ตอนที่ 22 ช็อปเปอร์เข้าร่วมกลุ่ม
หลังจากที่ลูฟี่สงบลง ทุกคนก็นั่งคุยกันและพูดคุยกันอย่างสนุกสนาน
นามิดูประหลาดใจเล็กน้อย เธอไม่เคยเห็นไป๋ซานมาก่อน
ไป๋ซานและลูฟี่พบกันที่ภัตตาคารลอยทะเลบาราติเอ และซันจิก็พบกับไป๋ชานในตอนนั้นด้วย แต่บังเอิญว่าในช่วงเวลานั้นเป็นช่วงที่นามิกลับไปที่อารอนปาร์ค
“พวกนายรู้จักกันหรอ?”
“นี่คือไป๋ซานนะ เขาเป็นคนที่น่าสนใจมาก และเขาก็แข็งแกร่งมากๆด้วย! เขาแข็งแกร่งกว่าโซโลอีก”
“จริงเหรอ? ซันจิ นายเองก็รู้จักด้วยหรอ?”
"ใช่แล้ว อา ฉันประทับใจทหารเรือที่มาที่ร้านเพื่อกินฟรี แถมเขายังแข็งแกร่งมากจริงๆ ถึงขั้นรับดาบของตาเหยี่ยวมิฮอว์คได้" เมื่อนามิได้ยินเรื่องของไป๋ซานที่รับดาบมิฮอว์คได้ เธอก็ตกตะลึงอ้าปากค้าง
“ไม่จริงหน่า มิฮอว์คที่เป็น7เทพโจรสลัดคนนั้นน่ะหรอ?”
“มันเป็นเรื่องธรรมดามาก ตอนนั้นมิฮอว์คไม่ได้เอาจริง ถ้าเขาเอาจริงแต่แรกฉันคงตายไปแล้ว”
ไป๋ชานถ่อมตัวเมื่ออยู่ต่อหน้าสาวสวย
“เอาล่ะ มาทำความรู้จักกันดีกว่า ฉันชื่อไป๋ชาน, จารอส ดี ไป๋ชาน ตอนนี้ฉันเป็นทหารเรือ ฉันมาที่แกรนด์ไลน์เพียงลำพังเพื่อฝึกฝนตัวเอง”
“กองทัพเรือเหรอ!” นามิกอดผ้าห่มโดยไม่รู้ตัว ชายที่อยู่ตรงหน้าเธอไม่ได้มีความมุ่งร้ายใดๆ
“สวัสดี ฉันชื่อนามิ”
หลังจากรู้จักกันแล้ว ไป๋ซานและลูฟี่ก็พูดคุยกันเป็นเวลานานรวมถึงเล่าประสบการณ์ต่างๆ ในทะเล ไป๋ซานยังเล่าประสบการณ์บางส่วนของเขาระหว่างทางอีกด้วย
แล้วช็อปเปอร์ก็พูดขึ้นมาว่า
“พี่ไป๋ซานมีเรื่องเล่ามากมายเลยแหละ! เขาเล่าเรื่องให้ฉันฟังทุกวัน!”
“จริงเหรอ? เล่าให้ฉันฟังหน่อย ฉันก็อยากฟังเหมือนกัน!”
ลูฟี่มักจะชอบฟังอะไรแบบนี้อยู่เสมอ
“รอตอนไปจากที่นี่เถอะ ฉันจะเล่าให้ฟังตอนอยู่บนเรือ”
“หมายความว่า นายจะไปกับพวกเราหรอ?”
นามิพอจะจับจุดจากสิ่งที่ไป๋ซานพูดได้
“ได้เจอเพื่อนขณะเดินทางทั้งที ให้ฉันติดไปด้วยเถอะ ถึงกองทัพเรือกับโจรสลัดอยู่ด้วยกันมันจะแปลก แต่ฉันไม่ใช่พวกบ้าความยุติิธรรมถึงขนาดจับโจรสลัดไม่เลือกหน้านะ”
“ไม่เป็นไรไม่เป็นไร ไป๋ซานจะไม่ทำอะไรพวกเราหรอก”
ลูฟี่ตบไหล่ไป๋ซาน ทำตัวเหมือนพวกเขาเป็นพี่น้องที่รักกันดี
“แน่นอนอยู่แล้ว แต่เหมือนตอนนี้ข้างนอกจะมีปัญหาอยู่นะ”
“หมายความว่ายังไง?”
ซันจิขมวดคิ้ว และในวินาทีต่อมา เขาได้ยินเสียงตะโกนจากนอกหน้าต่าง
“วาโปลูกลับมาที่นี่แล้ว ลูฟี่ ออกไปเจอเจ้านั่นกันเถอะ”
พูดจบหลายคนก็เดินออกไปโดยทิ้งนามิไว้บนเตียงเพียงลำพัง
“นามิ พักผ่อนให้สบายใจ ไม่ต้องห่วงเรื่องที่เหลือ พวกเราจะจัดการเอง”
ไป๋ซานยืนอยู่ข้างประตูและพูดกับลูฟี่ “ฉันเป็นกองทัพเรือ เพราะงั้นตามหลักแล้วฉันลงมือไม่ได้ เพราะเจ้านั่นเป็นถึงราชาของอาณาจักร ฉันอาจถูกไล่ออกได้”
"ไม่สำคัญหรอก ฉันจัดการพวกมันได้แน่!"
ลูฟี่ยิ้มและโบกหมัดอย่างมั่นใจ
“ยังไงก็เถอะ พวกนั้นจะไปรู้ได้ยังไงว่าฉันเป็นทหารเรือ ใช่ไหม?”
ไป๋ซานยิ้มและตบฝักดาบของมุรามาสะ
“ถ้านายเอาไม่อยู่ก็เรียกฉันนะลูฟี่! ฉันจะจัดการให้นายเอง”
เรื่องราวต่อจากนี้ก็แบบที่ไป๋ซานจำได้
เมื่อเขาเห็นวาโปลูกำลังเล็งยิงไปที่ธงโจรสลัด ไป๋ซานก็มองไปที่ลูฟี่ที่ยืนจับธงโจรสลัดไว้ด้วยแขนข้างนึง และชื่นชมในใจอย่างเงียบๆ
นี่คือสาเหตุที่ลูฟี่ดึงดูดพันธมิตรคนอื่นๆ และนี่คือเสน่ห์ของเขา!
ช็อปเปอร์ยังตระหนักได้ถึงการมุ่งมั่นที่จะทำตามความฝันของลูฟี่
ลูฟี่ได้รับบาดเจ็บสาหัส และเขาก็เต็มไปด้วยบาดแผลทุกครั้ง
ไป๋ซานทนดูต่อไปไม่ไหว ดังนั้นเขาจึงดำเนินการอย่างลับๆ
ในระหว่างการต่อสู้ระหว่างลูฟี่และวาโปลู พลังดาบได้โจมตีร่างกายของวาโปลูอย่างเงียบ ๆ
วาโปลูที่ไม่ทันได้ตั้งตัวโดนโจมตีเข้าไปเต็มๆ เขาตะโกนแหกปากโวยวายและรีบวิ่งไปที่คลังอาวุธในปราสาท
“ขอบคุณนะไป๋ซาน!”
ลูฟี่รู้สึกว่าไป๋ซานแอบช่วยเหลือเขาอยู่ และหลังจากพูดออกไป เขาก็รีบวิ่งตามวาโปลูไป
สัญชาตญาณการต่อสู้ของผู้ชายคนนี้เฉียบแหลมอย่างไม่น่าเชื่อจริงๆ
ไม่น่าแปลกใจที่เขามักจะถูกโจมตีจนสบักสบอมก่อนแล้วค่อยต่อสู้กลับ ไป๋ซานประเมินว่าลูฟี่จำเป็นต้องอาศัยการถูกโจมตีจากศัตรูก่อนเพื่อทำความคุ้นเคยกับวิธีการต่อสู้ของศัตรู จากนั้นใช้สัญชาตญาณการต่อสู้ของตัวเองเพื่อค้นหาจุดอ่อนของพวกเขาและจัดพวกมันด้วยการโจมตีเพียงครั้งเดียว
"ไปซะ ลูฟี่ เอาชนะฮิปโปนั่นให้ได้นะ!"
ไป๋ซานยิ้มและโบกมุรามาสะ
“สุดท้าย ฉันก็อดไม่ได้ที่จะลงมือ”
ดร.คุเรฮะยืนอยู่ใกล้ ๆ และมองดูลูฟี่ที่กำลังวิ่งจากไป
“อาการบาดเจ็บของลูฟี่ค่อนข้างร้ายแรง จนทำฉันทนมองต่อไปไม่ไหวแล้ว”
ไป๋ซานส่ายหัว
“แล้วทำไมเธอไม่จัดการวาโปลูซะเองเลยล่ะ? หรือเธอไม่ได้สนใจเรื่องของที่นี่อยู่แล้วใช่ไหม?”
“นี่เป็นบททดสอบ บททดสอบสำหรับลูฟี่เท่านั้น”
หลังจากจบการแสดงสุดเจ๋ง ไป๋ซานก็เดินตามเข้าไปตามทางที่ลูฟี่วิ่งไปอย่างช้าๆ
ตอนนี้ก็แค่รอให้มันจบลง
ไม่นานหลังจากนั้น วาโปลูก็ลอยกระเด็นออกมาจากประสาท
“ทำได้ดีมากลูฟี่”
ไป๋ซานเดินไปพยุงลูฟี่ที่ค่อนข้างสาหัสแล้วช่วยเขาเข้าไปในห้อง
หลังจากจบเหตุการณ์นี้แล้วก็เป็นตอนที่นามิต้องการจะออกก่อนกำหนด
“มีเสื้อคลุมวางอยู่ที่มุมห้อง อย่าไปไหนเด็ดขาด!”
หลังจาก “ตักเตือน” นามิแล้ว ดร.คุเรฮะก็หันไปหาคนอื่นๆ แล้วพูดว่า
“พวกนายตามฉันมา มีเรื่องให้ช่วยหน่อย”
หลังจากนั้นไม่กี่วินาที ในห้องก็เหลือเพียงกลุ่มหมวกฟางและไป๋ซาน
“ดร.คุเรฮะไปแล้ว ไปเร็วเข้า!”
นามิกระโดดลงจากเตียงแล้วดึงคนอื่นๆ ออกไปอย่างรวดเร็ว
“เจ้ากวางงงงง! ไปเป็นโจรสลัดกันเถอะะะ มาเป็นหมอของกลุ่มหมวกฟางของช้านนน!”
ลูฟี่ยังคงยืนกรานที่จะพาชอปเปอร์ไปด้วย
“ฉันจะไปบอกดร.คุเรฮะ...”
ช็อปเปอร์ไปบอกลา แต่อย่างที่อย่างที่รู้กันดี ดร.คุเรฮะไล่เขาอย่างดุเดือด
“ไอ้เด็กขี้แย ยังกล้าที่จะบอกว่าแกเป็นลูกผู้ชายอีกเรอะ!”
“ผมขอโทษนะครับ ดร.คุเรฮะ! ผมก็อยากไล่ตามความฝันของตัวเองเหมือนกัน!”
ช็อปเปอร์ร้องไห้ขณะที่เขาวิ่งออกไปและตามไป๋ซานและคนอื่นๆ ทัน
ดร.คุเรฮะที่เห็นช็อปเปอร์จากไปไกลแล้วไม่ได้วิ่งไล่ตามอีก แต่ให้คนอื่นๆติดตั้งปืนใหญ่
"เตรียมพร้อมแล้วใช่ไหมพวกหนุ่มๆ ยิงได้!"
ไม่กี่วินาทีต่อมา "ดอกซากุระ" สีชมพูก็บานสะพรั่งไปทั่วท้องฟ้า
ช็อปเปอร์และดร.คุเรฮะอยู่ไกลกัน
แม้จะมองไม่เห็นหน้ากันแต่น้ำตาก็ไหลอาบหน้ากันทั้งคู่
“ช็อปเปอร์ ดร.ฮีลลุคเป็นหมอที่ทรงพลังมาก เขาค้นพบยารักษาโรคของประเทศนี้ และนั่นคือความตั้งใจและชีวิตของเขา” ไป๋ซานยืนเคียงข้างช็อปเปอร์ด้วยหัวใจที่หนักอึ้ง
โศกนาฏกรรมทั้งหมดนี้สิ้นสุดลงในวันนี้
"เอาล่ะ ไม่ต้องเศร้าอีกต่อไปแล้วนะ นายเป็นลูกผู้ชายนะ!"
"นายเป็นหมอประจำเรือของพวกเรา ไปผจญภัยด้วยกันเถอะ!" นี่คือลูฟี่
“ช็อปเปอร์ ทั้งน่ารักแล้วก็เก่งมากๆด้วย” นี่คือนามิ
แม้ว่าคนที่เหลือจะไม่พูดอะไร แต่พวกเขาก็มองดูเพื่อนๆรอบตัวด้วยความไว้วางใจ
ช็อปเปอร์น้ำตาซึม
“ลาก่อนนะครับ! ดร.คุเรฮะ! ลาก่อนนะครับ! ดร.ฮีลลุค! ผมจะกลายเป็นลูกผู้ชาย และหมอที่ดีที่สุด!”