บทที่ 401: สำคัญอย่างยิ่ง กลับสมาพันธ์เอเชีย!
ร่างของถังเจิ้นราวกับลำแสงบินลัดฟ้าหายไปในชั่วพริบตา
คุณภาพอากาศเมื่อเทียบกับขอโลกโหลวเฉิงแล้วที่โลกนี้สกปรกไปเลย ถังเจิ้นสัมผัสถึงเรื่องนี้ได้อย่างชัดเจน
ขณะบินบนท้องฟ้าสูงในโลกโหลวเฉิงนั้นการมองเห็นแทบจะไม่ได้รับผลกระทบใด ๆ และไม่มีกลิ่นแปลก ๆ ในอากาศทำให้เวลาบินนั้นทั้งผ่อนคลายและมีความสุข
แต่ที่โลกนี้ไม่ได้เป็นแบบนั้น แม้ว่าจะไม่ได้ส่งผลกระทบต่อการบินก็เถอะ แต่อากาศห่วย ๆ นี่มันก็น่ารำคาญไม่เบา!
เนื่องจากมือถือกำลังอัปเกรดอยู่จึงไม่สามารถใช้ [ม่านแสงควอนตัมเร้นกาย] ได้ทำให้เขาต้องเพิ่มเพดานบินให้สูงที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้เพื่อเลี่ยงไม่ให้คนบนพื้นเห็น
การบินบนฟ้าเมื่ออยู่ในโลกนี้อาจจะฟังดูเท่ แต่ก็มีปัญหามากมายตามมาด้วย!
ตอนนี้มันยังไม่ถึงเวลา ถ้าเกิดมีคนถ่ายติดตอนที่เขากำลังบินมันจะก่อให้เกิดความโกลาหลแน่ ๆ
ดังนั้นเป็นไปได้ก็ควรที่จะหลีกเลี่ยงการมีชื่อเสียงแบบไร้ความหมายนี่ซะ
กับคนทั่ว ๆ ไปแล้วแค่นี้ก็พอ แต่กับเครื่องจักรอันทันสมัยของแต่ละประเทศคือใช้ไม่ได้ผล
ถังเจิ้นไม่ได้กลัวคนพวกนั้นแต่กลัวปัญหาที่คนพวกนั้นจะนำมาให้
หากเขาถูกเรดาร์ตรวจพบและถูกเครื่องบินลาดตระเวนตามแนวชายฝั่งเจอเข้าล่ะก็ เลี่ยงไม่ได้ที่เขาจะถูกยิงถล่มใส่
เมื่อเปรียบเทียบกับเครื่องบินและขีปนาวุธแล้วร่างกายของถังเจิ้นนั้นเหนือกว่ามาก ส่วนโอกาสที่จะถูกตรวจพบก็ไม่ได้เยอะนัก
เนื่องจากชุบรบเฟมโตมีความสามารถในการป้องกันเรดาร์ตรวจจับที่ดีมาก จึงเป็นไปไม่ได้ที่เรดาร์ของโลกเดิมจะตรวจพบเขา
ทำให้ขอเพียงถังเจิ้นสามารถเลี่ยงไม่ให้ถูกคนเห็นได้ก็สามารถเลี่ยงปัญหาทั้งหมดได้นั่นเอง
ถังเจิ้นคิดมาดีมาก พิจารณาอะไรหลาย ๆ อย่างอย่างละเอียดถี่ถ้วน แต่สิ่งเดียวที่เขาไม่ได้เอาเข้ามาเป็นปัจจัยการพิจารณาคือความสำคัญของตนเองที่ประเทศคู่ค้าทั้งหลายให้ค่า
ด้วยความสามารถที่ใช้เปลี่ยนโลกทั้งใบได้อย่างง่ายดายจะไม่ให้ประเทศต่าง ๆ เหล่านั้นจับตามองอย่างใกล้ชิดได้อย่างไรกันล่ะ!
เขาไม่ได้รู้เลยว่าตั้งแต่เทเลพอร์ตจากโลกโหลวเฉิงกลับมายังเกาะเขาก็ถูกดาวเทียมถ่ายไว้เรียบร้อยแล้ว
ไม่ว่าจะเป็นตอนอาบแดดบนเรือยอร์ช ตอนว่ายน้ำในทะเล หรือแม้กระทั่งตอนสยายปีกบินขึ้นฟ้ามาก็ล้วนถูกดาวเทียมจับภาพได้อย่างชัดเจน
ตั้งแต่ต้นจนจบมีผู้ชมเกือบร้อยจากทั่วทุกมุมโลกเฝ้าดูและวิเคราะห์อย่างละเอียด
จากการเคลื่อนไหวนี้ แต่ละฝ่ายได้วิเคราะห์ความเร็วและความแข็งแกร่งของถังเจิ้นพร้อมกับซูมเข้าไปดูรายละเอียดของชุดรบเฟมโตแล้ววิเคราะห์ฟังก์ชันที่เป็นไปได้ของชุดรบนี้
กระทั่งสักมอนสเตอร์บนร่างกายของถังเจิ้นก็ยังถูกบันทึกและวิเคราะห์อย่างเป็นระบบ
เมื่อถังเจิ้นวางสายแล้วสยายปีกบินนั้นไม่ได้มีแค่ปีเตอร์เท่านั้นที่ตะลึง คนอื่น ๆ ที่ดูผ่านจอเองก็ตะลึงเหมือนกัน!
“หม่ายก้อด เฮ่ทอม บอกฉันหน่อยดิ๊ว่าหมอนั่นยังเป็นมนุษย์อยู่มั้ย”
“โทดทีว่ะเพื่อน ฉันก็ไม่รู้เหมือนกันอะ!”
เมื่อเห็นถังเจิ้นทะยานขึ้นฟ้าพวกที่นั่งดูหน้าจอต่างก็วิ่งวุ่นกันเลยและพยายามจะวิเคราะห์ว่าถังเจิ้นจะบินไปไหน
“หน่วยข่าวกรองเอาเนื้อหาการโทรเมื่อกี๊มาได้มั้ย”
“ไม่ครับ ดูเหมือนมือถือของเป้าหมายจะมีการเข้ารหัสไว้ เป็นรหัสที่เราถอดไม่ได้!”
“งั้นก็เช็กจากเส้นทางการบินแล้วประเมินมาทีว่าปลายทางของเป้าหมายน่าจะไปที่ไหน”
“กำลังทำอยู่ครับ... ได้แล้ว! ประเมินว่าปลายทางของเป้าหมายน่าจะเป็นเขตของสมาพันธ์เอเชีย!”
“สมาพันธ์เอเชีย? ไปทำไม?”
“เป้าหมายมีลูกน้องคนหนึ่งประจำการอยู่ที่นั่น แล้วก็ยังมีน้องสาวอยู่ที่เดียวกันด้วยครับ เพราะงั้นปลายทางคงเป็นเมืองตงหยางของสมาพันธ์เอเชีย!”
“...โอเค ตามต่อไป!”
********************************
ขณะเดียวกันที่ฐานทัพลับที่ไหนสักแห่งในสมาพันธ์เอเชีย
นายพลวัยกลางคนใบหน้าแน่วแน่ดูเส้นทางการบินที่มีการมาร์กเครื่องหมายไว้บนหน้าจอและอนุมานปลายทางได้เช่นกันและออกคำสั่งอย่างเร็ว
“ส่งทีมอสรพิษห้าไปควบคุมงานรักษาความปลอดภัยทันที!
ภารกิจมีเพียงอย่างเดียวคือให้เป้าหมายอยู่ในสายตาตลอดเวลา ช่วงนี้ไม่อนุญาตให้มีการติดต่อกับกองกำลังต่างชาติ!
พวกนายรู้ความสามารถของเป้าหมายกันดีอยู่แล้ว เพราะงั้นอย่างไปทำอะไรให้อีกฝ่ายโมโหเชียวล่ะ ยังไง ๆ เขาก็เป็นพันธมิตรเรา!”
หลังจากคำสั่งดังกล่าวออกไป ที่ฐานทัพแห่งหนึ่งซึ่งอยู่ห่างจากที่นี่ไปเป็นพัน ๆ กิโลเมตรได้มีเฮลิคอปเตอร์ติดอาวุธเทคออฟและมุ่งหน้าตรงไปยังเมืองตงหยาง
เป็นเรื่องยากที่จะได้เห็นถังเจิ้นอยู่ที่โลกนี้ ดังนั้นกองกำลังทั้งหลายเหล่านั้นจึงเหมือนกับฉลามได้กลิ่นเลือด ต่างพยายามที่จะเริ่มติดต่อกับถังเจิ้น
หลังจากนั้นกว่าหนึ่งชั่วโมง ถังเจิ้นซึ่งอยู่บนท้องฟ้าสูงได้มองทะลุเมฆลงมาเห็นเมืองใหญ่ที่พื้นแล้ว
เมื่อมองดูอาคารสูงที่อัดกันอย่างหนาแน่นและการสัญจรไปมาของผู้คนแล้วถังเจิ้นก็ถึงกับหลงทางไปเหมือนกัน
‘เฮ่อ~ ไม่รู้เมืองเชิ่งหลงเราจะใหญ่ขนาดนี้ได้เมื่อไหร่’
ถังเจิ้นถอนหายใจและเริ่มมองหาพิกัดที่ซูเฟิงบอก
แต่ก็น่าเสียดายที่เขาไม่เคยมาเมืองตงหยางมาก่อนเลยหลงทาง ยิ่งอยู่บนท้องฟ้าไกลแบบนี้ด้วยแล้วยิ่งเห็นอาคารแต่ละหลังไม่ต่างจากลูกบาศก์เล็กกระจิ๊ดริดยิ่งหายากเข้าไปใหญ่
ถ้ามือถืออัปเกรดเสร็จแล้วเขาคงใช้ [ชุดเครื่องมืออิเล็กทรอนิกส์สากล] หาตำแหน่งได้เรียบร้อยไปนานแล้ว แต่ตอนนี้เอาตรง ๆ เลยว่าหมดหวัง
ขณะที่ถังเจิ้นกำลังลังเลอยู่ว่าจะลงจอดบนดีหรือไม่อยู่นั้นจู่ ๆ ก็ได้ยินเสียงใบพัดเครื่องบินดังเข้ามาในหูซึ่งฟังดูก็รู้เลยว่าเป็นเสียงของเฮลิคอปเตอร์ติดอาวุธ
ถังเจิ้นผงะไปครู่หนึ่งเนื่องจากระดับความสูงที่เขาอยู่ตอนนี้มันไม่ใช่เพดานบินปกติของเฮลิคอปเตอร์เลย แล้วเครื่องบินลำนั้นมันมาทำอะไรของมัน
และขณะที่กำลังจะหลบอยู่นั้นเองเขาก็เห็นเฮลิคอปเตอร์ติดอาวุธบินเข้ามาพร้อมตะโกนเรียกผ่านลำโพง พอหันไปดูก็เห็นทหารหญิงนายหนึ่งได้ยกแขนขึ้นลงให้เขาเห็นอย่างต่อเนื่อง
ถังเจิ้นขมวดคิ้ว หลังจากคิดลังเลอยู่ครู่หนึ่งก็ตัดสินใจบินเข้าไปหา
เมื่อเห็นถังเจิ้นบินเข้ามาใกล้ประตูห้องโดยสารของเครื่องก็เปิดออกให้ ข้างในเครื่องมีใบหน้าที่ยังเด็ก ๆ อยู่สองคนจ้องมองเขาไม่หยุด
ถังเจิ้นเขาบินเข้าไปในห้องโดยสารโดยที่กระแสลมที่เกิดจากใบพัดไม่ได้มีผลกระทบต่อเขาเลย
เมื่อเข้าไปแล้วเขาก็มองดูทหารติดอาวุธที่นั่งมา 7 คน จากนั้นก็เก็บปีกของตนต่อหน้าทุกคนที่กำลังทำหน้าประหลาดใจ
จากนั้นก็รับเอาหูฟังที่ทหารหญิงนายหนึ่งมอบให้มาใส่แล้วถามด้วยน้ำเสียงเย็นชา “เธอเป็นใครแล้วต้องการอะไร”
ทหารหญิงที่กล้าหาญเผชิญหน้าได้ยิ้มเล็กน้อยและตอบด้วยน้ำเสียงที่ค่อนข้างแหบ “สวัสดีค่ะคุณถังเจิ้น พวกเราหน่วยรบพิเศษอสรพิษห้าขั้นของกองพันที่ห้าแห่งสมาพันธ์เอเชีย ที่เรามาก็เพื่อปกป้องคุณให้ปลอดภัยในดินแดนของสมาพันธ์เอเชีย!”
“ให้ฉันปลอดภัยเนี่ยนะ แน่จั๊ย?”
ถังเจิ้นมองอีกฝ่ายด้วยสายตาดูถูก
เธอที่เห็นแบบนี้ก็ไม่ได้แสดงสีหน้าโกรธเคืองใด ๆ แต่พูดต่อไปว่า “เรารู้ค่ะว่าคุณมีความสามารถขนาดไหนและรู้ดีว่าคุณไม่ต้องการให้เราปกป้อง
แต่ภารกิจจริง ๆ ของเราคือการปกป้องคุณให้ปลอดภัยจากปัญหาไร้สาระซึ่งอาจจะส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวันของคุณต่างหาก
เพราะงั้นกรุณาให้ความร่วมมือด้วยค่ะ!”
ถังเจิ้นส่ายหัวและบอกที่อยู่ที่อยากไปให้แก่อีกฝ่ายแล้วนั่งหลับตาลงอย่างสงบโดยไม่พูดอะไรต่อ
การบินมาเต็มสปีดมันเปลืองพลังกายอย่างยิ่ง ดังนั้นเขาเลยอาศัยจังหวะนี้หลับตาพักผ่อน
ส่วนลูกทีมของหน่วยรบพิเศษอสรพิษห้าขั้นต่างก็มองหน้ากันโดยไม่ได้คุยอะไรกัน
ข้อมูลของถังเจิ้นทั้งหมดล้วนแต่จดจำไว้ในใจได้หมดแล้ว ดังนั้นทุกคนเลยระมัดระวังการกระทำอย่างยิ่งเมื่ออยู่ต่อหน้าคนที่มีเวทมนตร์มากมายอย่างเขา
แต่ละคนล้วนรู้ดีว่าแม้ทีมของพวกตนจะแข็งแกร่งก็ตามแต่ก็ยังเทียบถังเจิ้นไม่ไหว
และภารกิจนี้ก็แค่ต้องทำให้สำเร็จโดยไม่ต้องไปยั่วยุอะไรถังเจิ้นเท่านั้นเอง!