ตอนที่ 29 หนวดดำ ฉันกำลังไปหาแก
หลังจากออกมาจากเกาะลูลูก้าแล้ว โกอิ้งแมรี่ก็มุ่งตรงไปยังเกาะจายา
ระหว่างทางพวกเขาได้พบกับเรือที่หล่นจากฟ้า และมาซิร่า นักกู้ซากเรือ และเงาสัตว์ประหลาดขนาดยักษ์
เงาที่ใหญ่โตนี้สร้างความประทับใจให้กับไป๋ซานอย่างลึกซึ้งจริงๆ
ถ้าเขาไม่เคยดูวันพีซมาก่อน เขาอาจจะบินขึ้นไปเพื่อดูว่านี่คือสัตว์ประหลาดแบบไหน
อันที่จริงเป็นเพียงเงาของผู้คนบนเกาะแห่งท้องฟ้าที่ฉายภายใต้ดวงอาทิตย์
หลังจากออกมาจากเงาสัตว์ประหลาดนั่นได้ ไป๋ซานก็มองเห็นทิศทางของเกาะจายาได้อย่างคลุมเครือแล้ว
“ลูฟี่ มาถึงตรงนี้คงต้องแยกกันแล้วล่ะนะ”
ไป๋ซานเรียกกลุ่มหมวกฟาง กางแผนที่ของเกาะจายาออก และทำเครื่องหมายตำแหน่งบ้านของคริ๊กเก็ตให้พวกเขา
“ที่นี่แหละ คนที่อยู่ที่นี่รู้เกี่ยวกับเกาะแห่งท้องฟ้า คำตอบที่พวกนายกำลังตามหาอยู่ที่นี่”
ไป๋ซานหยุดชั่วคราวและเงยหน้าขึ้นมองไปยังเมืองม็อกทาวน์
“ฉันจะไปเมืองม็อกทาวน์เพื่อทำอะไรบางอย่าง ละคงมีการต่อสู้เกิดขึ้นแน่นอน แนะนำว่าอย่าพึ่งไปที่นั่น ถ้าพวกนายมีเหตุจำให้ต้องไปหรือจะไปซื้อของอะไรให้รอจนกว่าฉันจะจัดการธุระเสร็จ!”
"ไป๋ซาน นายจะทำอะไร?"
ลูฟี่ถามอย่างสงสัย
นามิและโซโลที่อยู่ด้านข้างมีสีหน้าเปลี่ยนไปเล็กน้อย
“อย่าลืมว่าฉันเป็นกองทัพเรือ”
ไป๋ซานยืนอยู่บนหัวเรือ ดึงดาบปีศาจออกจากฝักเล็กน้อย
เขามองย้อนกลับไปที่ลูฟี่และกล่าวลาด้วยรอยยิ้ม
"ลาก่อน ลูฟี่ ฉันหวังว่าพวกนายทุกคนจะเดินทางไปยังเกาะแห่งท้องฟ้าได้อย่างราบรื่นนะ!"
หลังจากพูดจบ ไป๋ซานก็ใช้ท่าบุคุจุตสึบินขึ้นฟ้าและหายไปในทันที
“อ๋า? สุดท้ายเขาก็ไม่ได้บอกว่าเขาจะไปทำอะไร จริงๆเลยนะ”
นามิมองดูตำแหน่งที่ไป๋ซานมอบให้แล้วปรับทิศทางของเรือ
โซโลเช็ดมีดแล้วอธิบายให้ลูฟี่ฟัง
“เมืองม็อกทาวน์เป็นเมืองที่โจรสลัดที่ใช้เงินเป็นจำนวนมากมารวมตัวกัน ที่นั่นมีโจรสลัดชื่อดังมากมาย และพวกเขาก็มักจะมีค่าหัวด้วย”
“อ้าว? แล้วที่ไป๋ซานบอกว่าเขาเป็นกองทัพเรือเกี่ยวอะไรด้วยล่ะ?”
“โง่จริงๆ” นามิต่อยหัวลูฟี่
“กองทัพเรือจะทำอะไรกับโจรสลัดได้อีกล่ะ แน่นอนว่าไป๋ซานก็ต้องจัดการโจรสลัดพวกนั้นแน่นอน ถ้าว่างนักก็มาช่วยงานหน่อย อย่ามัวแต่นั่งเฉยๆ”
“แต่ตอนที่เราอยู่กับพวกเราไป๋ซานก็ไม่ได้ทำอะไรพวกเราเลยนี่นา”
ลูฟี่ยังคงไม่เข้าใจ
“ไร้สาระน่า ก็พวกเราต่างจากโจรสลัดพวกนั้นไง”
โซโลคิดย้อนกลับไปตอนที่ไป๋ซานชักดาบมุรามาสะออกมาจากฝักเพียงเล็กน้อย
ตัวเขาเองมีดาบปีศาจ เป็นดาบซันได คิเท็ตสึซึ่งเต็มไปด้วยความอาฆาตพยาบาท
อย่างไรก็ตาม การชักดาบออกจากฝักเพียงไม่ถึง1นิ้วของไป๋ซานกลับทำให้ดาบปีศาจของเขา ‘สั่นกลัว’!
คนอื่นที่ไม่ใช่นักดาบอาจจะสัมผัสถึงพลังแบบนี้ไม่ได้
แต่ตอนนี้ตัวเขารู้สึกได้อย่างชัดเจนว่าไป๋ซานและดาบในมือของเขามีเจตนาสังหารแผ่ออกมาอย่างมหาศาล
ตอนนี้ดาบปีศาจในมือของเขามันสั่นเล็กน้อยราวกับมันกำลังถูกยั่วยุและหวาดกลัวในเวลาเดียวกัน
"อ่าาา ม็อกทาวน์จะต้องวุ่นวายแน่นอน"
โรบินพยักหน้าเห็นด้วย "ไป๋ซานดูไม่เหมือนคนดีเลย บางทีอาจมีทะเลเลือดในม็อกทาวน์ก็เป็นได้"
"ทำไมพวกนายถึงเอาแต่พูดเรื่องที่ฉันไม่เข้าใจเนี่ยย?”
ลูฟี่ทำหน้าสิ้นหวัง
แน่นอนว่าไป๋ซานที่จากไปแล้วไม่ได้ยินเสียงเหล่านี้ เขามาที่เมืองม็อกทาวน์เพียงลำพังจะได้ไม่ต้องคอยระวังให้พวกกลุ่มหมวกฟาง
ความแข็งแกร่งในปัจจุบันของลูฟี่ไม่เพียงพอที่จะเข้าไปเกี่ยวข้องกับเรื่องแบบนี้ เพราะงั้นเขาควรลงมือเพียงลำพังจะดีกว่า
นับตั้งแต่ออกจากเกาะลูลูก้า ไป๋ซานก็เริ่มเชี่ยวชาญการควบคุมพลังเวลาที่เขามี
เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมาบนเรือ เขาได้ฝึกฝนกายเทวะสยบอเวจีด้วยอัตราการไหลของเวลาที่ช้าลงร้อยเท่า
กล่าวอีกนัยหนึ่ง การฝึกบนเรือหนึ่งวันก็เท่ากับการฝึกหนึ่งร้อยวัน
จนถึงตอนนี้ พลังงานของกายเทวะสยบอเวจีได้เพิ่มขึ้นอย่างมาก
ยิ่งไปกว่านั้น หลังจากใช้มันหลายครั้ง ไป๋ซานก็เชี่ยวชาญในการควบคุมพลังงานที่ปล่อยออกมา ไม่ใช้จนหมดเหมือนก่อนหน้านี้
สามารถทำได้แม้กระทั่งกระจายพลังงานออกไปอย่างละเอียดอ่อนเพื่อระงับได้หลายส่วนในเวลาเดียวกัน
การใช้พลังกระจายออกไปเพื่อระงับความสามารถในทุกด้านของศัตรูแม้จะเพียง1วินาทีก็มากเกินพอสำหรับเขา
'หนวดดำ ฉันกำลังไปหาแก'
ในที่สุดไป๋ซานก็ได้ลงมาเหยียบที่เมืองม็อกทาวน์
มีคนพลุกพล่าน เดินเข้าๆออกๆอยู่ตลอดเวลา นอกเหนือจากคนในท้องถิ่นแล้ว ที่เหลือทั้งหมดแทบจะเป็นโจรสลัด
สำหรับนักล่าโจรสลัดที่มีความแข็งแกร่ง นี่ถือเป็นธนาคาร และถอนเงินออกได้มากเท่าที่ต้องการ
แต่ถึงยังไงโจรสลัดที่นี่ก็ยังคงหยิ่งผยองมาก พวกนี้ไม่กลัวน่าล่าโจรสลัดหรือกองทัพเรือเลย
นี่แสดงให้เห็นถึงความแข็งแกร่งของพวกเขา
“ว่าแต่ว่า ถ้ากองทัพเรือจัดการโจรสลัดที่มีค่าหัวได้ จะได้เงินค่าหัวนั้นไหมนะ?”
ไป๋ซานเดินอย่างสงบเสงี่ยมบนถนน พูดกับตัวเองขณะที่เขาเดิน
เขาไม่ได้สวมเครื่องแบบทหารเรือและไม่มีใครระบุตัวตนเขาได้
พวกโจรสลัดที่ได้ยินสิ่งที่ไป๋ซานพูดก็หัวเราะ
“ฮ่าๆๆๆ ก็คงรับได้นั่นแหละ แต่ทหารเรือที่ไหนจะโง่มาที่นี่ล่ะ ไม่กลัวว่าจะถูกพวกโจรสลัดชื่อดังฆ่าหรือไง?”
คนอื่นๆรอบๆต่างก็ส่งเสียงเชียร์อย่างเห็นด้วย
“ใช่ มีโจรสลัดค่าหัวสูงๆหลายสิบล้านเบรีอยู่ที่นี่เต็มไปหมด!”
“ใช่แล้ว เดินกันเพ่นพ่านไปหมดยังกับหมาแหน่ะ!”
ไป๋ซานยิ้มแล้ววางมือข้างหนึ่งลงบนดาบมุรามาสะ
เขารู้สึกได้ว่ามุรามาสะกระสับกระส่ายเล็กน้อยแล้ว
“งั้นเหรอ? งั้นก็เยี่ยมไปเลย”
โจรสลัดคนอื่นๆ เห็นไป๋ซานจับดาบ และคิดว่าเขามาที่นี่เพื่อหาเรื่อง
คนประเภทนี้พบเห็นได้ทั่วไปในเมืองม็อกทาวน์ และความขัดแย้งต่างๆในเมืองนี้ก็เกิดขึ้นทุกวัน
“อะไรกัน? แกอยากมีเรื่องเหรอ ฉันบอกได้เลยว่าคนผอมแห้งอย่างแก ไม่ว่าใครในนี้ก็ซัดแกร่วงได้ทั้งนั้นแหละ”
หลายคนมารวมตัวกันและขวางทางของไป๋ซาน
“เฮ้ เจ้าหนู ส่งเงินมา10ล้านเบรี ไม่อย่างนั้นก็อย่าได้หวังว่าจะได้ออกไปไหน!”
“ฮ่าๆๆ เด็กคนนี้ไม่มี10ล้านหรอก! แต่ฉันว่าดาบของเจ้าเด็กนี่ไม่เลวเลย เอาดาบมันดีกว่า!”
"ดาบเล่มนี้คิดเป็นเงินหนึ่งแสนเบรี เหลือ9ล้าน9แสนเบรีก็แค่เอาไปขายเป็นทาส หรือขายแกให้ผู้หญิงรวยๆที่ตามหาทาสหน้าละอ่อนแบบแก"
"ฮ่าๆๆๆ ด้วยร่างกายเล็กๆแบบนี้ แค่แบกของยังไม่ไหวเลยมั้ง”
โจรสลัดกลุ่มหนึ่งหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง และมีบางคนกำลังเอื้อมมือไปคว้าดาบของไป๋ซาน
ดูเหมือนพวกเขาจะรู้สึกว่าไป๋ซานเป็นเพียงลูกไก่ในกำมือของพวกเขาแล้ว และพวกเขาก็จ้องมองไปที่ไป๋ซานด้วยท่าทีที่น่ารังเกียจ
“พวกแกอยากได้ดาบนี้งั้นเหรอ ฉันละกลัวจริงๆ”
“แกกลัวอะไร?”
โจรสลัดที่อยู่ข้างหน้าเขาตะลึง
“ฉันแค่กลัวว่าแกจะไม่แกร่งพอจะใช้มัน!”
เวลาร้อยเท่า!
ในสายตาของไป๋ซาน หนึ่งวินาทีของความเป็นจริงถูกขยายเป็นหนึ่งร้อยวินาที
เขาลงมือทันที และพลังดาบสามพันก็แพร่กระจายออกไปรอบๆ
ถึงยังไงที่นี่ก็เต็มไปด้วยโจรสลัดอยู่แล้ว ตายไปก็ไม่เป็นไรหรอก!
'ในเมื่อพวกแกอยากมีเรื่องกับฉัน ก็อย่ามาโทษฉันแล้วกัน!'
วินาทีถัดมา เวลาก็เริ่มดำเนินไปตามปกติ
ดาบของไป๋ซานกลับคืนสู่ฝัก เดินออกจากวงล้อมของโจรสลัดแบบชิลๆเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น