ตอนที่ 19 เห็นหนึ่งครั้งจำไม่เคยลืม
“แต่จะว่าไปแล้ว นายวางแผนที่จะเรียนรู้ทักษะทางการแพทย์จริงๆเหรอ?”
เมื่อผ่านไปได้ครึ่งทาง ทั้งสองก็เริ่มพูดคุยกัน
“ก็มาถึงขั้นนี้แล้วก็ต้องเรียนสิ”
“แต่นายไม่ได้ตั้งใจจะเป็นหมอนี่นา ทักษะการแพทย์มันก็ยากด้วย ถ้าลำบากขนาดนี้ ทำไมไม่หาหมอประจำเรือไปเลยล่ะ”
"ใช่เลยช็อปเปอร์ มาเป็นหมอประจำเรือของฉันเลยสิ!”
ไป๋ซานตบมือราวกับพึ่งนึกขึ้นได้
“เฮ้! ฉันไม่ไปกับทหารเรืออย่างนายหรอก! อีกอย่าง นายบินได้ แต่ฉันบินไม่ได้!”
“อ่า นั่นสินะ ช่างมันเถอะ”
ใบหน้าของช็อปเปอร์ดูหงุดหงิด มีคนแบบนี้อยู่บนโลกนี้ได้ยังไง
คนแบบนี้เป็นทหารเรือจริงหรอ? แล้วเข้ามาแกรนด์ไลน์คนเดียวเนี่ยนะ?
“ฮ่าๆๆ อย่าทำหน้าแบบนั้นสิ อีกไม่นานนายจะต้องได้เจอกับคนที่น่าสนใจมากมายในอนาคต ยิ้มเข้าไว้สิ”
เมื่อเห็นสีหน้าสิ้นหวังของชอปเปอร์ ไป๋ซานจึงตัดสินใจเลียนแบบอุซป ยิ้มให้กับช็อปเปอร์ และเล่าตำนานต่างๆในท้องทะเล
เด็กคนนี้อาศัยอยู่ในอาณาจักรดรัมมาโดยตลอด และยังไม่เคยได้เห็นโลกเลย
“นี่ช็อปเปอร์ อยากฟังนิทานไหม”
“นิทานเหรอ? เรื่องอะไร เกี่ยวกับกองทัพเรือหรอ?”
ช็อปเปอร์หันหัวกลับมาด้วยความสนใจ
“เป็นเรื่องเล่าบนท้องทะเลน่ะ ไม่ใช่แค่กองทัพเรือหรอก แต่ยังเกี่ยวกับผู้คนและสิ่งต่างๆ มากมายบนทะเลอันยิ่งใหญ่ไม่สิ้นสุดแบบนี้”
“แล้วจะมีเรื่องราวของโจรสลัดไหม?”
ช็อปเปอร์เต็มไปด้วยความคาดหวัง
โจรสลัดในเรื่องท้องทะเล โจรสลัดที่มุ่งมั่นเพื่อความฝัน!
“แน่นอนอยู่แล้ว”
เมื่อดึงความสนใจจากช็อปเปอร์ได้สำเร็จ ไป๋ซานก็กระแอมในคอแล้วพูดว่า
“เรื่องที่ฉันจะเล่าในวันนี้เป็นเรื่องของตำนานโจรสลัดกัปตันแจ็คและเรือผีสิงของเขา…” (แจ็ค สแปร์โรว์ววว)
ทั้งสองเดินไปคุยไปหัวเราะไปจนกระทั่งมาหยุดอยู่ที่หน้าประตูห้องสมุด
“มันน่าสนุกจริงๆเลยน้า นี่คือชีวิตของโจรสลัดเหรอ?”
หลังจากที่ไป๋ซานเล่าจบ ช็อปเปอร์ก็ยังคงเต็มไปด้วยความตื่นเต้น
ดวงตาของเขาเป็นประกายดวงดาว
"ก็แค่ส่วนหนึ่งแหละนะ ในบรรดาโจรสลัดก็มีทั้งคนดี คนธรรมดา และคนเลว จำไว้ อย่าเอาคนคนเดียวมาตัดสินเด็ดขาดนะ อย่าเหมารวม"
"โอ้..." ช็อปเปอร์ทำหน้าเหมือนจะเข้าใจ
เขามีประสบการณ์น้อยเกินไปและรู้จักกับคนเพียงไม่กี่คน ดังนั้นช็อปเปอร์จึงยังไม่สามารถเข้าใจความหมายของคำพูดได้ทั้งหมด
"เอาล่ะ วันนี้พอแค่นี้ก่อน ฉันอยากอ่านหนังสือก่อน"
"แล้ว พรุ่งนี้ช่วยเล่านิทานให้ฉันฟังต่อได้ไหม?"
"ได้สิ ทุกวันยังได้เลย"
หลังจากช็อปเปอร์ออกไป ไป๋ซานที่อดใจไม่ไหวแล้วก็รีบไปหยิบหนังสือมาอ่านสองสามเล่ม และเริ่มอ่านแบบชิลๆ
"'นี่อะไร 'กายวิภาคของโครงกระดูกมนุษย์' 'ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับสมุนไพร' 'การวินิจฉัยโรคทั่วไป' ... " หลังจากเปิดดูได้สักพัก ไป๋ซานก็ตระหนักว่าการการแพทย์ในโลกยังต่างจากโลกเดิมของเขาอยู่มาก
พวกเขาได้ศึกษาจนรับรู้การมีอยู่ของสารจุลินทรีย์ เชื้อไวรัสแบคทีเรียและผลกระทบของมัน แต่ถึงยังไงที่นี่ก็ยังไม่มีระบบทางการแพทย์ที่ครอบคลุมทุกด้าน
แพทย์แต่ละคนเชี่ยวชาญในสาขาที่แตกต่างกัน และคำศัพท์ที่ใช้ในการบันทึกและอธิบายก็แปลกเช่นกัน
โดยรวมแล้ว รูปแบบของหนังสือทางการแพทย์ที่เขียนโดยแพทย์ต่างสาขานั้นแตกต่างกันมาก ถือเป็นเรื่องยากถ้าจะเชี่ยวชาญในทุกศาสตร์ด้วยตัวเองอย่างสมบูรณ์
"มันน่าปวดหัวนิดหน่อย...ดูไปก่อนละกัน ดีกว่าไม่มีอะไรเลย"
ไป๋ซานรู้สึกเหมือนกับว่าเขาได้กลับไปอยู่มหาลัยในโลกเดิมของเขา อยู่ในห้องสมุดในช่วงก่อนสอบ พยายามอ่านและท่องจำเนื้อหาให้ได้มากที่สุด
ผลก็คือหลังจากอ่านมาเป็นเวลานาน เขายังจำเนื้อหาไม่ได้เลยแม้แต่หน้าเดียว อย่าว่าแต่อ่านเข้าใจเลย
“ปวดหัวโว้ย ปวดหัวจริงๆ อันนี้หมายถึงอะไรวะเนี่ยย...”
“ความคืบหน้าในการอ่านหนังสือทางการแพทย์ของโฮสต์นั้นช้ามาก ความสามารถในการเข้าใจ จดจำ และอ่านได้ถูกบัพมืด ได้รับความสามารถในการเรียนรู้ขั้นสุดยอด เห็นเพียงหนึ่งครั้งก็จำไม่เคยลืม”
โอ้โหเห๊ะ กว่าจะบัพได้นะไอระบบนี่ รอตั้งนานแหน่ะ
ช่วงเวลาต่อมา ไป๋ชานเริ่มรู้สึกว่าตัวของเขาเริ่มสนชื่นและสมองปรอดโปร่งมากขึ้น
จากนั้นเขาก็ก้มหัวลงอ่านหนังสือ เขาสามารถเข้าใจทุกคำและทุกประโยคได้อย่างรวดเร็ว และเขาสามารถจดจำได้อย่างสมบูรณ์แบบ เขาสามารถอ่านหนังสือ1หน้าด้วยการมองเพียงครั้งเดียว และภายในสิบนาทีเขาก็อ่านจบทั้งเล่ม!
จากหนังสือทางการแพทย์สองร้อยเล่มนี้ แค่ใช้เวลาอ่านหนังสือวันละสิบชั่วโมง คงได้สัก50เล่ม
แค่4วันก็จะอ่านครบ200เล่ม แล้วก็ค่อยมานั่งทบทวนเนื้อหา
ถ้ามันไม่เวิร์ค ก็รอระบบบัพมืดอีกรอบ ถึงเวลานั้นทักษะการแพทย์คงกลายเป็นระดับเทพไปแล้ว
อนาคตสดใสรอเราอยู่!
เมื่อนึกได้แบบนี้ ไป๋ซานก็ไม่รอช้ารีบอ่านต่อทันที
หลังจากผ่านไประยะหนึ่งโดยไม่รู้ว่านานเท่าไหร่แล้ว ดร.คุเรฮะมองช็อปเปอร์แล้วถามขึ้นมา
"เด็กคนนั้นยังอ่านหนังสืออยู่อีกหรอ?"
"ใช่ครับ ตอนนี้ยังอ่านอยู่เลยอ่ะ"
"เขาอยากเรียนแพทย์จริงๆ เหรอ?"
ช็อปเปอร์ลังเลและพยักหน้า “ผมรู้สึกว่าเขาต้องการเป็นจริงๆ...แต่เขาอ่านเร็วเกินไปจนผมเริ่มไม่เข้าใจว่าเขาทำอะไรอยู่”
หนังสือทางการแพทย์ทั้งเล่มใช้เวลาสิบนาทีในการอ่าน พูดไปใครจะเชื่อว่าเขาตั้งใจเรียนจริงๆ
“ช่างมันเถอะ เรียกเขามากินข้าวเย็นก่อน คนหนุ่มน่ะอดข้าวไม่ได้หรอกนะ”
“ครับผม ดร.”
จากนั้นไม่นาน ไป๋ชานก็ถูกพาไปกินข้าวเย็นจนได้
ระหว่างมื้ออาหาร ดร.คุเรฮะไม่ถามอะไร ไป๋ซานเองก็ไม่ได้พูดอะไร
ไม่กี่วันต่อมา ไป๋ซานยังคงใช้ชีวิตแบบนี้ซ้ำแล้วซ้ำอีก
อ่านหนังสือ กินข้าว เล่านิทานให้ช็อปเปอร์
อิ่มเอมกับความสุข
ไป๋ซานอ่านเพลินจนลืมเวลาไปเลย จนกระทั่งเขาอ่านหนังสือเล่มสุดท้ายจบ เขาก็หยิบหนังสือเล่มใหม่มาอีกเล่ม แต่กลับพบว่ามันเป็นเล่มเดิมที่เขาอ่านไปแล้ว
“เอ่อ หมดแล้วหรอ? มีหนังสืออีกไหม?”
เขาพบว่าหลังจากได้รับความสามารถของระบบ เขาก็เริ่มชอบอ่านหนังสือ
การอ่านหนังสือดูเหมือนจะไม่น่ารำคาญอย่างที่เคยคิดมาก่อน (อยากได้แบบนี้มั่ง)
ทุกถ้อยคำ ทุกบรรทัด ฝังลึกอยู่ในใจ
เกิดการรู้แจ้งในขณะที่ัน่งคิดไตร่ตรอง
ตอนนี้เขาอยากได้คนไข้สัก2-3คนเพื่อจะได้ทดสอบวิชาการแพทย์ของเขาที่ได้เรียนตลอด4วันที่ผ่านมา
"อ่าา เวลาผ่านไปเร็วจริงๆ"
หลังจากยืนยันว่าเขาได้อ่านหนังสือทางการแพทย์ครบสองร้อยเล่มแล้ว ไป๋ซานก็ยืนขึ้นและยืดตัว
“ใกล้จะถึงเวลาอาหารเย็นแล้วเหรอ? ไปกินข้าวกันดีกว่า”
ที่โต๊ะอาหาร ดร.คุเรฮะกำลังฟังรายงานของช็อปเปอร์
"พี่ไป๋ซานอ่านหนังสือทางการแพทย์ไปแล้วสองร้อยเล่ม!"
"อืม... มันแปลกจริงๆ จะบอกว่าเขาแค่อ่านมันผ่านๆ แต่เขากลับคลุกตัวอยู่แบบนั้นตั้ง4วัน ถ้าอ่านแค่ผ่านๆจะทำถึงขนาดนั้นไปทำไม"
"แต่ถ้าบอกว่าเขาตั้งใจอ่านแบบจริงจังมันก็... "
คุเรฮะส่ายหัว
"ไม่มีทางที่ใครจะอ่านหนังสือเสร็จภายในสิบนาทีได้จริงๆหรอก ถูกไหม?"
“ผมก็ไม่รู้ครับดร.คุเรฮะ”
หลังจากได้ฟังนิทานเรื่องเล่าจากไป๋ซานแล้ว ช็อปเปอร์ก็เริ่มชื่นชอบทหารเรือคนนี้ที่มีเรื่องเล่าของโจรสลัดมากมาย
“ช่างเถอะ วันนี้มาทดสอบเขาระหว่างมื้อเย็นกันดีกว่า บางทีในโลกนี้อาจมีอัจฉริยะแบบนั้นจริงๆ”
ตอนนี้เองไป๋ซานก็เดินเข้ามา
“โอ้ มากันครบแล้ว กินข้าวกันเถอะ”