บทที่ 40 ตอน การต่อสู้ของผู้เล่น
“การจัดการขององค์กร… องค์กรงั้นเหรอ งั้นก็แสดงว่า มีกลุ่มผู้เล่นบางคนแอบรวมตัวกันและจัดตั้งองค์กรลับขึ้นมาสินะ…” มู่โหยวขมวดคิ้ว
มนุษย์หมาป่าตัวนี้คงชื่อสัตย์ต่อองค์กร! นี่ไม่ใช่ข่าวดี
หากมนุษย์หมาป่าตัวนี้เป็นเพียงผู้เล่นทั่วไป เขาก็แค่ต้องหาทางฆ่ามัน แล้วตัวเขาเองก็จะปลอดภัย
แต่ถ้าหากมนุษย์หมาป่าตัวนี้มีเบื้องหลังที่ยิ่งใหญ่ การฆ่ามนุษย์หมาป่าก็มีแนวโน้มที่จะดึงดูดพวกเดียวกันเข้ามาเกี่ยวข้องมากขึ้น...
“คงจะเกิดเรื่องยุ่งยากตามมาสินะ...”
มู่โหยวถอนหายใจ
แต่ตามคำบอกเล่าของมนุษย์หมาป่า เด็กหญิงตัวน้อย ได้ขโมยบางสิ่งบางอย่างและหนีไป และมนุษย์หมาป่าตัวนี้ควรจะเป็นคนที่ ‘องค์กร’ ส่งมาเพื่อตามล่าเธอ...
เมื่อมองเช่นนี้ มนุษย์หมาป่าและเด็กหญิงตัวน้อย ก็มีความสัมพันธ์ที่ไม่ลงรอยกันเท่าไร พลังส่วนใหญ่ของพวกเขาทุ่มเทให้กับการต่อสู้ด้วยไหวพริบและความใจกล้าเท่านั้น
สำหรับมู่โหยว... ในสายตาของผู้เล่นอาวุโสสองคนนี้ เห็นได้ชัดว่าเขาเป็นเพียงมือใหม่ระดับต่ำ ประเภทที่สามารถจัดการได้อย่างง่ายดายเมื่อต้องเผชิญหน้า
นี่เป็นเหตุผลว่าทำไมมู่โหยวจึงสามารถใช้ชีวิตได้อย่างสะดวกสบายในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา เพราะความเกลียดชังและการคุกคามของมนุษย์หมาป่ามุ่งความสนใจไปที่เด็กหญิงตัวน้อย และมันไม่เคยสนใจมู่โหยวเลย... ซึ่งหมายความว่า การมีอยู่ของมู่โหยวไม่ได้อยู่ในสายตามันแม้แต่น้อย
มู่โหยวส่ายหน้าและมองย้อนกลับไปที่สนามรบอันห่างไกลอีกครั้ง
หลังจากที่ทั้งสองไล่ตามและหนีไปได้สักพัก สถานการณ์ก็เปลี่ยนไปทันที!
บางทีเมื่อรู้ว่าการหลบหนีไปเรื่อยๆ ไม่ใช่ทางออกที่ดี เด็กหญิงตัวน้อย จึงหยิบลูกบอลสีม่วงออกมาจากเอวด้วยมือขวาระหว่างม้วนตัว และขว้างมันลงกับพื้น
“ตู้มมม!”
เมฆควันสีม่วงกระจายออกมาเป็นวงกว้าง ปกคลุมพื้นที่โดยรอบทันทีด้วยรัศมีมากกว่าสิบเมตร และปกคลุมร่างของเด็กหญิงตัวน้อย ไว้อย่างสมบูรณ์
จู่ๆ มนุษย์หมาป่าก็หยุดอยู่ตรงหน้าเมฆสีม่วง และไม่กล้าฝ่าเข้าไปโดยตรง มันยืนแคะหูและสังเกตการเคลื่อนไหวอย่างระมัดระวัง จากนั้นจู่ๆ ก็เหวี่ยงโซ่ตะขอที่แขนซ้ายของมันไปในทิศทางหนึ่ง
เสียงแหลมดังมาจากเมฆควัน ราวกับว่ามีบางอย่างถูกเกี่ยวไว้
ครู่ต่อมา โซ่ตะขอก็หดกลับ และร่างเล็กๆ บนตะขอก็กลับมาอยู่ในมือของมนุษย์หมาป่า
อย่างไรก็ตาม ทันทีที่โซ่ตะขอถูกดึงกลับไป การเยาะเย้ยที่มุมปากของมนุษย์หมาป่าก็แข็งทื่อ
เพราะสิ่งที่ติดอยู่ที่ปลายตะขอในเวลานี้ไม่ใช่เด็กหญิงตัวน้อย อย่างที่คิด แต่เป็นตุ๊กตาที่มีรอยยิ้มน่าเกลียดแทน!
“ฮ่าๆๆ...”
ทันใดนั้นตุ๊กตาเศษผ้าก็ระเบิดเสียงหัวเราะราวกับมีชีวิต โบกแขนขาของมันและกระโดดขึ้นมาเกาะบนใบหน้าของมนุษย์หมาป่า
ดูเหมือนว่ามนุษย์หมาป่าจะรู้ว่ามันเป็นไอเทมเวทมนตร์ประเภทไหน ดังนั้นเขาจึงไม่กล้าปล่อยให้มันเข้าใกล้
“ตู้มมมม!”
เสียงระเบิดสองครั้งดังขึ้นติดต่อกัน แต่ละครั้งมาจากร่างของตุ๊กตาเศษผ้าที่แยกออกเป็นสองส่วน เป็นไปได้ว่าถ้าความเร็วของมนุษย์หมาป่าช้ากว่านี้ หัวของมันคงจะถูกระเบิดไปแล้ว
ที่อีกฟากหนึ่งของควันสีม่วง เด็กหญิงตัวน้อย ก็ทะลุควันสีม่วงไปแล้วและรีบหนีไป หลังจากใช้ไอเทมล้ำค่าสองชิ้นติดต่อกัน ในที่สุดก็เพียงพอที่เธอจะสามารถออกห่างจากมนุษย์หมาป่าได้
เมื่อมนุษย์หมาป่าเห็นว่าอะไรไม่สามารถตามทันแล้วจึงหยิบบล็อกซีเมนต์ขนาดเท่าลูกบาสเกตบอลขึ้นมาแล้วขว้างมันออกไปราวกับลูกเบสบอล
บล็อกซีเมนต์ลอยออกไปราวกับลูกกระสุนปืนใหญ่ เด็กหญิงตัวน้อย ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากเปลี่ยนจากการถอยเป็นการป้องกัน เธอหยุดการโจมตีด้วยเวทย์มนต์ และปล่อยโล่เวทย์มนตร์อย่างทันที
ครู่ต่อมา บล้อกซีเมนต์ก็ชนกับโล่พลังสีน้ำเงิน และแตกกระจายออกไปเป็นก้อนกรวดนับไม่ถ้วน
แม้ว่าโล่เวทย์มนตร์จะช่วยเด็กหญิงตัวน้อย ป้องกันความเสียหายได้ แต่ก็ยากที่จะกำจัดผลกระทบออกไป เธอถูกเเรงของบล็อกซีเม้นต์ที่พุ่งมาชนอย่างรุนแรง เป็นผลให้เธอกระเด็นถอยหลังไปสองสามก้าวและตกลงจากขอบหลังคา
มู่โหยวยังคงคิดอยู่ว่า การกระทำครั้งใหญ่เช่นนี้ต้องดึงดูดตำรวจที่อยู่ด้านล่างใช่ไหม? ผลก็คือเมื่อเขาหันกลับมา เขาเห็นเด็กหญิงตัวน้อยที่ตกลงมาจากหลังคา แขวนอยู่กลางอากาศ และเขาก็ลุ้นไปกับเธอจนเหงื่อเปียกโชก
แต่ไม่นานเขาก็พบว่าตัวเองกังวลมากเกินไป
เด็กหญิงตัวน้อย โบกไม้กายสิทธิ์ของเธออย่างสงบ ร่างของเธอลอยขึ้นแทนที่จะตกลงไป และลอยขึ้นไปสูงกว่าสิบเมตรเหนือหลังคา มองลงไปที่มนุษย์หมาป่าจากตำแหน่งสูง คราวนี้ ในที่สุดเธอก็สามารถร่ายเวทย์ได้โดยไร้อุปสรรค!
มู่โหยวเห็นเพียงเด็กหญิงตัวน้อย ถือไม้กายสิทธิ์ของเธอ และริมฝีปากของเธอก็เริ่มกระเพื่อมอย่างรวดเร็ว
แสงหลากสีสันหลั่งไหลมาจากปลายไม้กายสิทธิ์!
เมื่อมองไปพบว่ามีทั้ง ลูกไฟขนาดใหญ่ หอกน้ำแข็ง สายฟ้า ไฟที่กำลังลุกโชน...
พลังงานที่ยิ่งใหญ่มหาศาลกำลังปรากฎอยู่บนหลังคา และโจมตีมนุษย์หมาป่าด้านล่างด้วยความแม่นยำราวกับขีปนาวุธ
มีมากแค่ไหนกันเนี่ย? มากกว่าสิบคาถาหรือเปล่านะ?
มู่โหยวไม่สามารถนับจำนวนคาถาที่สาวน้อยร่ายได้ในเวลาเพียงไม่กี่วินาที กล่าวโดยสรุป มนุษย์หมาป่าถูกล้อมรอบไปด้วยพลังธาตุที่หลากหลาย และพุ่งเข้าโจมตีมันจนเกิดไฟและควันลุกท่วมมากมาย เด็กหญิงตัวน้อย ยังคงไม่พอใจ เธอจึงเปิดขวดยาสีน้ำเงิน เทมันลงไป และทิ้งระเบิดต่อไป ในเวลาเดียวกัน เธอไม่ลืมที่จะหยิบระเบิดสองลูกออกมา กัดสลักออกแล้วโยนมันลงในเปลวไฟด้านล่าง
“ตูม ตูม ตูม…”
เสียงระเบิดอย่างต่อเนื่องดังขึ้นบนหลังคา และทั้งอาคารก็สั่นสะเทือนราวกับแผ่นดินไหว เปลวไฟและควันปกคลุมทิวทัศน์ส่วนใหญ่จากด้านบนของอาคาร
“รู้สึกมีไฟแฮะ อยากจะมีพลังแบบนี้บ้างจัง...”
มู่โหยวกลืนน้ำลายขณะดู เขาพูดไม่ออกด้วยความตกใจ
นี่คือการต่อสู้ที่แท้จริงระหว่างผู้เล่นระดับสูง! มันน่าตกใจเกินไป มันเจ๋งกว่าสเปเชียลเอฟเฟกต์ของหนังดังอีก!
ความแข็งแกร่งของสาวน้อยคนนี้เกินจินตนาการของเขา แน่นอนว่าอย่าได้ประมาทความสามารถของนักเวทย์!
ในเวลาเดียวกัน ความคาดหวังอันแรงกล้าก็เกิดขึ้นในใจของมู่โหยว เมื่อไหร่เขาจะมีพลังการต่อสู้เช่นนี้?
เหตุระเบิดกินเวลานานถึงครึ่งนาที!
เมื่อทุกอย่างหยุดลง มู่โหยวก็ได้ยินเสียงอุทานของฝูงชนชั้นล่าง เช่นเดียวกับเสียงไซเรน
เห็นได้ชัดว่าการต่อสู้ครั้งใหญ่บนหลังคาดึงดูดความสนใจของชาวเมือง และพวกเขาถูกตำรวจล้อมไว้
มู่โหยวไม่มีเวลาสนใจเรื่องนี้ เขารีบมองไปที่ศูนย์กลางของระเบิดตรงนั้น
ในเวลานี้ พื้นที่ยังคงถูกปกคลุมไปด้วยเปลวไฟและควัน จึงไม่สามารถมองเห็นได้ชัดเจนจากระยะไกล
“มนุษย์หมาป่า…ควรจะตายไปแล้วใช่ไหม?” มู่โหยวคิด
เมื่อถูกโจมตีด้วยเวทมนตร์มากมายในเวลาเดียวกัน เขานึกไม่ออกเลยจริงๆ ว่ามนุษย์หมาป่าตัวนี้จะสามารถรอดจากการโจมตีนี้ได้อย่างไร...
เด็กหญิงตัวน้อย จากที่สูงก็ร่อนลงอย่างช้า ๆ ในเวลานี้ ร่างของเธอสั่นเล็กน้อย
เห็นได้ชัดว่าโจมตีในตอนนี้ไม่ได้ถูกใช้ฟรีๆ เห็นได้ชัดว่าพลังมานาของเธอถูกดึงออกมามากเกินไป และเป็นการยากที่จะรักษาสมดุลของเธอขณะลอยอยู่
อาจเป็นเพราะสภาพย่ำแย่เกินไป นักเวทย์ที่ไม่มีพลังเวทย์มนตร์ก็เหมือนกับเป้านิ่ง ประกอบกับเสียงไซเรนของตำรวจที่ชั้นล่างดังขึ้นเรื่อยๆ เด็กหญิงตัวน้อยจึงเตรียมที่จะออกจากสถานเกิดเหตุโดยเร็วที่สุด
แต่สิ่งที่ทั้งสองคนไม่คาดคิดก็คือในขณะที่เธอหันกลับมา จู่ๆ โซ่ตะขอก็พุ่งออกมาจากควันและฝุ่นด้านล่าง และภายใต้ไฟที่ปกคลุม มันก็ทะลุไหล่ของเด็กหญิงตัวน้อยทันที และดึงเธอลงไปในซากปรักหักพังด้านล่าง เปลวไฟสลายไป
และมนุษย์หมาป่าก็ยืนอยู่ที่นั่นร่างของมันโชคไปด้วยเลือดผิวหนังไหม้เกรียมจนเป็นสีดำ แต่มันก็ยังมีชีวิตอยู่และดูเหมือนว่า จะอยู่ในสภาพดี
“นี่คือมนุษย์หมาป่าเสี่ยวเฉียงเหรอ? โดนขนาดนี้ยังไม่ตายอีกเหรอ?” มู่โหยวตกตะลึง
ท้ายบท เสี่ยวเฉียง คือ สิ่งที่ยากจะทำลาย หรือผู้ไม่อาจฆ่าได้ เป็นคำแสลงของคนจีนที่ใช้เปรียบเทียบความแข็งแกร่งแบบแมลงสาบ -’.’-