็หยุดยืนแล้วหันหน้ามายังเห็นเจ้าเด็กทาสยืนคอตกนิ่งเงียบ นี่ถ้ามันแมวนะเราคงจะได้เห็นหางลู่หูตกตามตัวไปแล้ว
“เออนี่เจ้าหนู”
เสียงเรียกขานดังขึ้นทำให้เกรเทลเงยหน้าขึ้นมามองว่าอีกฝ่ายเรียกอีกทำไม ในเมื่อเขาก็กำลังจะเดินไปแล้วมิใช่เหรอ หยุดเดินทำไม…หรือเขาจะสั่งงานเธออีกรอบ?
“ข้าเกือบลืมเจ้านี่ไป”
วอลล็อคเดินกลับมายืนตรงหน้าเธอพร้อมหยิบกล่องอะไรบางอย่างออกมาจากกระเป๋าย่ามสะพายข้างของเขา มันเป็นกล่องไม้ขนาดกะทัดรัดพอดีมือถูกยื่นมาข้างหน้า ส่งผลให้เกรเทลยืนงงเป็นไก่ตาแตกว่ามันคือกล่องอะไรแล้วเอามาให้เธอทำไม
“เอา! รับไปสิยืนบื้ออยู่ทำไมส่งมือมารับสิเว้ย”
เพราะเด็กหนุ่มเอาแต่จ้องมองมาที่กล่องไม้ไม่วางตา จนเขาต้องพูดเตือนสติมันอีกรอบ ดูท่าอาการคนไม่ได้กินข้าวกลางวันจะออกฤทธิ์มากกว่าที่คิด สะมงสมองถึงได้ทำงานประมวลผลช้า
มือผอมแห้งยื่นมือไปรับอย่างระมัดระวัง สัมผัสแรกที่เธอรู้สึกได้คือมันค่อนข้างมีน้ำหนักเล็กน้อย ดูเหมือนภายในกล่องจะบรรจุเต็มไปด้วยของบางสิ่งบางอย่าง แม้เธอจะสงสัยแค่ไหนแต่ก็ยังไม่กล้าเขย่าหรือเปิดกล่องดูตอนนี้นัก
พอเด็กหนุ่มรับกล่องไม้ไปจากมือ เขาก็ตัดสินใจพูดขึ้นมาว่า
“ข้าแค่กินเหลือเจ้าเอาไปเถอะ”
ว่าแล้วเขาก็รีบหันหลังเดินจ้ำอ้าวออกไปโดยที่เกรเทลยังไม่ทันได้ถามว่ามันคืออะไรกันแน่ แต่อย่างไรก็ตามในเมื่อเขาไปแล้วเธอจึงค่อย ๆ งัดฝ่ากล่องไม้ออกอย่างช้า ๆ ด้วยความระมัดระวังกลัวของข้างในจะตกหล่นเสียหาย
ภาพที่เธอได้เห็นทำให้เด็กสาวมีสีหน้าฉงนงงกับสิ่งที่เขาพูดออกมาเมื่อครู่ มันช่างสวนทางกับหลักฐานภายในอุ้มมือน้อย ๆ ของเธอยิ่งนัก
เพราะภายในกล่องไม้นี้เมื่อเธอเปิดฝ่ามันออกมากับมีข้าวหอมอุ่น ๆ อบอวลไปด้วยกลิ่นเครื่องเทศ ไหนจะเนื้อสัตว์อย่างไก่ชุบแป้งทอดกรอบสีทองอร่ามและผักสลัดถูกจัดวางอยู่มุมกล่องเล็ก ๆ เพื่อทานปิดท้ายมื้ออาหาร
มองภาพรวมแล้วยังไงก็ไม่ใช่ของเหลือตามที่นายหัวเขียวพูด เป็นกล่องข้าวที่สมบูรณ์แบบมาก นี่มันแทบจะเป็นข้าวกล่องใหม่ด้วยซ้ำไป
ชายหนุ่มเดินออกมาไกลแล้วหลังจากที่เอาข้าวกล่องของตนเองให้เจ้าหนูทาสไป ตอนเขาทำโทษพวกลูกน้องเสร็จเขาก็แอบยืนมองเด็กใหม่นั้นทุกฝีก้าวจนเห็นว่ามันไม่ได้ถือข้าวกลางวันออกมาด้วย นั้นหมายความว่าข้าวกลางวันหมดพอดีตอนมีเหตุการณ์ชุลมุน พักหลังมานี้ข้าวที่โรงอาหารหมดไวผิดปกติ สงสัยเขาต้องตรวจสอบเสียหน่อยแล้วว่ามีการยักยอกงบประมาณภายในครัวหรือเปล่า
สภาพเด็กหนุ่มร่างผอมกะหร่องเดินคอตกออกมาจากโรงอาหารทำให้เขานึกสงสารปนเอ็นดู จึงตัดสินใจเดินย้อนกลับไปบ้านพัก เอากล่องข้าวตนเองที่แม่บ้านทำแยกไว้ให้เอาไปให้มันแทน ไม่ใช่เพราะเขาพิศวาสอะไรนะแต่กลัวมันจะเป็นลมไปก่อนทำงานให้เขาเสร็จต่างหาก
ดูย้อนแย้งในตัวเองแต่ใครจะสนล่ะ เขาทำเนื่องจากพอใจที่จะทำใครจะคิดอย่างไรไม่เกี่ยวกับเขา
ร่างสูงเลยแอบตามดูว่ามันจะทำยังไงต่อ มีบ้างที่บางครั้งเขาไม่มีเวลาก็ส่ง ‘เจ้านั่น’ ไปดูแทนเพราะใช่ว่าเขาจะมีเวลาตามดูพฤติกรรมมันได้ตลอด เขาเองก็เป็นคนมีการมีงานที่ต้องทำล้นมือไปหมด การใช้ตัวช่วยบ้างเล็ก ๆ น้อย ๆ สามารถทุ่นแรงไปได้มาก
วอลล็อคตามดูเกรเทลเดินแจกขนมปังและน้ำตามที่เขาสั่งอย่างไม่มีขาดตกบกพร่อง รวม ๆ แล้วเกือบ 20 นาที ที่แฝงกายหลบอยู่ตามซุ้มต้นไม้ใหญ่ที่มีหญ้าขึ้นสูง เขาได้สร้างม่านบังตาไม่ให้คนสังเกตเห็นว่าเขายืนอยู่แถวนี้
จนกระทั่งมันเดินมาแจกขนมปังให้ทาสกรงสุดท้ายเสร็จ เขาว่าจะรอจังหวะที่มันพักหรือไม่มีคนอยู่บริเวณนี้เดินเข้าไปหา แต่อยู่ดี ๆ มันก็ยืนนิ่งอยู่นานข้าง ๆ กล่องลังที่ใส่ขนมปัง ชายหนุ่มขมวดคิ้วมุ่นว่ามันยืนทำซากอะไรทำไมไม่เดินไปไหน ไม่นานเกรเทลก็มีท่าทางลุกลี้ลุกลนแปลกประหลาดหันซ้ายหันขวาเหมือนกลัวอะไรสักอย่าง แล้วมันก็หยิบเอาขนมปังขึ้นมาหนึ่งก้อนทำการยัดใส่ใต้เสื้อตนเองอย่างรวดเร็ว!
…ไอ้หนูเจ้าขโมยขนมปังเหรอ?…
เขาไม่แปลกใจเท่าไรกับภาพที่เห็นตรงหน้าเพราะการที่คนเราจะขโมยของกินมีไม่กี่เหตุผลหรอก ถ้าไม่หิวเอง ก็เอาไปให้คนอื่นกิน แต่วอลล็อคเชื่อว่าเป็นข้อแรกมากกว่า
ครั้งแรกที่มันยื่นข้อเสนอมา เจ้าหนูบอกแค่ว่าขอที่พักและอาหารก็พอแล้วมันไม่ต้องการเอาค่าจ้างใด ๆ ซึ่งเขาพอเข้าใจได้ เมื่อคนเราเคยอดยากมาก่อนมันก็จะไม่ยอมกลับไปอดยากเป็นครั้งที่สองแน่นอน ความเป็นมนุษย์บางทีก็โหดร้ายเกินไป
การดิ้นรนเอาตัวรอดของมันสำหรับเขาถือว่ามันทำได้ดี ตั้งแต่เจอหน้ากันครั้งแรกจนถึงวันนี้แม้จะผ่านมาไม่กี่วันแต่แววตาของเจ้าหนูยังคงเหมือนเดิมไม่มีเปลี่ยนแปลง
มันคือความทระนงและไม่ยอมแพ้
เขาชอบคนที่มีแววตาแบบนี้มันทำให้เขานึกถึงมารดาที่จากไป แต่การขโมยของไม่ใช่สิ่งที่ถูกต้องนัก ฉะนั้นเขาจะสั่งสอนบทเรียนให้มันได้เรียนรู้เล็ก ๆ น้อย ๆ พอให้เกรเทลสำนึก
แล้วช่างประจวบเหมาะที่เด็กหนุ่มเดินหลบมายังจุดที่เขายืนพอดิบพอดี เขาเลยไม่จำเป็นต้องเดินไปไหนไกลแค่ลดม่านบังตาลงแล้วเอ่ยทักก็ทำให้ร่างเล็กสะดุ้งตกใจแล้ว
การเล่นบทละครสักฉากสองฉากสำหรับเขามันเป็นเรื่องธรรมชาติจนติดเป็นสันดานไปแล้ว เก๊กหน้าโหดให้เด็กกลัวเป็นงานที่เขาถนัดยิ่งกว่าใครในโลก แถมผลพลอยได้จากการเก๊กโหดยังทำให้เขาสามารถแกล้งสั่งงานมันได้ถึงสองเท่า! โอกาสดีขนาดนี้ไม่ได้มีมาบ่อย ๆ ถือว่าเสียได้แก้เผ็ดรับน้องใหม่ไปด้วยในตัว
รู้สึกได้เลยว่าความสนุกเพิ่งจะเริ่มต้นขึ้นเจ้าทาสตัวน้อย
วอลล็อคคิดอะไรเพลิน ๆ จนเดินมาถึงโรงครัวเพื่อจัดการปัญหาที่เขาสงสัยตั้งแต่ช่วงเที่ยง ท่าทางวันนี้จะเป็นวันซวยซ้ำซวยซ้อนของคนเข้ากะทำงานเพราะอีกไม่นานเราจะได้เห็นคนครัวและนักการบัญชีถูกเด้งออกจากงานเรียงคนกันเลยทีเดียว
อารอล์ฟถึงกับกุมขมับกับคำสั่งที่เจ้านายตนเองสั่งการออกมาเมื่อไม่กี่สิบนาทีก่อนหน้านี้ว่าให้รีบจัดการคัดคนงานออกตามรายชื่อที่เขาเป็นคนรวบรวมมาด้วยตนเอง ซึ่งน่าแปลกที่ร้อยวันพันปีนายเขาไม่เคยลงมาเช็กรายชื่อละเอียดยิบแบบนี้ นาน ๆ ครั้งจะมีส่งตัวแทนไปดูแลมากกว่า
ไม่รู้พี่เขาไปคึกกินรังแตนที่ไหนมานอกจากให้คัดคนออกแล้วยังสั่งให้อารอล์ฟว่าจ้างคนครัวใหม่ที่ไว้ใจได้ พร้อมทั้งมอบหมายให้เขาเลื่อนตำแหน่งงานจากคนจัดเรียงนับจำนวนทาสให้มาดูแลทำบัญชีทั้งหมดภายในตลาดค้าทาสแทน
แค่คิดก็ปวดหัวแล้วเขาไม่น่าพลาดบอกวอลล็อคไปเลยว่า ตนเองคิดคำนวณตัวเลขแม่นบวกกับไรเดอร์ชอบเอาเรื่องที่เขาคำนวณเก่งไปโม้กับคนนั้นคนนี้ทั่วทั้งค่าย หมดกันวันหยุดพักผ่อนอันแสนสงบ
เสียงเปิดประตูดังขึ้นจากทางเดินเข้าบ้านอารอล์ฟหันไปมองก็เจอกับรูมเมตตนเองที่เดินเสมือนร่างไร้วิญญาณลอยไปยังเตียงตนเองแล้วล้มลงดังตึง สงสัยจะเหนื่อยจัดโดนให้ทำงานวันแรกก็งี้เพราะเขาก็ผ่านมันมาแล้วบอกได้เลยว่ารากเลือด
“ไงเด็กใหม่ทำงานวันแรก”
อารอล์ฟนอนเอาแขนหนุนต้นคออยู่เขาขี้เกียจลุกเดินไปหาจึงเลือกตะโกนข้ามฝั่งไปตรงข้ามแทน
“เกือบ…ตาย”
เสียงอู้อี้ขานกลับมาดูเหมือนมันจะเอาหน้าซุกหมอนทำให้เสียงที่ได้ยินขาดช่วงไปบ้างแต่ก็พอจับใจความได้
“มีเวลาพักเจ้าก็รีบพักเถอะ เดี๋ยวพอโดนใช้ขึ้นมาอีกจะได้มีแรงทำงานต่อ”
พูดจบเขาก็พลิกตัวลงจากเตียงเตรียมไปจัดการภาระหน้าที่ที่วอลล็อคสั่งให้เสร็จ ไหน ๆ ก็สั่งขนาดนี้แล้วก็ทำแม่งให้เสร็จภายในวันนี้ไปเลยให้จบ ๆ
“ข้าไปทำงานก่อนนะ เจ้าก็อย่าลืมเวลาไปโรงครัวกินข้าวด้วยล่ะ”
เกรเทลไม่ได้ตอบใด ๆ แค่ยกมือทำท่าโอเคส่งกลับไปแทน อารอล์ฟยกยิ้มน้อย ๆ ส่ายหน้ากับรูมเมตตนเองแล้วเปิดประตูเดินออกไปทิ้งให้เพื่อนนอนพักผ่อน เขาพอรู้ข่าวมาอยู่ว่าเด็กใหม่ไปทำงานอะไรที่ไหนบ้าง เนื่องจากเขาเป็นรูมเมตกับหมอนี่พวกปากหอยปากปูก็มักจะเอาเรื่องคนนั้นทีคนนี้ทีคาบมาเล่าให้เขาฟัง
โดยเฉพาะเรื่องเกรเทลเป็นที่โด่งดังมากทั้งขยัน ทำงานดี ทำงานเก่ง แค่วันแรกศักยภาพยังทำได้ขนาดนี้อนาคตแววเจ้าคนนายคนคงไม่ใกล้ไม่ไกล อารอล์ฟชื่นชมเกรเทลที่ต่อให้มันเป็นชนชั้นทาสแต่ก็ดิ้นรนสุดใจ เขาไม่ใช่คนประเภทแบ่งชนชั้นวรรณะใครทำดีมาเขาก็ดีกลับคืนไป
คราแรกที่ได้เห็นมันเดินเข้ามาในบ้านพักพูดได้คำเดียวว่ามันเป็นเด็กผู้ชายที่น่าสงสารคนหนึ่ง ใครต่อใครในตลาดค้าทาสโมเบียสแห่งนี้ต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่ามันไปทำอะไรมาทั้งตัวถึงไ้ด้น่วมขนาดนี้ จากแค่ความสงสารก็แปรเปลี่ยนมาเป็นความเห็นใจ เขาก็หวังไว้ว่าอนาคตชีวิตเพื่อนเขาคนนี้จะดีขึ้น ถึงไม่ได้รู้จักเป็นการส่วนตัวแต่สัมผัสแรกที่ได้นั้นมันทำให้เขารู้ว่าคนคนนี้ไม่ใช่คนอันตรายแน่นอน
------
คอมเมนต์เป็นกำลังใจให้ไรท์ได้นะคะ
หากพบคำผิด แก้ไขติชมโปรดคอมเมนต์อย่างสุภาพไรท์ยินดีปรับปรุงแก้ไขค่ะ
***
Talk with writer
ว้ายตายเอาข้าวกล่องมาให้แทนเหรอ ช่างน่าสงสัยเสียจริงพ่อหนุ่ม เตือนก่อนมิใช่นิยายวายเด้อเดี๋ยวไรท์เฉลยให้แต่จะเป็นตอนไหนอีกเรื่องนะคะ55555 ที่แท้นางวอลดี้ก็แค่เอ็นดูน้องสินะ แหม่ ๆ ไม่อยากจะแซว
****
แวะมาพูดคุยเล่นหรือดูอัพเดตเกี่ยวกับนิยายไรท์ได้ที่
Facebook : C.T.Tiana
X (Twitter) : @Ccttiana