ตอนที่ 28 เข้าไปในหมอกสีรุ้ง เหตุการณ์สุดแปลกประหลาด
ราชาคอบร้าใช้เวลาไม่นานในการประกาศต่อสาธารณะว่าอาชญากรเหล่านี้จะถูกดำเนินคดี
ตอนนี้อลาบาสต้าเต็มไปด้วยซากปรักหักพังจากสงคราม คนเหล่านี้จึงได้รับมอบหมายให้ทำงานหนัก ให้พวกเขาสามารถใช้แรงงานเพื่อแลกกับอาหารและอิสรภาพได้
มีตั้งแต่ห้าปีถึงสิบปี ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับอาชญากรรมที่ก่อ
มีไม่กี่คนที่มือที่สะอาด แต่ถึงยังไงขั้นต่ำก็โดนอย่างน้อย3ปีอยู่ดี
ตามคำพูดของไป๋ซาน สิ่งนี้เรียกว่า "การปฏิรูปแรงงาน"
คอบราชอบคำนี้มากจึงใช้มัน
“เราต้องดำเนินการปฏิรูปแรงงานสำหรับอาชญากรทุกคน พวกเขาสามารถตระหนักถึงข้อผิดพลาดอย่างลึกซึ้งและจะมีส่วนช่วยในการสร้างอลาบาสต้าขึ้นมาใหม่ด้วยการใช้แรงงานของพวกเขาเอง”
ไป๋ซานปลอบใจพวกเขาด้วยรอยยิ้ม “อยากน้อยพวกแกก็ยังรักษาชีวิตหมาๆของพวกแกไว้ได้ ถ้าเกิดฉันมีอำนาจเด็ดขาดในการตัดสินพวกแกละก็ พวกแกคงตายไปแล้ว”
หลังจากนั้น กลุ่มหมวกฟางที่ฟื้นฟูตัวเองเสร็จแล้วก็พร้อมที่จะออกเดินทาง
ถ้ายังไม่รีบออกเดินทาง กองทัพเรือก็จะปิดล้อมท่าเรือทั้งหมด
เรือของ ‘กรงขังดำ’ ฮินะมาเทียบท่าอยู่สักพักแล้ว
กลุ่มหมวกฟางกล่าวอำลาเจ้าหญิงวีวี่และยกแขนซ้ายขึ้นเพื่อบอกลาเจ้าหญิงวีวี
นั่นคือสัญญาณว่าเราเป็นเพื่อนกัน!
"ไปกัน! มุ่งหน้าสู่เกาะต่อไปกันเถอะ!"
เมื่อมองไปที่ลูฟี่และคนอื่นๆ ดูเหมือนว่าพวกเขาก็ไม่ได้รู้สึกเศร้าใจมากนักจากการพลัดพรากจากกัน
พวกเขาเกิดมาเป็นนักผจญภัยและจะไม่มัวมานั่งเศร้าเสียใจเมื่อต้องจากลา
ความฝันอันไกลโพ้นคือจุดหมายปลายทางของพวกเขา!
ไป๋ซานซึ่งอยู่ในกลุ่มนี้รู้สึกถึงพลังแห่งมิตรภาพ
เป็นเรื่องดีที่คนเหล่านี้ยอมเสี่ยงทุกอย่างและแม้กระทั่งสละชีวิตเพื่อความฝันของตัวเอง
เมื่อมองย้อนกลับไปในชาติที่แล้ว ตัวเขาเองใช้ชีวิตอย่างสับสนและหม่นหมอง
ไม่มีอะไรน่าจดจำเลย
ไป๋ซานแอบตัดสินใจว่าชาตินี้เขาจะต้องทำให้มันน่าจดจำ!
มาเป็นแข็งแกร่งที่ทำให้โลกโจรสลัดสั่นสะเทือนดีกว่า!
เมื่อลูกปืนใหญ่ของฮินะพุ่งตรงมาที่เรือ ไป๋ซานก็เปิดกำแพงลมเพื่อป้องกันกระสุนปืนใหญ่ทั้งหมดทันที!
สุดท้ายก็เป็นมิสเตอร์ทูที่ช่วยล่อกองทัพเรือ และเรือโกอิ้งแมรี่ก็หนีห่างจากกองทัพเรือได้สำเร็จ
"วู่หู้! ออกเดินทาง!"
ขณะที่เรือกำลังแล่นไป ไป๋ซานก็จำเนื้อเรื่องได้
หลังจากออกจากอลาบัสต้า จะผ่านเกาะที่มีชื่อว่าลูลูก้า
ที่นี่ลูฟี่ผองเพื่อนจะได้พบกับหมอกสีรุ้ง!
นี่เป็นเนื้อเรื่องเดียวในวันพีชที่เกี่ยวข้องกับมิติและเวลา
มันไม่ได้เกี่ยวอะไรกับโครงเรื่องหลัก แต่การปรากฏตัวของโครงเรื่องนี้เองหมายความว่าโลกของวันพีชนั้นไม่ธรรมดา
ในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมาขณะอยู่บนเรือ ไป๋ซานได้ทำหน้าที่เป็นนักเล่าเรื่อง โดยเล่าเรื่องราวของไซอิ๋วให้ลูฟี่และผองเพื่อนฟังอย่างต่อเนื่อง
จนกระทั่งพวกเขาล่องเรือไปพบกับเกาะและหอคอยสูงตระหง่าน
ไป๋ชานจึงตระหนักว่าเขาได้มาถึงเกาะลูลูก้าแล้ว
หลังลงจากเรือแล้วก็มีทหารคนมาเก็บภาษีจอดเรือ
สิ่งนี้ทำให้ไป๋ซานมั่นใจยิ่งขึ้นว่านี่คือเกาะลูลูก้า
โจรสลัดได้เผาทำลายสถานที่แห่งนี้เมื่อห้าสิบปีก่อน
และหัวหน้าโจรสลัดกลุ่มนั้นเองก็กลายมาเป็นนายกเทศมนตรีของเกาะนี้เพื่อตามหาสมบัติในหมอกสีรุ้ง
มีเด็กๆที่ติดอยู่ในหมอกสีรุ้ง เมื่อเด็กพวกนั้นออกมาเวลาก็บิดเบี้ยวจนพาพวกนั้นย้อนไปเมื่อ50ปีก่อน จนได้เติบโตมากลายเป็นนาวาเอกในเนื้อเรื่องปัจจุบัน และได้เขียนหนังสือขึ้นมา
โรบินได้รับหนังสือเล่มนี้ในภายหลังและใช้มันเพื่อช่วยเหลือเด็กๆออกมาจากหมอกสีรุ้งอีกครั้ง
เพราะความแตกต่างของมิติเวลาที่มันคาดเดาไม่ได้ทำให้เหตุการณ์มันวนลูปไปเรื่อยๆ
แม้แต่ไป๋ซานก็ไม่กล้าที่จะทำอะไรในมิติลึกลับนั่น
ใครจะรู้ล่ะว่าการถ้าเขาเผลอไปแตะต้องหรือขยับอะไรบางอย่างจนมันเกิดบัตเตอร์ฟลายเอฟเฟกต์แล้วทำให้เนื้อเรื่องเปลี่ยนไปหรือทำให้มิติเวลาล่มสลาย
อย่างไรก็ตาม ไป๋ชานยังคงสนใจที่จะเห็นโลกในมิติเวลาอันลึกลับนี้
ไป๋ซานจึงขึ้นเรือและตามลูฟี่และคนอื่นๆ เข้าไปในหมอกสีรุ้ง
หลังจากเข้าสู่หมอกสีรุ้งแล้ว สิ่งที่เห็นต่างก็มีเพียงซากเรือต่างๆ
พวกเด็กๆ ของกลุ่มโจรสลัดฟักทองซ่อนตัวอยู่ที่นี่
เฮนโซยุ่งอยู่กับการค้นหาสหายในอดีตของเขา ในขณะที่โรบินกังวลว่าจะออกไปได้ยังไง
ลูฟี่ตื่นเต้นที่ได้มาถึงโลกใหม่และพร้อมที่จะสำรวจที่นี่
แต่ไป๋ซานรู้สึกเหมือนมีบางอย่างผิดปกติกับเขา
หลังจากเข้ามาที่นี่ มีเสียงแปลกๆ ดังขึ้นในใจของเขา
มันเหมือนกับมีเสียงคนยืนเถียงกันเป็นกลุ่มหรือเสียงดังเวลาเดินตลาดดังก้องอยู่ในหัวของเขา
มันทำให้ไป๋ซานปวดหัว
เกิดอะไรขึ้น...
ไป๋ชานเห็นว่าคนอื่นไม่มีปฏิกิริยาใด ๆ และเขาก็เข้าใจว่ามีเพียงเขาเท่านั้นที่มีปัญหา
ถ้าอย่างนั้นปัญหามันก็ต้องอยู่ที่ตัวเขาเอง
เป็นไปได้ไหมว่ามีอะไรเกิดขึ้นกับระบบบัพมืด
จู่ๆ ไป๋ซานก็เหงื่อออก
จะเกิดอะไรขึ้นถ้าระบบบัพมืดมีปัญหาตอนที่เขาอยู่ในมิติบ้าๆนี่ เขาคงจะยังไม่ถึงฆาตหรอกใช่ไหม?
“ระบบ ระบบ นายเป็นอะไรรึเปล่า?”
ไป๋ซานเดินเงียบๆ แสร้งทำเป็นมองเข้าไปในหมอกสีรุ้ง แต่จริงๆคือพยายามติดต่อกับระบบ
"โฮสต์ ระบบ#%@!%#! (!!!"
ระบบตอบกลับด้วยภาษาอะไรไม่รู้ที่เขาไม่เข้าใจ ซึ่งทำให้ไป๋ชานรู้สึกว่าระบบกำลังจะพังจริงๆ
'ตายแน่ ตอนนี้ฉันควรทำยังไงดีวะเนี่ย'
ตอนนี้เขายังหาทางแก้ไม่ได้ งั้นก็ปล่อยไว้ก่อน ค่อยหาทางหลังจากออกจากที่นี่ไปแล้ว
แต่สิ่งที่ไป๋ซานมั่นใจได้คือความสามารถต่าง ๆ ที่เขาได้รับก่อนหน้านี้ไม่ได้หายไป
เนื่องจากมุรามาสะก็อยู่ที่นี่ และเขายังคงมีความสามารถทั้งหมด ต่อให้ระบบบัพมืดจะหายไปจริงๆ แต่ตัวเขาก็ยังมีดีพอที่จะตั้งหลักได้ในโลกใบนี้
ไป๋ซานได้เตรียมใจหากสถานการณ์มันแย่ที่สุดเอาไว้แล้ว จนในที่สุดเขาก็ได้ออกมาข้างนอก
และเมื่อไป๋ซานออกมา ทันใดนั้นเสียงในหัวของเขาก็ดังขึ้น
ทันใดนั้นไป๋ซานก็รู้สึกมีอาการปวดหัวเหมือนจะระเบิด และสมองของเขาดูเหมือนจะเต็มไปด้วยความทรงจำที่ไม่ได้เป็นของเขา
ก่อนที่ไป๋ซานจะได้คิดว่าข้อมูลทั้งหมดนี้คืออะไร ทันใดนั้นเสียงรบกวนเหล่านั้นก็หายไป และเสียงของระบบบัพมืดก็ดังขึ้น
ต่างจากเสียงในหมอกสีรุ้ง ตอนนี้เสียงของระบบมันสมบูรณ์แล้ว
“ตรวจพบว่าโฮสต์เพิ่งเข้าสู่ระนาบมิติเวลาที่ผิดปกติ หลังจากประสบกับเหตุการณ์มิติเวลาที่ผิดปกติ ระบบได้ทำการบัพมืดตัวระบบเองและตัวโฮสต์แล้ว โฮสต์ได้รับเศษเสี้ยวพลังของกฏมิติและกาลเวลา โฮสต์สามารถปรับเวลาของตัวเองได้”
"การปรับเวลาสูงสุดคือ100เท่า นั่นคือหนึ่งวินาทีของตัวเองเท่ากับหนึ่งร้อยวินาทีของโลก หรือหนึ่งร้อยวินาทีของตัวเองเท่ากับหนึ่งวินาทีของโลก"
"การฝึกฝนภายใต้ผลกระทบของพลังนี้จะมีผล"
"ระบบกำลังฟื้นฟูเศษเสี้ยวพลังของกฏมิติและกาลเวลา หลังจากที่ระบบฟื้นฟูมันได้สำเร็จอาจมีเรื่องน่าประหลาดใจเกิดขึ้น”
‘มันทำให้ฉันกลัวแทบตาย...’
ไป๋ซานถอนหายใจยาวด้วยความโล่งอก
โชคดีที่ระบบได้รับการฟื้นฟู
อย่างไรก็ตาม ทำไมระบบบัพมืดนี่ยังบัพตัวเองอีก?
ในสายตาของไป๋ซาน ระบบบัพมืดคือบัคของโลก และหมอกสีรุ้งก็ถือเป็นบัคเช่นกัน
เป็นไปได้ไหมที่ระบบรู้สึกเหมือนได้เจอศัตรูตัวฉกาจทำให้ตัวมันเองรู้สึกเจ๋งไม่พอ ดังนั้นมันเลยบัพตัวเองทำให้ตัวมันยิ่งเจ๋งยิ่งขึ้นไปอีก
แถมจะมีเซอร์ไพรส์หลังจากฟื้นฟูเสร็จเหรอ?
ไป๋ซานตั้งตารอวันนั้น