1260 - ความเศร้าโศกของหงส์งาม
1260 - ความเศร้าโศกของหงส์งาม
ชายชราคนหนึ่งเดินผ่านมาและเคาะหัวไหล่ฉีลั่วเบาๆ จากนั้นฉีลั่วก็ดึงเย่ฟ่านและคนอื่นๆ ออกไปพร้อมกับใช้พลังวิญญาณกล่าวว่า
“คราวนี้แย่แล้วจริงๆ ยอดฝีมือทั้งวังอเวจีและวังพิภพต่างถูกระดมมาที่นี่เพื่อสังหารเย่ฟ่านล้างความอัปยศเมื่อครั้งก่อนให้ได้”
“ข้าจะไม่เป็นไร แต่ท่านต้องให้ความสนใจมากกว่านี้”
สีหน้าของเย่ฟ่านไม่เปลี่ยนแปลง เขารู้อยู่แล้วว่าครั้งนี้จะต้องมีบางอย่างเกิดขึ้น และมันไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะไปถึงแท่นบูชาห้าสี
ในหุบเขามีต้นไผ่สีเขียว น้ำพุไหลเชี่ยว และพลังวิญญาณพลุ่งพล่านอยู่ทุกหนทุกแห่ง ไม่เพียงแต่ยอดฝีมือเผ่าพันธุ์มนุษย์จะสร้างตลาดขนาดใหญ่เพื่อแลกเปลี่ยนทรัพยากรกันที่นี่ เผ่าพันธุ์โบราณก็มีส่วนร่วมอีกด้วย
สมบัติที่มีค่ามากมายถูกนำออกมาวางบนแผงลอย อย่างไรก็ตามราคาของพวกมันสูงลิ่วจนแทบจะทำให้ผู้คนเกิดความเวียนหัว
จักรพรรดิดำยังคงดำเนินการซื้อวัสดุเพิ่มเติม ในขณะที่ต้วนเต๋อมองซ้ายมองขวาแล้วยังไม่พบสิ่งที่ตัวเองต้องการ
“องค์ชายศักดิ์สิทธิ์...”
สิ่งมีชีวิตโบราณตามแสดงความเคารพอย่างนอบน้อม จากนั้นก็มีบางคนส่งข่าวออกมาผ่านการส่งสัญญาณเสียง
“จริงหรือ? ข้าเข้าใจ ขอบคุณเผ่าของเจ้ามาก ในอนาคตถ้าจะตอบแทนให้อย่างแน่นอน” วานรศักดิ์สิทธิ์พยักหน้า
“มีอะไรผิดปกติ?” เอี๋ยนอี้ซีถาม
“เทียนหวงจื่อก็หมกมุ่นอยู่กับข้าเช่นกัน เขาระดมยอดฝีมือจากเผ่าโบราณหลาย สิบคนเพื่อร่วมมือกันในการสังหารข้ากับเย่ฟ่าน” วานรศักดิ์สิทธิ์กล่าว
ทุกคนต่างอ้าปากค้าง ตอนนี้เย่ฟ่านมีชื่อเสียงไปทั่วโลก คนส่วนใหญ่ไม่กล้าโจมตีเขาและต้องการอยู่ห่างๆ คนที่กล้าวางแผนลอบสังหารเขาได้จะต้องเป็นหนึ่งในผู้ที่มีภูมิหลังอันยิ่งใหญ่แน่นอน
วิหารบรรพชนจงโจวมีจิตสังหารอยู่ทุกย่างก้าว จะต้องเกิดพายุนองเลือดซึ่งร้ายแรงกว่าที่พวกเขาจินตนาการไว้
“ไม่จำเป็นต้องกังวล มันเป็นเรื่องยอดเยี่ยมอย่างยิ่งที่เราจะได้ฆ่าศัตรูทั้งหมดก่อนออกเดินทาง” เย่ฟ่านไม่สนใจ
ต้วนเต๋อกล่าวอย่างเย็นชา “คนเหล่านี้สะกดคำว่าตายไม่เป็น พวกเขาไม่รู้ว่าวิหารบรรพชนนั้นน่ากลัวแค่ไหน มันถูกปิดผนึกมาหลายแสนปีแล้ว เมื่อเข้าไปข้างในการจะเอาชีวิตรอดยังเป็นเรื่องยาก นับประสาอะไรกับการตั้งเป้าหมายในการฆ่าผู้อื่น”
ในขณะนี้ผู้คนจำนวนมากยืนอยู่หน้าแผงลอย เย่ฟ่านและคนอื่นๆ เลือกดูสินค้าไปทั่ว แต่สายตาของต้วนเต๋อกลับจับจ้องไปยังบริเวณหนึ่ง
“นักพรตเจ้าจะซื้อหรือเปล่า ถ้าไม่ก็หลีกทางให้ข้า” ชายที่อยู่ข้างหลังกล่าวอย่างเย็นชา
“ราคาเท่าไหร่!” ต้วนเต๋อกล่าวกับเจ้าของแผงโดยไม่หันกลับไปมองชายที่กล่าววาจาจากด้านหลัง
เจ้าของแผงขายของเป็นชายวัยกลางคนที่มีฐานการบ่มเพาะค่อนข้างต่ำตระกูลของเขาเป็นนักสร้างอาวุธมาตั้งแต่ยุคโบราณ
อย่างไรก็ตามอาวุธชิ้นนี้ไม่ได้เป็นผลงานเอกอะไร มันถูกสร้างขึ้นจากโคลนเปื้อนเลือดและมีรูปร่างที่ค่อนข้างน่าเกลียด เขาไม่คิดเลยว่าจะมีผู้คนมากมายให้ความสนใจกับมัน
“มันเป็นของธรรมชาติที่หายาก นี่คือลั่วถูคนที่ไม่รู้คุณค่าจะไม่เข้าใจว่าเอาไปทำอะไร วัตถุชิ้นนี้มีอำนาจในการปราบปรามวิญญาณชั่วร้ายทั้งปวง” นี่คือการประเมินของต้วนเต๋อ
ในเวลาเดียวกัน เขาก็ตระหนักว่ามีคนมากมายที่มีสายตาค่อนข้างดีพวกเขาสามารถเลือกซื้อหาสินค้าได้อย่างแม่นยำ เห็นได้ชัดว่าในหมู่คนจำนวนมากก็มีผู้เชี่ยวชาญอยู่ไม่น้อยเช่นกัน
เย่ฟ่านก้าวไปข้างหน้าและวางต้นกำเนิดสวรรค์ขนาดเท่ากำปั้นลงบนเสื่อฟางเพื่อซื้อหาสมบัติชิ้นหนึ่ง
ยอดฝีมือของเผ่าพันธุ์โบราณมีสีหน้าเย็นชา พวกเขาไม่เคยขาดแคลนต้นกำเนิดสวรรค์ดังนั้นจึงหยิบออกมาเพิ่มสองเท่า
เย่ฟ่านออกเพียงยิ้มและหยิบทองคำโลหิตหงส์ชิ้นเท่าปลายเล็บออกมา
นี่คือหนึ่งในสมบัติที่ยิ่งใหญ่มากที่สุดในโลก สีหน้าของยอดฝีมือเผ่าพันธุ์โบราณเปลี่ยนไปอย่างรุนแรง ในเวลาต่อมาก็มีใครบางคนจดเย่ฟ่านได้ พวกเขากระซิบ
“นี่คือร่างศักดิ์สิทธิ์เซียนโบราณ!”
เมื่อชื่อเสียงของเย่ฟ่านปรากฏออกไปสีหน้าของผู้คนจำนวนไม่น้อยก็บิดเบี้ยวอย่างรุนแรง พวกเขาประสานมือแสดงความเคารพต่อเย่ฟ่านและถอนตัวออกจากการประมูลทันที
“เขาเป็นผู้นำทหารม้านับแสนบุกไปทำลายตระกูลโบราณในเป่ยหยวนให้ราบเรียบ?” หลายคนอ้าปากค้าง
“เขาเป็นคนที่ฆ่าบุตรศักดิ์สิทธิ์หยวนกู่ สังหารผู้คนนับแสนในภูเขาเทียนต้วนและเปลี่ยนให้ดินแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งนั้นกลายเป็นลานประหารอันยิ่งใหญ่มากที่สุดในโลก!”
ผู้คนมากมายตามถอยหลังด้วยความกลัว นี่คือเทพสังหารผู้ยิ่งใหญ่ หากทำให้เขาไม่พอใจแม้แต่น้อยอาจมีคนโชคร้ายได้
ในอีกด้านหนึ่งมีหญิงสาวผู้สง่างามคนหนึ่งก้าวออกมาจากสถานที่ชุมนุมของยอดฝีมือแห่งตระกูลเฟิง นางสวมหน้ากากปิดบังใบหน้าแต่มีรูปร่างที่งดงามเป็นเอกลักษณ์อย่างยิ่ง
แน่นอนว่านางคือเฟิงหวงองค์หญิงแห่งตระกูลเฟิง ดวงตาของนางมีประกายแปลกๆเมื่อจ้องมองเย่ฟ่าน
ในอดีตหัวใจของนางสูงเสียดฟ้าและนางปฏิเสธที่จะแต่งงานกับร่างศักดิ์สิทธิ์เซียนโบราณในครั้งนั้น และเมื่อตอนนี้หลังจากพบกันอีกครั้งโอกาสนั้นไม่มีทางย้อนคืนอีกแล้ว
แม้ว่าพรสวรรค์ของนางจะน่าทึ่งและการฝึกฝนของนางก็ก้าวไปข้างหน้าอย่างก้าวกระโดด แต่เมื่อเปรียบเทียบกับเย่ฟ่านพรสวรรค์ของนางไม่นับเป็นอะไรได้
แม้แต่สหายเพียงคนเดียวอย่างราชาเผิงน้อยปีกทองก็ยังตายอยู่บนเส้นทางนี้ จะเห็นได้ว่าโลกแห่งการฝึกฝนนั้นน่าสะพรึงกลัวมากเพียงใด
หลายปีที่ผ่านมาหูฟังนางได้ยินข่าวลือมากมายเกี่ยวกับเย่ฟ่าน ร่างศักดิ์สิทธิ์เซียนโบราณเติบโตขึ้นทีละขั้น เขาเป็นศัตรูกับคนทั่วโลกมานานนับสิบปีแต่กลับไม่มีใครทำอะไรเขาได้
ในโลกยุคปัจจุบันเขากลายเป็นหนึ่งในยอดฝีมือที่แข็งแกร่งที่สุดไปแล้ว หากไม่ใช่สิ่งมีชีวิตระดับเซียนรับรองว่าจะไม่มีใครกินเขาลงอย่างแน่นอน
ในตอนนั้นนางปฏิเสธการสู่ขอจากราชาสวรรค์ผู้ไม่มีใครเทียบได้ทั้งยังฉีกใบหน้าของราชันศักดิ์สิทธิ์แห่งตระกูลเฟิงซึ่งเป็นปู่ของนางโดยตรง
นางทำตัวหยิ่งยโส และปฏิเสธการแต่งงานอย่างเด็ดขาด แต่สุดท้ายเมื่อเวลาผ่านไปเพียงสิบปีความแข็งแกร่งของเขาราวกับยืนอยู่คนละโลกกับนางแล้ว
เมื่อเฟิงหวงตระหนักถึงตรงนี้นางก็ได้แต่ถอนหายใจ ตอนนั้นนางมีความภาคภูมิเกินไปจนพลาดโอกาสครั้งยิ่งใหญ่มากที่สุดในชีวิต
ที่กล่าวเช่นนี้ไม่ใช่ว่านางหลงรักเขา อย่างไรก็ตามเรื่องที่นางปฏิบัติตัวต่อเย่ฟ่านอย่างเลวร้ายนั้นเป็นสิ่งที่ไม่อาจปฏิเสธได้ ดังนั้นนางจึงรู้สึกเสียใจต่อการกระทำของตัวเองอย่างยิ่ง
“เราจะหลีกทางให้สหายเย่ เราไม่ต้องการสมบัติชิ้นนี้อีกแล้ว”
ยอดฝีมือของเผ่าพันธุ์โบราณหลายสิบคนที่คิดจะประมูลสินค้าแข่งขันกับเย่ฟ่านต่างถอยกลับอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ พวกเขาไม่อาจกระตุ้นโทสะของเทพสังหารผู้ชั่วร้ายคนนี้ให้ตื่นขึ้นมา
“ทุกคนล้วนเป็นทายาทของราชวงศ์โบราณอันยิ่งใหญ่ พวกเขายอมแพ้แค่นี้หรือ?”
ทุกคนรู้สึกประหลาดใจเป็นอย่างมากที่เผ่าพันธุ์โบราณยอมแพ้ต่อเย่ฟ่านอย่างง่ายดายแบบนี้
“นั่นคือร่างศักดิ์สิทธิ์เซียนโบราณ แม้แต่ทายาทจักรพรรดิผู้ยิ่งใหญ่ระดับเซียนเทียมขั้นสามเขายังฆ่ามาแล้วนับประสาอะไรกับปรมาจารย์ศักดิ์สิทธิ์เท่านั้น” มีคนถอนหายใจ
เฟิงหวงยังมองเหตุการณ์ทั้งหมดอย่างเงียบๆและไม่ได้สอดแทรกวาจาแต่อย่างใด
“ท่านปู่!”
ในขณะนี้ราชันศักดิ์สิทธิ์ตระกูลเฟิงปรากฏตัวขึ้น เฟิงหวงก็อุทานด้วยความตกใจ
เย่ฟ่านได้ยินเสียงนี้ก็หันกลับไปมองเฟิงหวงเป็นครั้งแรก จากนั้นเขาก็เห็นชายวัยกลางคนผู้สง่างามยืนอยู่อยู่ไม่ไกล
“คำนับผู้อาวุโส ไม่พบกันหลายปีแล้ว”
เย่ฟ่านรีบแสดงความเคารพอย่างนอบน้อม เขาไม่เคยลืมว่าหนึ่งในผู้ที่ช่วยเหลือให้เขาพ้นจากคำสาปร่างศักดิ์สิทธิ์เซียนโบราณได้สำเร็จก็คือตระกูลเฟิงนี่เอง
“เมื่อพบเจ้าอีกครั้ง ข้าเพิ่งตระหนักได้ว่าครั้งนี้ตัวเองแก่ชรามากเพียงใด” ราชันศักดิ์สิทธิ์ตระกูลเฟิงถอนหายใจ
ในอดีตเย่ฟ่านเป็นเพียงเด็กน้อยที่อยู่ในอาณาจักรลับสี่สุดขั้วเท่านั้น แต่ตอนนี้เขามีความสามารถในการสังหารเซียนเทียมขั้นสามผู้แข็งแกร่งได้อย่างง่ายดายแล้ว
ซึ่งเห็นได้ชัดว่าไม่มีปรมาจารย์ศักดิ์สิทธิ์คนใดจะเทียบเขาได้
“หวงเอ๋อมานี่สิ ทำไมเจ้าไม่ทักทายสหายเก่าล่ะ”
ปรมาจารย์ศักดิ์สิทธิ์แห่งตระกูลเฟิงมองไปยังเทพอัจฉริยะแห่งตระกูลเฟิง
…………..