1259 - สามวันสุดท้าย
1259 - สามวันสุดท้าย
ในเวลานี้แม้ว่าเย่ฟ่านจะอยู่เพียงจุดสูงสุดของอาณาจักรเซียนเทียมขั้นสองแต่เขาก็มองเห็นเส้นทางที่จะก้าวไปข้างหน้าอย่างพร่ามัวแล้ว
ต่อให้เส้นทางที่จะทะลวงไปสู่อาณาจักรเซียนเทียมขั้นสามจะยังไม่ชัดเจนแต่เย่ฟ่านมีความเชื่อมั่นว่าเขาจะทะลวงผ่านมันได้สำเร็จอย่างแน่นอน และจะเกิดขึ้นในเร็วๆนี้อีกด้วย
“นี่คือเต๋าของข้าหรือ?” เย่ฟ่านกล่าวกับตัวเอง
จากนั้นเขาก็ใช้ค่ายกลเคลื่อนย้ายทางไกลที่จักรพรรดิดำมอบให้เดินทางกลับสู่จงโจงทันที
โลกเต็มไปด้วยความคุ้มคลั่ง ผู้คนมากมายต่างต้องการเสนอตัวเข้าสู่วิหารบรรพชนแห่งจงโจว ดินแดนที่สมบัติศักดิ์สิทธิ์มากมายนับไม่ถ้วนถูกเก็บไว้
สมบัติเซียน ความรู้ที่ถูกเก็บสะสมจากเซียนรุ่นก่อน และที่สำคัญที่สุดคือหม้อทองเหลืองซึ่งเป็นอาวุธเต๋าสุดขั้ว
กิเลสของมนุษย์นั้นไม่มีที่สิ้นสุด แม้กระทั่งยอดฝีมือที่เก็บตัวมาอย่างยาวนานหลายพันปีก็ยังเข้าร่วมการแย่งชิงครั้งนี้
ห้าภูมิภาคตกอยู่ในความสับสนวุ่นวาย ผู้แข็งแกร่งทั่วโลกต่างหลั่งไหลเข้าสู่จงโจวไม่ขาดสาย!
“อย่างน้อยเราต้องได้หม้อทองเหลืองใบนั้น เราจะไม่แย่งชิงความลับแห่งการเป็นอมตะกับพวกเจ้า แต่เราต้องได้สมบัติชิ้นนี้มาครอบครอง”
เผ่าพันธุ์โบราณยื่นข้อเสนออย่างเด็ดขาด พวกเขามีการสะสมองค์ความรู้ของปราชญ์โบราณมากมายนับไม่ถ้วน ดังนั้นพวกเขาย่อมปรารถนาสิ่งที่สามารถจับต้องได้อย่างเช่นหม้อทองเหลืองสีเขียวมากกว่า!
การเจรจาระหว่างสี่ราชวงศ์ศักดิ์สิทธิ์และดินแดนศักดิ์สิทธิ์แสงโชติช่วงที่มีต่อเผ่าพันธุ์มนุษย์จบไปตั้งนานแล้ว อย่างไรก็ตามสำหรับเผ่าพันธุ์โบราณนั้นมันเป็นเรื่องยากที่จะทำให้ทุกคนยินยอมพร้อมใจ
สาเหตุหลักก็เพราะเผ่าพันธุ์โบราณทั้งหมดไม่ได้เป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน ต่อให้มอบหม้อทองเหลืองใบนั้นออกไปก็ยากที่จะได้รับการยอมรับจากเผ่าพันธุ์โบราณทั้งหมดได้
เย่ฟ่านกลับมาแล้ว จิตใจของเขาเต็มไปด้วยความสงบ หลังจากที่ปรับอารมณ์ของตัวเองให้คงที่เขาก็พร้อมที่จะเดินทางกลับไปหาบิดามารดาแล้ว
หมู่บ้านเทียนจื่อยังคงเหมือนเดิม วานรศักดิ์สิทธิ์กลับมาตั้งแต่เมื่อหลายวันก่อน ความกังวลของเขาไม่เป็นความจริง อาของเขาเข้าสู่นิกายพุทธเพราะความศรัทธาของตัวเองไม่ได้ถูกผู้ใดบังคับ
ผังป๋อกล่าวว่าเมื่อพวกเขาเข้าไปในวิหารโบราณห้ามแยกกันอย่างเด็ดขาด เพราะไม่เช่นนั้นอาจทำให้ใครบางคนไม่สามารถเดินทางกลับสู่โลกได้
“ข้าอยากจะสังหารใครสักคนก่อนที่พวกเราจะจากไป” เย่ฟ่านกล่าว “ดูเหมือนครั้งนี้ข้าจะต้องจากไปจริงๆ หากไม่ทำเราจะไม่มีโอกาสแล้ว”
ในหมู่บ้านเทียนจื่อ หลี่เทียน หลี่เหอสุ่ย และคนอื่นๆ เศร้ามากและไม่ต้องการกล่าวคำอำลา
“ช่วงนี้จี้จื่อเยว่ไม่มาเลยหรือ” เย่ฟ่านถามอีกครั้ง
“เจ้าจะให้นางมาเพื่ออะไร นางมาแล้วเจ้าจะไม่ไปหรือ!” สุนัขสีดำตัวใหญ่กล่าวอย่างเย็นชา
ศาลบรรพชนของราชวงศ์อวี้หัวจะเปิดในสามวัน ในเวลานั้นยอดฝีมือทั้งหมดในโลกจะมารวมตัวกัน และก่อนที่จะมีใครเข้าไปข้างในได้มันจะต้องมีการต่อสู้ครั้งใหญ่เกิดขึ้น!
เย่ฟ่าน วานรศักดิ์สิทธิ์ และต้วนเต๋อ ออกเดินทางล่วงหน้าเพื่อหลีกเลี่ยงอุบัติเหตุ พวกเขาจำเป็นต้องเตรียมตัวให้พร้อมสำหรับทุกสถานการณ์
มีคนจำนวนน้อยนิดเท่านั้นที่สามารถเข้าสู่วิหารบรรพชนได้ มีเพียงผู้คนที่มีคุณสมบัติเหมาะสมซึ่งได้รับการยอมรับจากทุกคนเท่านั้น
และเมื่อเป็นเช่นนี้จะมีเพียงมรดกอมตะไม่กี่แห่งที่สามารถส่งคนเข้าไปข้างในได้
ทันทีที่เย่ฟ่านมาถึงจงโจว เขาก็ดึงดูดความสนใจของโลก
ราชวงศ์ทั้งสี่ประกาศว่าเขาคือผู้ที่มีคุณสมบัติเหมาะสมในการเข้าร่วมสำรวจวิหารบรรพชนอย่างแน่นอน ผังป๋อในฐานะผู้สืบทอดของเผ่าพันธุ์อสูรที่แข็งแกร่งที่สุดก็มีคุณสมบัติเช่นกัน
ต่อมาองค์ชายของเผ่าพันธุ์โบราณหลายคนต่างได้รับคุณสมบัตินี้ วานรศักดิ์สิทธิ์ เทียนหวงจื่อ หวงซูเต๋า ฮั่วหลินเอ๋อ ฮัวฉีจื่อและนักพรตเสิ่นล้วนได้รับสิทธิ์
หลี่เทียน หลี่เหอสุ่ย และคนอื่นๆ ไม่พอใจอย่างมาก พวกเขาไม่มีคุณสมบัติด้วยซ้ำ จักรพรรดิดำและต้วนเต๋อถึงกับตะโกนต่อว่าด้วยความไม่พอใจ
ครั้งนี้ผู้คนที่สามารถเข้าไปสำรวจข้างในมีน้อยมากกว่าที่ผู้คนจะจินตนาการไว้ แม้กระทั่งตัวแทนของมหาอำนาจทั้งห้าที่ครอบครองซากปรักหักพังนี้ก็ยังมีเพียงไม่กี่คนเท่านั้น
“ข้ารอไม่ไหวแล้ว ในครั้งนี้ข้าจะต้องฆ่าเทียนหวงจื่อให้ได้!” วานรศักดิ์สิทธิ์กล่าว
“ข้าก็หวังว่าหวังเถิงจะปรากฏตัวเช่นกัน” หลี่เหอสุ่ยและเจียงฮ่วยเหรินกล่าว
“ข้าเดาได้ว่าฮั่วอวิ๋นเฟยและหลี่เสี่ยวม่านจะต้องมาแน่นอน!” ผังป๋อกล่าวได้รอยยิ้ม
วิหารบรรพชนจะเปิดในอีกสามวัน ดังนั้นในช่วงเวลาที่เหลือสถานที่แห่งนี้จึงเต็มไปด้วยความคึกคัก ผู้คนนับล้านหลั่งไหลเข้ามาที่นี่แม้ว่าพวกเขาจะไม่มีโอกาสเข้าไปข้างในก็ตาม
“เราพร้อมหรือยัง?” เย่ฟ่านถาม
คราวนี้มันเป็นเรื่องที่สำคัญอย่างยิ่ง และสามารถตัดสินชีวิตและความตายได้ทุกเมื่อ พวกเขาไม่สามารถประมาทได้แม้แต่น้อย
“ไม่น่าจะมีปัญหา” ผังป๋อกล่าว ทุกคนได้ปรับตัวให้อยู่ในสภาพที่ดีที่สุดแล้ว และพร้อมที่จะเข้าไปข้างในได้ตลอดเวลา
“ชายชราตาบอดและผู้อาวุโสตู้เทียนอยู่ที่ไหน” เย่ฟ่านถาม
หลายคนสะดุ้งเมื่อได้ยินคำพูดของเขา และรู้ทันทีว่าเย่ฟ่านต้องการทำอะไร
เขาต้องการนำอาวุธเต๋าสุดขั้วเข้าไปข้างในหรือไม่ นี่อาจเป็นปัญหาร้ายแรงอย่างยิ่งเพราะมันเป็นข้อห้ามที่ใหญ่ที่สุดของการเข้าสู่ซากปรักหักครั้งนี้
“อย่าสร้างปัญหาดีกว่า หากเกิดอะไรขึ้นเราอาจกลายเป็นศัตรูของคนทั้งโลก” หลี่เหอสุ่ยกล่าว
“ไม่จำเป็นต้องใช้มันข้าแค่ต้องการถือไว้เท่านั้น ข้าไม่รู้ว่าทำไมแต่จิตใจของข้าสั่นสะเทือนอยู่ตลอดเวลาคล้ายกับจะพบอันตรายได้ทุกเมื่อ”
เย่ฟ่านขมวดคิ้ว เขาคิดว่ามันคงจะดีกว่าถ้านำอาวุธเต๋าสุดขั้วติดตัวไปด้วย
“ขอข้าลองคิดดู มีวิธีใดที่จะซ่อนกลิ่นอายได้ของมันได้”
แม้ว่าจักรพรรดิดำมักจะทำสิ่งที่ไม่น่าเชื่อถือ แต่เพื่อความปลอดภัยของเย่ฟ่าน สมองของมันมักจะคิดวิธีการที่ยอดเยี่ยมออกมาได้ตลอด
“เจ้ารู้สึกอะไร” วานรศักดิ์สิทธิ์ถาม
พวกเขาทุกคนล้วนเป็นสิ่งมีชีวิตที่แทบจะยืนอยู่บนจุดสูงสุดของโลกแล้ว ดังนั้นสัญชาตญาณของพวกเขาย่อมเป็นสิ่งที่สามารถเชื่อถือได้อย่างแน่นอน
“ไม่รู้” เย่ฟ่านส่ายหน้า เขากังวลเล็กน้อยแต่มันไม่ชัดเจนมากนัก “ครั้งที่แล้วข้าฆ่าคนไปมากมายในเทือกเขาเทียนต้วน บางทีพวกเขาอาจจะวางแผนตอบโต้ก็ได้?”
“บางทีคนเหล่านั้นอาจใช้แผนการย้อนศรเจ้า วิหารบรรพชนจงโจวเป็นการหลอกลวงครั้งใหญ่ แต่หากสังหารยอดฝีมือที่แข็งแกร่งที่สุดทั้งโลกในครั้งเดียวใครจะเป็นคนที่ได้ประโยชน์สูงสุดในเรื่องนี้!?”
เมื่อตระหนักถึงเรื่องนี้ทุกคนก็เริ่มอ้าปากค้าง
“เป็นไปไม่ได้” เย่ฟ่านส่ายหน้า จากนั้นเขาก็ลูบคางของตัวเองเบาๆแล้วกล่าวว่า “ข้าแค่กังวลว่าจะมีคนใช้วิหารบรรพชนนี้เพื่อวางกับดักจัดการข้าเป็นการเฉพาะ”
“เรื่องนี้ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้ เหตุการณ์บนภูเขาเทียนต้วนเพิ่งผ่านไปไม่นาน หากมีใครบางคนสามารถเก็บซ่อนอาวุธเต๋าสุดขั้วเข้าไปข้างในได้มันก็เป็นเรื่องยากที่เราจะรอดชีวิต!” ผังป๋อพยักหน้า
หลังจากที่จักรพรรดิดำครุ่นคิดอย่างหนัก ในที่สุดมันก็เริ่มหยิบวัสดุหลายอย่างออกมา วัสดุเหล่านี้จะถูกใช้เพื่อสร้างค่ายกลปิดผนึกขนาดเล็กและทำการปิดผนึกกลิ่นอายของอาวุธเต๋าสุดขั้ว
ในท้ายที่สุด หม้ออสูรกลืนสวรรค์ก็ถูกปิดผนึกไว้ภายในหยกเพียงก้อนเดียว นี่เป็นค่ายกลของจักรพรรดิอู่ซือ มันไม่มีประโยชน์มากนักดังนั้นจักรพรรดิดำจึงหลงลืมไปตั้งแต่เมื่อหลายปีก่อน
ต้วนเต๋อขมวดคิ้วและกล่าวด้วยความกังวล “ก่อนที่อาจารย์จะตายเขาได้มอบสมบัติชิ้นหนึ่งให้ข้า สมบัติชิ้นนี้มีความสามารถในการตรวจจับอันตรายที่อาจจะเกิดขึ้น และมันร้องเตือนข้าอยู่ตลอดเวลา”
“ในเมื่อเรารู้อยู่แล้วว่าจะมีบางอย่างเกิดขึ้น เช่นนั้นเราก็รวบรวมวัสดุเพื่อสร้างค่ายกลสังหารให้มากขึ้นหน่อย”
เย่ฟ่านรู้สึกว่าหลังจากที่เขากลับไปยังโลกแล้วอาจไม่ได้ใช้ต้นกำเนิดสวรรค์เท่าใดนัก ดังนั้นเขาจึงต้องการสร้างค่ายกลสังหารให้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้
“เรายังขาดทรัพยากรจำนวนมาก” จักรพรรดิดำกล่าว
“ยังเหลือเวลาอีกสามวัน เช่นนั้นก็ใช้เวลาที่เหลือในการรวบรวมพวกมันกันเถอะ” เย่ฟ่านกล่าว
………