ตอนที่ 27 หมดสิ้นภัยคุกคามในอลาบัสต้า
ไป๋ซานแบกลูฟี่และโรบินไว้
ส่วนราชาคอบร้านั้นไม่ได้รับบาดเจ็บอะไรมาก เขาสามารถเดินได้ด้วยตัวเอง
“ขอบคุณมาก”
คอบร้ากล่าวขอบคุณไป๋ซานอย่างจริงใจ เขารู้ว่าชายหนุ่มคนนี้และลูฟี่เป็นเพื่อนกัน ดังที่เจ้าหญิงวีวี่กล่าวไว้ในจดหมาย
“ท่านควรรอจนกว่าผู้ชายคนนี้จะตื่นขึ้นมาแล้วบอกกับเขาด้วยตัวเอง พวกเขาคือคนที่ช่วยชีวิตอลาบัสต้าไว้ และฉันไม่กล้าที่จะรับความดีความชอบหรอก”
ไป๋ชานรู้สึกเสียใจเล็กน้อย โพเนกลีฟที่อยู่ใต้ดินนั้นกล่าวถึงการดำรงอยู่ของอาวุธโบราณพลูตัน
แต่น่าเสียดายที่ตอนนี้ถูกฝังอยู่ใต้ซากปรักหักพัง ถึงแม้จะเป็นไป๋ซานก็ยากที่จะลงไปตรวจสอบอีกครั้ง แถมตอนนี้ยังต้องพาลูฟี่ไปพักผ่อนก่อน
เมื่อพวกเขากลับมาถึงราชวัง ก็เป็นตอนที่สงครามสิ้นสุดแล้ว
ฝนที่ตกลงมาอย่างกะทันหันจากท้องฟ้าฟื้นสติอันบ้าคลั่งของทุกคน
ในฐานะกษัตริย์ คอบร้ายืนอยู่บนแท่นสูงแล้วพูดออกมา
"นี่คือความสูญเสียครั้งยิ่งใหญ่ โดยไม่ได้อะไรกลับมาเลย"
"แต่เรายังคงต้องเดินหน้าต่อไป! อลาบัสต้า ผ่านพ้นวิกฤตแล้วว!"
" ไม่ว่าจะเป็นกองทัพปฏิวัติ ประชาชนหรือทหารของอาณาจักร ตราบใดที่เราร่วมมือกัน เราก็จะประสบความสำเร็จ!"
ขณะที่ทุกคนส่งเสียงเชียร์ ไป๋ซานก็เดินแบบเงียบๆไปหาพวกสมาชิกองค์กรบาร็อคเวิร์คในคราบทหาร ที่เขาพอจะระบุตัวตนได้
ตอนนี้ก็เหลือพวกองค์กรบาร็อคเวิร์คที่แฝงตัวอยู่ในกลุ่มทหารอาณาจักรและกลุ่มกบฏไม่มากแล้ว
การที่ยังเหลือคนพวกนี้ไว้โดยไม่จัดการให้เด็ดขาดเป็นเรื่องอันตราย
ในองค์กรบาร็อคเวิร์คมีน้อยคนที่จะเป็นคนดี
ไป๋ซานวางแผนที่โอกาสในการจัดการกับคนเหล่านี้และป้องกันไม่ให้พวกเขาสร้างปัญหาอีกครั้ง
ดังนั้น หลังจากที่ทุกอย่างสงบลงอย่างสมบูรณ์ เหล่าทหารยามก็กลับมาที่วัง ในขณะที่กองทัพปฏิวัติก็เริ่มซ่อมแซมอัลบานาที่เสียหายจากสงคราม
ไป๋ซานบอกคอบร้าและเจ้าหญิงวีวี่เกี่ยวกับสายลับ จากนั้นจึงวิ่งตรงไปยังค่ายทหารและนำตัวสายลับที่เขาระบุได้ออกมา
หลังจากถูกจับมาไว้ในห้องขังและสอบปากคำ ไป๋ซานก็ใช้พลังของกายเทวะสยบอเวจีโดยตรง
เขาชี้มือข้างหนึ่งไปที่สายลับตรงหน้าแล้วคิดในใจ
'ระงับความสามารถของเขาในการโกหก!' (พลังเว่อไปเป่าาา)
เมื่อพลังงานในร่างกายของเขาหมดลง สายลับอยู่ตรงหน้าเขาแสดงให้เห็นอย่างชัดเจนถึงอาการไม่สบายแปลกๆ
สายลับแปลกใจที่พบว่าเขาไม่มีความคิดที่จะโกหกในใจเลยแม้แต่น้อย!
‘นี่มันอะไรกัน? ฉันรู้สึกว่าตัวฉันจะต้องพูดแต่ความจริงและพูดโกหกไม่ได้เลย!’
“เอาล่ะ บอกมาตามตรงเลยว่ามีใครอีกบ้างในกองทัพของอาณาและกองทัพปฏิวัติที่เป็นคนขององค์กรบาร็อคเวิร์ค แล้วพวกนายติดต่อกันยังไง แล้วแผนต่อไปคืออะไรพูดมาให้หมดเลย”
ไป๋ซานเคาะโต๊ะด้วยนิ้วเป็นจังหวะ "ต่อก ต่อก ต่อก"
นี่เป็นเทคนิคการสอบสวนทั่วไปที่ใช้เพื่อเบี่ยงเบนความสนใจของผู้ถูกสอบปากคำ เพื่อไม่ให้มีสมาธิกับการสร้างเรื่องโกหกที่ละเอียดและสมบูรณ์
ไป๋ซานยังคงกังวลเล็กน้อย โดยกลัวว่าความสามารถในการปราบปรามของเขาจะไม่บังเกิดผล
อย่างไรก็ตาม สิ่งที่เขาไม่คาดคิดก็คือไม่เพียงแต่ชายคนนี้จะพูดโกหกไม่ได้ในตอนนี้ แต่เพราะไป๋ซานไม่ได้ควบคุมพลังในการระงับของเขาเอง จึงกลายเป็นว่าพลังของเขาส่งผลให้สายลับคนนี้พูดโกหกไม่ได้ตลอดชีวิต
“ฉันรู้จักแค่คนเดียวที่เป็นคนคุมปืนใหญ่บนกำแพงเมือง เราไม่ค่อยได้สื่อสารกัน จะมีก็แต่พวกระดับสูงกว่าเราริเริ่มติดต่อกับพวกเราเองเพื่อมอบหมายภารกิจ ทั้งการยิงปืนใหญ่เมื่อกองทัพปฏิวัติมาถึง และยิงโคซาเพื่อก่อสงคราม”
หลังจากที่ได้พูดทุกอย่างหมดเปลือก สายลับก็รู้สึกสิ้นหวัง โดยไม่รู้เลยว่าทำไมตัวเขาถึงพูดโกหกไม่ได้เลย หรือชายตรงหน้าทำอะไรกับเขา
ไป๋ซานเดินเข้ามาตบไหล่เขา
"ขอบคุณที่พูดความจริงนะ ส่วนชะตากรรมของแกขึ้นอยู่กับการพิจารณาคดีทางกฎหมายในอลาบาสต้า"
พูดจบไป๋ซานก็พาตัวสายลับโยนเข้าไปในห้องขังและล็อคเอาไว้
เมื่อไป๋ชานออกมา เขาก็เดินไปจนเห็นโรบินที่กำลังเดินตรงมาทางเขา
“สวัสดีคุณโรบิน มีอะไรรึเปล่า?”
ไป๋ซานมองดูโรบินหยุดอยู่ตรงหน้าเขา เห็นได้ชัดว่ากำลังตามหาเขา
“ฉันได้ยินมาว่าคุณกำลังมองหาคนที่เหลือจากองค์กรบาร็อคเวิร์ค ใช่ไหม?”
ไป๋ชานยิ้ม “เพื่อกำจัดเสี้ยนหนามที่อาจก่ออันตรายในอนาคต พวกนั้นต้องได้ชดใช้กรรมของตัวเอง”
“งั้นก็ดีเลย ฉันช่วยคุณติดต่อพวกเขาได้”
‘โอ้ ฉันลืมไปเลยว่าโรบินเคยเป็นพวกระดับสูงของกลุ่มนี้’
“ถ้าอย่างนั้นฉันก็ต้องขอรบกวนเธอให้ออกคำสั่งลับเพื่อเรียกรวมตัวพวกเขาไว้ที่ไหนสักที่ทีนะ”
ไป๋ชานไม่ได้อธิบายอย่างละเอียด โรบินเป็นคนฉลาดและเธอรู้ว่าต้องทำอะไร
“คืนพรุ่งนี้ล่ะเป็นไง?”
“โอเค”
“งั้นก็รอไปก่อนก็แล้วกัน”
โรบินหันหลังแล้วจากไป
คืนถัดมา พวกที่เหลือทั้งหมดของ องค์รบาร็อคเวิร์ค ที่ได้รับให้มารวมตัวกันที่ลานหน้าพระราชวัง
ข่าวที่พวกเขาได้รับคือหัวหน้าสามารถควบคุมพวกระดับสูงของอาณาจักรอลาบัสต้าได้สำเร็จ และการสงบศึกครั้งก่อนนี้เป็นเพียงแผนลวง
ต่อไปพวกเขาจะทำการเคลื่อนไหวครั้งใหญ่อีกครั้ง
เดิมทีคนพวกนี้ยังพอได้รับข่าวสารอยู่บ้างจากองค์กรบาร็อคเวิร์ค
ตอนนี้องค์กรบาร็อคเวิร์คล่มสลายลงไปแล้ว ทำให้พวกเขาเหมือนคนตาบอดหูหนวกที่ไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไรเลย
ยังไม่ชัดเจนด้วยซ้ำว่าทำไมสงครามครั้งก่อนถึงสิ้นสุดลงกะทันหัน
ตอนนี้จู่ๆ พวกเขาก็ได้รับคำสั่งจากโรบิน ทุกคนจึงคิดว่านี่เป็นโอกาส ดังนั้นพวกเขาจึงรวมตัวกันที่จัตุรัสโดยไม่ขาดแม้แต่คนเดียว
ไป๋ซานและโรบินกำลังนั่งอยู่บนแท่นสูง มองดูฝูงชนด้านล่าง และอดหัวเราะไม่ได้
“ใคร! ใครอยู่บนนั้น!”
ไป๋ซานกระโดดลงไปบนพื้น
"สวัสดีทุกคน เศษซากขององค์กรบาร็อคเวิร์ค"
"แกเป็นใคร ทำไมแกถึงได้รู้!"
พวกเขาคิดว่าสงครามจบลงแล้ว และพวกเขาสามารถซ่อนตัวอยู่ในตัวตนปัจจุบันต่อไปได้ และจะไม่มีใครรู้เกี่ยวกับตัวตนที่แท้จริงของพวกเขา
“ฮ่าฮ่า แกคิดว่าพวกแกมาที่นี่ทำไมล่ะ?”
ไป๋ซานโบกมือ “ไป จับพวกมันไว้!”
จู่ๆ ยามจำนวนมากก็ปรากฏตัวขึ้นรอบๆ ลานและรุมเข้ามาจับกุมคนเหล่านี้ที่ไม่มีแม้แต่อาวุธสักชิ้นเดียว
"ทำได้ดีมาก"
โรบินหันหลังและจากไป เธอไม่มีความรู้สึกอะไรต่อคนพวกนี้เลย
ท้ายที่สุดเธอและคร็อกโคไดล์ก็มีความสัมพันธ์แบบใช้ประโยชน์จากกันและกัน
ไม่ต้องพูดถึง คร็อกโคไดล์ยังหักหลังเธอในตอนท้าย
“เอาล่ะ คนเหล่านี้ทั้งหมดจะถูกจับเข้าคุก และจะรอวันถูกพิจารณาคดี”
หลังจากหยุดไปครู่หนึ่งไป๋ซานก็พูดต่อ
“ตราบใดที่พวกเขายังไม่ตายด้วยความกระหาย เราก็จะไม่ให้น้ำแก่เขา คนเหล่านี้ชอบความแห้งแล้ง เพราะงั้นเราก็จะจัดให้เขา”
ใบหน้าของผู้ที่ถูกจับกุมด้านล่างซีดเผือด
ทหารจ้องมองพวกเขาด้วยสายตาโกรธเกรี้ยวและพาพวกเขากลับเข้าไปในห้องขัง
และตามคำแนะนำของไป๋ชาน พวกเขาไม่ได้รับน้ำดื่มเลย
อาจกล่าวได้ว่าพวกทหารเกลียดสายลับเหล่านี้มากที่สุด
ตอนนี้อันตรายที่แฝงอยู่ในอาณาจักรก็หมดไปแล้ว ได้เวลาตามลูฟี่ไปที่เกาะจายาแล้ว