ตอนที่แล้วบทที่ 399: เกมเสมือนจริง โลกโหลวเฉิง!
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 401: สำคัญอย่างยิ่ง กลับสมาพันธ์เอเชีย!

บทที่ 400: อดีตที่มิอาจทนมอง ความรักของสองพี่น้อง!


ถังหย่าเจี๋ยเดินตามทหารนายนั้นไปด้วยความรู้สึกแปลกใหม่และประหม่า ค่อย ๆ เข้าไปในหุบเขาเชิ่งหลง

เมืองเชิ่งหลงในเกมเป็นเวอร์ชันก่อนอัปเกรด แต่ก็ยังงดงาม

เป็นเมืองที่มีอาคารขนาดใหญ่ตั้งอยู่ในหุบเขาสีเขียวมรกต น้ำใส ๆ ในทะเลสาบที่กระเพื่อมโดยมีสิ่งชีวิตที่มีลักษณะคล้ายกบหลายตัวกำลังโยนปลาตัวใหญ่ขึ้นมาบนฝั่ง

ทั้งหุบเขาและทะเลสาบต่างก็งดงามเหลือเกิน!

โดยเฉพาะต้นมารดรที่ยืนต้นอยู่ในพื้นที่สีเขียวของหุบเขาที่ปกคลุมไปด้วยดอกไม้ดูสวยงามมาก ทำให้ถังหย่าเจี๋ยอดจ้องมองไม่ได้เลย

เมื่อมองดูชาวโหลวเฉิงที่เดินไปมาในหุบเขา ประกอบกับทหารที่ดูแข็งแกร่งมันก็ทำให้เธอแทบจะทนรอไม่ไหวอยากจะเจอถังเจิ้นเร็ว ๆ

หลังจากเดินขึ้นบันใดทอดยาวของเมืองหลักแล้วทั้งคู่ก็เข้าสู่เมืองหลักกัน

ไม่นานหลังจากนั้นทหารที่นำทางมาก็ไปหยุดอยู่หน้าประตูบานหนึ่ง หลังจากที่รายงานแล้วประตูก็ค่อย ๆ เปิดออก ภายในมีหญิงสาวร่างสูงที่มีรอยยิ้มทรงเสน่ห์ยิ้มให้กับทั้งคู่ ถังหย่าเจี๋ยสูดหายใจเข้าลึก ๆ แล้วเดินเข้าห้องไป

แสงแดดส่องผ่านหน้าต่างบานใหญ่เข้ามาในห้องโถงอันกว้างขวางทำให้ห้องดูสว่างและอบอุ่น

ชายร่างสูงกำยำล่ำสันยืนอยู่ที่หน้าต่าง มือถือจดหมายที่ซูเฟิงมอบให้และเหมือนจะจมอยู่กับความคิดอะไรซักอย่าง

แสงแดดส่องกระทบกับใบหน้าเผยให้เห็นว่าเจ้าตัวกำลังทำหน้านิ่วคิ้วขมวด ให้อารมณ์เฉียบแหลมราวกับมีด ดุดันราวกับขวาน และเต็มไปด้วยความมุ่งมั่น

“พี่คะ...” ถังหย่าเจี๋ยพึมพำตัวสั่นเบา ๆ ก่อนจะค่อย ๆ เดินเข้าไปหาชายคนดังกล่าว

เทียบกับเมื่อก่อนแล้วพี่ชายตอนนี้ดูสูงและแข็งแกร่งกว่าอีกทั้งยังมีออร่าของผู้ที่น่าเกรงขาม

แต่เพียงมองแวบเดียวเธอก็บอกได้เลยว่านี่แหละคือพี่ชายที่คอยปกป้องเธอมาตั้งแต่เล็กจนโต

แม้จะรู้ดีว่าถังเจิ้นตรงหน้านี้เป็นเพียงแค่ NPC ในเกม แต่เธอก็ยังไม่อาจควบคุมอารมณ์ของตัวเองได้อยู่ดี

ดวงตากลมโตและเจ้าเล่ห์อย่างจิ้งจอกน้อยค่อย ๆ เปลี่ยนเป็นสีแดงและมีน้ำตาคลอก่อนที่มันจะไหลออกมา

ทั้งคู่เติบโตมาโดยการพึ่งพาอาศัยซึ่งกันและกัน ผ่านร้อนผ่านหนาวผ่านทุกข์ผ่านสุขมาแล้วนับไม่ถ้วน ไม่มีใครเข้าใจถึงความรู้สึกของเธอที่มีต่อถังเจิ้นแน่นอน

ทางด้านซูเฟิงที่เห็นถังหย่าเจี๋ยเป็นแบบนั้นก็ลอบถอนหายใจเบา ๆ และล็อกเอาต์ออกจากเกมไปเงียบ ๆ

ถังหย่าเจี๋ยที่เอาแต่จ้องมองถังเจิ้นไม่ได้สังเกตเห็นการเคลื่อนไหวของซูเฟิงเลย

เธอค่อย ๆ ก้าวเดินเข้าไปหาถังเจิ้น ดวงตาชุ่มไปด้วยน้ำตา แต่ปากกลับยกยิ้มมีความสุข

เมื่อได้ยินเสียงร้องจากข้างหลัง NPC ถังเจิ้นก็หันกลับมามอง ดวงตาอันคมกริบคู่หนึ่งที่ราวกับจะมองทะลุหัวใจคนได้ได้จับจ้องมาที่เธอ

หากเป็นคนที่มีเจตนาชั่วมาถูกสายตาเช่นนี้จับจ้องเอาล่ะก็รับรองว่ามีตัวสั่น

ส่วนถังหย่าเจี๋ยนั้นไม่ได้รู้สึกอึดอัดแต่อย่างใด เพียงแค่จ้องถังเจิ้นที่อยู่ตรงหน้าเงียบ ๆ

“สาวน้อย เธอคือผู้พเนจรที่หาจดหมายนี่เจองั้นเหรอ”

แน่นอนว่า NPC ถังเจิ้นไม่ได้รู้จักกับถังหย่าเจี๋ย แค่มองเธอด้วยสีหน้าแปลกใจและชูจดหมายขึ้นถาม

“คะ... ค่ะ ฉันเป็นคนเจอเอง”

ถังหย่าเจี๋ยเม้มปากแล้วสูดน้ำมูก แม้ว่าดวงตาจะยังคงน้ำตารื้นอยู่ก็ตามแต่ใบหน้ากลับยิ้มสดใส

เสียงของ NPC ถังเจิ้นนั้นเหมือนกับเสียงพี่ชายจริง ๆ น้ำเสียงทุ้ม ๆ มีเสน่ห์ไม่แตกต่างกันเลยซักนิด!

NPC ถังเจิ้นส่านหน้าแล้วค่อย ๆ เดินเข้าไปหาเธอพร้อมกับจ้องมองเธอเงียบ ๆ

ส่วนถังหย่าเจี๋ยก็รู้สึกเหมือนเห็นขุนเขาลูกใหญ่ตั้งตระหง่านอยู่ตรงหน้า แต่ความรู้สึกปลอดภัยอันแสนคุ้นเคยนั้นก็ทำให้น้ำตารื้นอีกรอบ

ตั้งแต่เด็ก ๆ แล้วพี่ชายก็ยืนอยู่ต่อหน้าเธอแบบนี้ คอยปัดป้องภัยอันตรายทั้งหมดให้เธอปลอดภัย

ฉันจำได้ว่าฤดูหนาวคืนหนึ่ง คืนนั้นเป็นคืนที่หนาวเหน็บ ที่บ้านมีฟืนไม่พอทำให้สองพี่น้องได้แต่กอดกันเพื่อให้ความอบอุ่นซึ่งกันและกันเท่านั้น

ตัวเธอที่อายุน้อยกว่าก็เอาแต่หนาวสั่น ในขณะที่พี่ชายที่อายุก็ไม่ได้เยอะกว่าเธอมากนักยอมสละเสื้อผ้าและเครื่องนอนทั้งหมดคลุมตัวเธอไว้

แล้วในคืนที่อากาศหนาวจัดเช่นนั้นพี่ชายที่สวมเพียงแจ็กเก็ตบุผ้าฝ้ายขาด ๆ ได้เดินออกจากบ้านไป จากนั้นหลายนาทีเขาก็เดินโซเซกลับบ้านมา

ถังเจิ้นซึ่งมือเท้าถูกหิมะกัดกำลังลากกระสอบขาด ๆ ที่บรรจุขยะที่พอจะเป็นเชื้อไฟได้เข้ามาในบ้าน

ขวดพลาสติก รองเท้าหนังพัง ๆ ซากไม้เน่า ๆ และเศษหญ้า...

ในคืนอันเหน็บหนาวนั้นสองพี่น้องกอดกันอยู่ข้าง ๆ เตาที่ถูกจุดด้วยเศษขยะดังกล่าวและผลอยหลับไปจนถึงเช้า

ซึ่งฉากคล้าย ๆ กันนี้ก็ยังมีอีกมากมาย...

มันเป็นประสบการณ์ชีวิตที่ทำให้สองพี่น้องเติบโตมาอย่างเข้มแข็งและดื้อรั้นไม่ยอมแพ้อะไรง่าย ๆ อย่างยิ่ง

หากมีเป้าหมายแล้วล่ะก็ทั้งสองพี่น้องต่อให้สู้จนตัวตายก็ไม่มียอมแพ้

NPC ถังเจิ้นแน่นอนว่าไม่ได้รู้ความคิดของถังหย่าเจี๋ย เพราะ ‘เขา’ คนนี้เป็นเพียงข้อมูลของเกมเท่านั้น

หลังจากที่มองถังหย่าเจี๋ยแล้วถังเจิ้นก็ค่อย ๆ บอกเล่าเรื่องจดหมายดังกล่าวให้เธอฟัง ซึ่งเธอก็ยืนยิ้มโดยไม่รู้เหมือนกันว่าได้ยินที่พูดบ้างรึเปล่า

ซูเฟิงที่หายไปนานยังคงไม่ปรากฏตัวไม่รู้เหมือนกันว่าไปทำงานรึเปล่า

แต่จริง ๆ แล้วซูเฟิงออกเกมแล้วก็หยิบเอามือถือออกมากดโทรออกด้วยสีหน้าที่ยังคงลังเลใจ เป็นเพราะเจ้าของเบอร์นี้ไม่เคยรับสายเองเลย โทร 10 ครั้งก็ไม่รับทั้ง 10 ครั้งนั่นแหละ

“ตรู๊ด... ตรู๊ด...”

“สวัสดีครับคุณซูเฟิง ผมปีเตอร์นะครับ!”

เสียงทุ้มดังขึ้น แต่คนที่รับสายไม่ใช่เจ้าของเบอร์

ซูเฟิงถอนหายใจเล็กน้อยแล้วพูดไปว่า “หวัดดีปีเตอร์ อยู่เกาะเป็นไงมั่ง”

“สบายดีครับขอบคุณที่เป็นห่วง!”

หลังจากปีเตอร์ตอบแล้วก็ถามว่า “จะโทรหาท่านทูตรึเปล่าครับ ผมจะได้เอามือถือให้ท่าน”

ได้ยินแบบนี้ซูเฟิงก็ตกใจและรีบตอบอย่างมีความสุขว่า “เอาเลย ๆ ขอคุยกับหมอนั่นหน่อย”

โทรเบอร์นี้ไปหลายสิบรอบนี่เป็นครั้งแรกเลยที่เจ้าของเบอร์รับสายซึ่งหาได้ยากเหลือเกิน!

“งายเฟิงจื่อ มีเรื่องไรจะคุยเหรอ”

เสียงถังเจิ้นดังออกมาจากปลายสาย

ซูเฟิงสูดหายใจเข้าลึก ๆ แล้วพูดกับเขาว่า “ฉันพึ่งจะเล่นเกมกับหย่าเจี๋ยน่ะ ตอนเธอเห็นหน้านายในเกมก็ร้องไห้ออกมา...”

หลังจากความเงียบอยู่ครู่หนึ่งที่ปลายสายก็มีเสียงถังเจิ้นดังขึ้นอีกครั้ง “นายอยู่ไหน จะไปหาเด๋วนี้แหละ!”

ซูเฟิงเลยรีบบอกที่อยู่ของตัวเองให้รู้ ซึ่งพูดจบปุ๊บถังเจิ้นก็วางสายไปเลย

ทางด้านซูเฟิงได้ยินเสียงวางสายก็ยกยิ้มมุมปาก จากนั้นก็ไปดูที่ค็อกพิตเกมที่ถังหย่าเจี๋ยยังคงดื่มด่ำกับเกมอยู่และเขาก็ล็อกอินเข้าเกมไปอีกรอบ

********************************

บนเรือยอร์ช ถังเจิ้นโยนมือถือให้ปีเตอร์แล้วไปสวมชุดรบเฟมโตที่ถอดทิ้งไว้

ปีเตอร์เห็นถังเจิ้นสวมเสื้อผ้าแล้วก็ถอนหายใจด้วยความเสียดาย ไม่ใช่เพราะปีเตอร์มีรสนิยมทางเพศประเภทไม้ป่าเดียวกันหรืออะไรเทือกนั้น แต่เพราะรอยสักบนร่างกายเขามันอย่างกับงานศิลปะ ปีเตอร์ที่เห็นรอยสักมาแล้วไม่รู้เท่าไหร่ก็ยังไม่อาจหาไหนที่จะมาเทียบกับของถังเจิ้นได้เลย

เพราะรอยสักที่ฝังแน่นบนร่างกายของถังเจิ้นดูราวกับมีชีวิตนั้นทำให้ใครที่มาเห็นเป็นต้องถูกดึงดูดให้จ้องมอง

ส่วนถังเจิ้นนั้นไม่ได้สนใจสีหน้าผิดหวังของปีเตอร์ สวมชุดเฟมโตเสร็แล้วก็หันกลับไปสั่งงานอะไรบางอย่าง

ถึงแม้ว่าตอนนี้มือถือจะยังอัปเกรดไม่เสร็จ แต่ความสามารถในการบินอันเนื่องมาจากการผสานแก่นโลหิตของมอนสเตอร์ยังคงสามารถใช่งานได้ตามปกติ

พรึบพรับ!

ทันใดนั้นปีกสีขาวขนาดใหญ่คู่หนึ่งก็ปรากฏขึ้นด้านหลังถังเจิ้นโดยสยายตัวออกจนแทบจะคลุมทั่วทั้งดาดฟ้าเรือ

“โอ้หม่ายก้อด!”

ปีเตอร์ที่อยู่บนดาดฟ้าเรือด้วยกันอุทานอย่างตกตะลึงมองดูถังเจิ้นกรือปีกทะยานตัวขึ้นจากเรือสู่ท้องฟ้าไกล!

หลังจากนั้นไม่นานปีเตอร์ก็กลับมามีสติอีกครั้งแล้วหยิบมือถือออกมาโทรหาอีวานอฟด้วยอาการมือสั่น

“โอ้หม่ายก้อด ๆ ลูกพี่ พี่ต้องไม่เชื่อแน่ ๆ ว่าตะกี๊ผมเห็นอะไร!”

“จู่ ๆ ท่านทูตสวรรค์ก็มีปีกงอกออกมาหยั้งกะแองเจิ้ลตัวจริงแล้วบินขึ้นฟ้าไปแล้ววววววววว...!”

ทันทีที่อีกฝ่ายรับสายปีเตอร์ก็ตะโกนกรอกหูโทรศัพท์อย่างตื่นเต้น

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด