ตอนที่แล้วนักรบพันธุ์ผสม บทที่ 463 - ความสูญเสียที่คาดไม่ถึง
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปนักรบพันธุ์ผสม บทที่ 465 - เอื้อมคว้าดาว!

นักรบพันธุ์ผสม บทที่ 464 - บรรพบุรุษผู้ก่อตั้ง


“สำหรับเจ้า! ไม่มีการทดสอบด่านที่ 7 อีก เจ้าผ่านการทดสอบทั้งหมดได้อย่างสมบูรณ์แล้ว!”

คิ้วของเดวิดขมวดแน่นเมื่อได้ยินคำตอบ เขาเข้าใจความหมายของชายชรา แต่ไม่เข้าใจว่าเพราะอะไร?

“เป้าหมายของการทดสอบครั้งนี้เรียบง่ายเป็นอย่างยิ่ง มันถูกออกแบบมาเพื่อหาอัจฉริยะที่มีความแข็งแกร่งเพียงพอมาสืบทอดมรดกวิชาของข้า การทดสอบแต่ละด่านจะมีการจำกัดความแข็งแกร่งของสัตว์อสูรเอาไว้อย่างตายตัว และไม่ควรจะพัฒนายกระดับความสามารถของตัวเองขึ้นไปได้อีก แต่ดูเหมือนว่าระยะเวลาที่ยาวนานมาหลายพันปี ผนึกที่ข้าวางเอาไว้อ่อนพลังลงไปเรื่อย ๆ เจ้าวานรหินผาตัวนั้นถึงได้สามารถยกระดับตัวเองจนเรียก ‘อาตมัน’ ที่ซ่อนลึกอยู่ในสายเลือดออกมาได้”

เดวิดจดจำคำว่า ‘อาตมัน’ ที่หลุดออกมาจากของอีกฝ่ายไว้ในใจ ปากก็เอ่ยถามออกไปต่อ “หืม? ผนึกเสื่อมสภาพอย่างนั้นหรือ? ทำไมมันห่วยแบบนี้ ถ้าเป็นคนอื่นเจอสถานการณ์แบบผม!? พวกเขาจะเป็นยังไง?”

“ก็คงต้องถือว่าโชคร้าย! แม้ว่าข้าจะเป็นผู้จัดการทดสอบนี้ขึ้นมา แต่ก็ไม่ได้มีอำนาจเข้าไปขัดขวางระหว่างการต่อสู้ได้…” ชายชราส่ายหน้าและถอนหายใจยาว

เดวิดยักไหล่อย่างไม่ใส่ใจนัก “อ้อ! งั้นคงต้องเรียกว่าโชคร้ายจริง ๆ นั่นแหละ!” เขาไม่เชื่อเลยแม้แต่นิดเดียวว่าอีกฝ่ายเข้าไปจัดการไม่ได้ แต่! เมื่อเหตุการณ์มันผ่านไปแล้ว และผู้เข้าทดสอบพวกนั้นไม่ได้มีอะไรเกี่ยวข้องกับตัวเองเลย ต่อให้ทุกคนโชคร้ายทั้งหมด! เดวิดก็ไม่สนใจ

นี่คือการทดสอบเพื่อแข่งขัน ยิ่งคู่แข่งโชคร้ายไม่ผ่านการทดสอบไปมากเท่าไร ผลดีก็ตกอยู่ที่เขามากขึ้นเท่านั้น

“ระดับของการทดสอบด่านที่ 6 ของเจ้ายากเสียยิ่งกว่าการทดสอบด่านที่ 7 โดยทั่วไปเสียอีก มันจึงไม่มีประโยชน์ที่จะส่งเจ้าเข้าไปสังหารสัตว์อสูรระดับ 4 ทั้ง 2 ตัวที่รออยู่ในนั้น ข้าไม่อยากจะเสียเวลาไปกับเรื่องไร้สาระ จึงเปิดทางให้เจ้าเข้ามาที่นี่ได้โดยตรง ในฐานะของผู้ที่ผ่านการทดสอบได้อย่างสมบูรณ์”

ดวงตาของเดวิดหรี่ลงเล็กน้อย เมื่อได้ยินจำนวนของคู่ต่อสู้ที่ตัวเองน่าจะต้องได้เจอถ้าไม่เกิดเหตุเหนือความคาดหมายแบบนี้ขึ้น ไม่น่าแปลกใจที่ยังไม่มีคนผ่านการทดสอบได้อย่างสมบูรณ์เหมือนกับเขาเลย ผู้ฝึกฝนคลื่นสมองทั่วไปต้องใช้เวลาพักเพื่อฟื้นฟูคลื่นสมองเมื่อผ่านด่านที่ 5 และ 6 ยาวนานไม่น้อย และผู้ก่อพลังชั้นสมบูรณ์หรือผู้ก่อปฐพีชั้นต้น ไม่สามารถจัดการกับสัตว์อสูรระดับ 4 พร้อมกัน 2 ตัวโดยไม่จ่ายค่าตอบแทนออกไปบ้างอย่างแน่นอน ดีไม่ดี! คนส่วนใหญ่อาจจะยอมแพ้และกลับออกไปยกระดับตัวเองให้เป็นผู้ก่อปฐพีก่อนจะเลือกการทดสอบด่านที่ 7 เลยด้วยซ้ำ

แล้วคิ้วของเดวิดก็ขมวดแน่นเข้าอีกครั้ง เมื่อเห็นร่างของชายชราที่อยู่ตรงหน้าลอยเคลื่อนตัวออกไปทางด้านข้าง โดยไม่มีคลื่นพลังอะไรรั่วไหลออกมาเลย!?

ดูเหมือนว่าโอวหยางฟงจะสังเกตความสงสัยของเดวิดออก “ไม่ต้องประหลาดใจไป ข้าเป็นเพียงแค่วิญญาณเท่านั้น ไม่ได้มีร่างเนื้ออยู่เลย” น้ำเสียงของเขาฟังดูอ่อนโยนเหมือนที่เคย

คิ้วของเดวิดคลายออกอย่างช้า ๆ ภายนอกแสดงสีหน้าว่าเข้าใจ แต่ภายในกลับระมัดระวังตัวจนถึงขีดสุด ร่างวิญญาณ?? ของแบบนี้จะมีได้ก็ต่อเมื่อบรรลุถึงระดับที่เหนือกว่าผู้ก่อสวรรค์ขึ้นไปอีก มีแต่ ‘ผู้ก่อวิญญาณศักดิ์สิทธิ์’ เท่านั้นที่จะคงสภาพอยู่ด้วยร่างวิญญาณได้!

เขาสงบสติอารมณ์ของตัวเองเอาไว้เป็นอย่างดี ก่อนจะเอ่ยถามยืนยันออกไปตรง ๆ “ผมผ่านการทดสอบครั้งนี้แล้วใช่มั้ย?”

“ถูกต้อง!” ชายชราพยักหน้ายืนยันกลับมาทันที

“เยี่ยม! แล้วไหนล่ะของรางวัล! อย่าบอกนะว่านี่เป็นการทดสอบที่เปล่าประโยชน์ ในเมื่อผมผ่านการทดสอบได้แล้ว มันก็ควรจะมีรางวัลตอบแทนให้ด้วยใช่มั้ย?”

ชายชรายิ้มกว้าง “ถูกแล้ว! ข้ากำลังจะกล่าวถึงอยู่พอดี”

เขาเงยหน้าขึ้นมองไปบน ‘อวกาศ’ ที่เต็มไปด้วยหมู่ดาว ก่อนจะผายมือกว้างและเอ่ยออกมาด้วยสีหน้าและน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความภาคภูมิใจ “เห็นดาวทั้งหมดนี่มั้ย พวกมันคือทักษะการฝึกฝนที่ข้าใช้เวลาทั้งชีวิตรวบรวมเอาไว้ แน่นอน! พวกมันคือรางวัลตอบแทนสำหรับผู้ที่ผ่านการทดสอบได้อย่างสมบูรณ์แบบ”

ดวงตาของเดวิดทอประกายอัศจรรย์ใจออกมา ดวงดาวที่ปรากฏอยู่เบื้องบนนั้นมากมากจนนับไม่ถ้วน มันเป็นราวกับค่ำคืนเดือนมืดที่ไร้แสงจันทร์ส่องออกมากลบแสงดาว และจากคำพูดของชายชราคนนี้ พวกมันคือทักษะการฝึกฝนคลื่นสมองอย่างนั้นหรือ?

เขาเขม่นตามองไปที่ดวงดาวที่สุกใสสว่างเจิดจ้าที่สุดดวงหนึ่ง ก่อนจะเอ่ยถามออกมาด้วยน้ำเสียงที่ดูจะไม่สนใจนัก

“ทำไมดวงดาวพวกนี้ถึงได้สว่างไม่เท่ากันละ? มันมีความหมายอะไรซ่อนอยู่หรือไม่?”

“ความสว่างของดวงดาวหมายถึงระดับของทักษะแต่ละชนิด ยิ่งสว่างมากเท่าไร ก็แสดงว่าระดับของทักษะที่บรรจุอยู่สูงขึ้นเท่านั้น เจ้ามองไปที่ดาวดวงนั้นสิ!” มือของชายชราชี้ไปที่มุมหนึ่ง มันเป็นดาวดวงเดียวกับที่เดวิดหมายตาเอาไว้

ความสว่างเจิดจ้าระยิบระยับของมันแตกต่างจากดาวดวงอื่นอย่างสิ้นเชิง ถ้าขนาดของมันใหญ่มากกว่านี้อีกเล็กน้อย คงจะต้องเรียกว่าเป็นดวงอาทิตย์มากกว่าดวงดาวธรรมดา ที่ยิ่งไปกว่านั้น ดาวดวงนี้ธำรงตนอยู่อย่างโดดเดี่ยว รอบข้างไม่มีดาวดวงไหนลอยอยู่ใกล้ ๆ เลยด้วยซ้ำ

“เห็นความสุกสว่างของมันมั้ย? นั่นคือดวงดาวที่เป็นตัวแทนของทักษะระดับสวรรค์! ตลอดชีวิตที่ยาวนานของข้า นี่คือทักษะระดับสูงสุดที่รวบรวมได้โดยบังเอิญ ข้าเจอมันในถ้ำโบราณแห่งหนึ่ง น่าเสียดาย! อายุไขของข้าสิ้นสุดลงก่อนที่จะฝึกฝนจนบรรลุขั้นแรกได้” เสียงของชายชรามีทั้งความภาคภูมิใจและความเสียดายปนกันอยู่ชัดเจน

เดวิดผงะไปเล็กน้อย เขาสูดลมหายใจเข้าปอดเพื่อระงับความแตกตื่น “ทักษะระดับสวรรค์!? ไม่ใช่ว่านั่นมีอยู่แค่ในตำนานอย่างนั้นหรอกหรือ? สงครามใหญ่เมื่อหลายหมื่นปีก่อนทำให้พวกมันสูญหายไปจากโลกใบนี้ ทักษะโบราณที่เกิดขึ้นก่อนที่การฝึกฝนคลื่นสมองจะแพร่หลาย ยังเคยมีคนตั้งทฤษฎีเอาไว้ด้วยซ้ำ สงครามครั้งนั้นเป็นจุดเริ่มต้นของการวิวัฒนาการอย่างผิดปกติของสิ่งมีชีวิตทั้งหลาย ผลกระทบจากการต่อสู้ทำให้บรรยากาศของโลกถูกปนเปื้อนจนเกิดสิ่งมีชีวิตกลายพันธุ์ที่แข็งแกร่งขึ้นมาอย่างมากมายแบบปัจจุบันนี้”

“โอ้! นี่คือสิ่งที่กล่าวขานกันอยู่ในปัจจุบันอย่างนั้นหรือ? ฮ่าฮ่าฮ่า! แม้จะไม่ถูกต้องทั้งหมด แต่ก็ไม่ได้ต่างจากความเป็นจริงมากนักเลย” ชายชราจ้องมองเดวิดด้วยสายตาที่แสดงถึงความประหลาดใจเล็กน้อย แต่ไม่แน่ใจว่าเกี่ยวกับเรื่องที่กล่าวออกมา หรือว่าหน้าตาของเขาไม่บ่งบอกเลยว่ามีความรู้เกี่ยวกับเรื่องพวกนี้ด้วย กล่าวอย่างง่าย ๆ ก็คือ คำพูดที่เดวิดกล่าวออกมาดูฉลาดกว่าหน้าตาเยอะนั่นเอง

เดวิดไม่ได้สนใจการจ้องมองของตาแก่ผมขาวเลยแม้แต่น้อย สายตาของเขาจับจ้องอยู่ที่ดาวดวงนั้นเขม็ง เสียงที่ราบเรียบดังขึ้นโดยไม่หันหน้ากลับมองมาด้วยซ้ำ “ผมเลือกฝึกทักษะระดับไหนได้บ้าง?”

ชายชรามีรอยยิ้มกว้างปรากฏขึ้นบนใบหน้า “ทำไม? เจ้าคิดว่าตัวเองมีความสามารถพอที่จะฝึกฝนทักษะระดับสวรรค์อย่างนั้นหรือ?” น้ำเสียงของเขาดูจะแฝงไปด้วยการเยาะเย้ยเล็ก ๆ แววตาที่เหยียดหยามปรากฏวาบขึ้นมาแวบหนึ่ง ก่อนที่มันจะถูกเก็บซ่อนลงไปอีกครั้ง แน่นอนว่าเดวิดไม่สามารถรับรู้ได้เลย

และสิ่งที่โอวหยางฟงไม่ได้กล่าวออกมาก็คือ ก่อนที่จะหมดอายุไข เขาได้ใช้เวลานับพันปีทุ่มเทฝึกฝนทักษะระดับสวรรค์! หลายพันปี! แม้แต่ขั้นแรกก็ไม่สามารถบรรลุถึงได้ เจ้าเด็กปากไม่สิ้นกลิ่นน้ำนมคนนี้อยากจะลองอย่างนั้นหรือ ด้วยระดับของผู้ก่อพลังขั้นสมบูรณ์ ไม่ได้เจียมตัวเอาเสียเลย!!

“เอาสิ! ตามกฎแล้วเจ้าสามารถเลือกฝึกทักษะอะไรก็ได้ อยากลองฝึกทักษะระดับสวรรค์ ข้าก็ไม่ห้ามเจ้าหรอก” น้ำเสียงที่เปล่งออกมาจากปากยังนุ่มนวลอ่อนโยนเหมือนเดิม

ดวงตาของเดวิดทอประกายเจิดจ้าขึ้นอย่างควบคุมไม่ได้ ทักษะระดับสวรรค์! สิ่งที่อยู่ตรงหน้านี้มันเย้ายวนจนแทบจะเกินต้าน แน่นอน! เขารู้ว่าสถานการณ์ที่นี่ไม่ปกติ เขารู้ว่าเจตนาของโอวหยางฟงที่อ้างว่าเป็นผู้ก่อตั้งดินแดนศักดิ์สิทธิ์ไม่บริสุทธิ์ เดวิดคิดว่าตัวเองเดาได้เกี่ยวกับเจตนาแอบแฝงของอีกฝ่ายแล้วด้วยซ้ำ

ทักษะระดับสวรรค์!! มันคุ้มค่าที่จะเสี่ยง บางทีทักษะระดับสวรรค์ที่อยู่ตรงหน้าเขาอาจจะเป็นทักษะสุดท้ายที่หลงเหลืออยู่ในโลกนี้แล้วด้วยซ้ำ ดังนั้น! ต่อให้รู้ว่าเสี่ยง เดวิดก็คงต้องขอลองดูสักตั้ง!

ร่างของเขาลอยพุ่งออกไปโดยไม่พูดไม่จา มือถูกยื่นออกไปอย่างหมายที่จะคว้าดาวที่ลอยเด่นอยู่มาไว้ในครอบครอง

ตูม!!!

ไม่ถึง! มือของเดวิดยังแตะไม่ถึงประกายดาวเสียด้วยซ้ำ เสียงระเบิดดังเลื่อนลั่นก็กังวานขึ้นมาก่อน แรงสะท้อนที่เกิดขึ้นส่งเขาลอยกลับหลังมาด้วยความเร็วที่สูงกว่าตอนพุ่งเข้าไปเป็นเท่าตัว ก่อนจะตกกระแทกแท่นเวทีที่ลอยอยู่กลางอวกาศอย่างแรง และกระเด็นกระดอนต่ออีก 2-3 ตลบ

พรวด!!

เดวิดยันตัวลุกขึ้นมากระอักเลือดคำโต สีหน้าของเขาซีดเผือดจนดูไม่ได้แล้ว…

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด