ตอนที่ 11 ดาบปีศาจ มุรามาสะ
เมื่อสโมกเกอร์เริ่มเอาจริงและหยิบพลองติดหินไคโรออกมา การต่อสู้ก็เกิดขึ้นอีกครั้งอย่างรวดเร็ว
การที่สโมคเกอร์สามารถเป็นนาวาเอกก็เพราะฝีมือและความสามารถของเขาเอง!
พลองติดหินไคโรนั้นเป็นอาวุธที่แข็งแรงทนทานมาก หลังจากไป๋ซานใช้ดาบปะทะกันเพียงไม่กี่ครั้ง มือของเขาก็เริ่มรู้สึกชาขึ้นมา
“โฮสต์ไม่สามารถเอาชนะพลองติดหินไคโรด้วยระดับ50ดาบชั้นดีอย่างดาบเบียคุยะได้ ดาบเบียคุยะได้ถูกบัพมืดเป็นครั้งแรก ดาบเบียคุยะได้กลายเป็นดาบปีศาจ ‘มุรามาสะ’” ในขณะที่กำลังต่อสู้อยู่ อยู่ดีๆไป๋ซานก็ได้ยินเสียงในระบบในหัวเขา
เขาจึงกระโดดถอยออกมาจากระยะต่อสู้ทันที
วินาทีต่อมา แสงสีดำก็ฉายแสงแวววาวบนดาบในมือด้วยความเร็วที่รวดเร็วมาก และ50ดาบชั้นดีอย่างดาบเบียคุยะก็ถูกย้อมไปด้วยแสงสีดำตั้งแต่ด้ามดาบไปจนปลายดาบ
ดาบสีขาวราวหิมะได้ย้อมจนกลายเป็นสีดำสนิท
ดาบเต็มไปด้วยรัศมีอันน่าหวาดกลัวและความชั่วร้าย ซึ่งมีเพียงไป๋ซานเท่านั้นที่รู้สึกได้
เมื่อเทียบกับมุรามาสะในมือเขาตอนนี้แล้ว ออร่าวิญญาณชั่วร้ายบนดาบซันไดคิเท็ตสึก่อนหน้านี้เป็นแค่เด็กน้อยกระจ้อยร่อยไปเลย
ขณะที่เขากำลังยืนชมดาบอยู่ จู่ๆไป๋ซานก็สะดุ้งขึ้นมา อดไม่ได้ที่จะกลืนน้ำลายเสียงดัง
แม้ว่าการที่ระบบบัพมืดดาบเล่มนี้แล้วมันแข็งแกร่งขึ้นเป็นสิ่งที่ดี แต่ไอแบบนี้มัน...
"ระบบ แกแน่ใจหรอว่าฉันสามารถใช้ไอดาบปีศาจเล่มนี้ได้น่ะ?"
ในขณะที่ถามคำถามนี้ เขาก็คิดไว้แล้วว่าถ้าเกิดว่ามีอะไรไม่ชอบมาพากลกับดาบเล่มนี้ เขาจะโยนมันทิ้งแล้วหาดาบเล่มใหม่ทันที ต่อให้ต้องใช้ดาบกากๆแทนก็เอา
ตอนนี้พลังชั่วร้ายของดาบเล่มนี้กำลังแผ่ขยายออกมาจนสามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า ไป๋ซานรู้สึกว่าถ้าเกิดว่าดาบแบบนี้ควบคุมไม่ได้ คนเป็นเจ้าของดาบต้องถูกฆ่าแน่ๆ!
“ความสามารถของดาบปีศาจในการฆ่าผู้ถือครองถูกปิดผนึกไว้โดยระบบ โฮสต์สามารถใช้มันได้ตามสบาย ดาบปีศาจมีความสามารถในการกลืนกินวิญญาณ วิญญาณของผู้ที่ถูกฆ่าด้วยดาบปีศาจจะถูกกลืนกินโดยมุรามาสะ ยิ่งมันได้กลืนกินวิญญาณมากเท่าไหร่ มันยิ่งแข็งแกร่งมากขึ้นเท่านั้น”
"เมื่อสะสมวิญญาณมาถึงจุดๆหนึ่ง จะได้รับความสามารถเพิ่มเติม"
เห้อ ยังดีว่ามันถูกผนึกไว้อยู่
จากดาบปีศาจ ตอนนี้กลายเป็นดาบชั้นยอดที่ไม่ทำร้ายผู้ถือครอง
ในขณะนี้ สโมคเกอร์ที่เห็นไป๋ซานอยู่ดีๆก็กระโดดถอยออกจากระยะการต่อสู้ จากนั้นก็รู้สึกแปลกๆเล็กน้อยจนอดใจไม่ได้ต้องถามออกไป "เกิดอะไรขึ้นไป๋ซาน? เราเพิ่งตกลงว่าจะเอาจริงกันแล้วตอนนี้นายจะเลิกแล้วหรอ”
“ห๊ะ? อ๋อไม่มีอะไรหรอก แต่นายไม่รู้สึกอะไรกับดาบฉันในตอนนี้เลยหรอ”
ดาบของเขาเปลี่ยนจากสีขาวกลายเป็นสีดำ แต่สโมคเกอร์ไม่สงสัยอะไรเลยหรอ?
“ผู้ที่เห็นการเปลี่ยนแปลงที่ถูกสร้างโดยระบบจะถูกระบบแปลงความทรงจำให้ผู้เห็นคิดว่ามันเป็นเรื่องปกติ เพื่อป้องกันการตื่นตระหนกหรือความวุ่นวายเกินเหตุ”
'โอ้ นั่นหมายถึงคนที่เห็นจะคิดว่าดาบเป็นสีดำอยู่แล้วสินะ'
“หมายความว่าไงหรอ ดาบนายเป็นอะไร มันจะหักแล้วรึไง?”
สโมกเกอร์ยังคงสับสน อยู่ดีๆไอเด็กนี่ก็พูดถึงเรื่องอะไร?
“โอ้ ไม่มีอะไรหรอก อยู่ดีๆฉันก็นึกอะไรขึ้นมาได้น่ะ เอาล่ะมาสู้กันต่อเถอะ!”
ไป๋ซานยกมุรามาสะขึ้น ท่าทางของเขาเต็มไปด้วยจิตวิญญาณของการต่อสู้
แม้ว่าจะยังไม่ได้เก็บเกี่ยววิญญาณเพื่อเพิ่มพลังของมัน แต่ตอนนี้มุรามาสะก็ยังคงทรงพลังมาก
อาวุธของทั้งสองปะทะกันหนึ่งครั้ง และคราวนี้ ไป๋ซานมีความได้เปรียบ!
มุรามาสะดูเหมือนจะเป็นดาบปีศาจที่เกิดมาเพื่อฆ่าคนจริงๆ ทุกครั้งที่ไป๋ซานฟันเขาไม่จำเป็นต้องใช้กำลังมากนัก ดาบปีศาจนั้นคมมากทำให้ไป๋ซานเนื้อเต้น
ถ้าเกิดความสามารถในการทำร้ายผู้ถือครองของดาบมุรามาสะไม่ได้ถูกผนึกโดยระบบบัพมืดละก็ เขาเชื่อว่าเขาต้องตายเพราะเจ้าดาบนี้แน่
หลังจากปะทะกันหลายครั้ง พลองติดหินไคโรก็เริ่มมีรอยบิ่น แต่มุรามาสะยังสมบูรณ์ครบถ้วน
“เฮ้ตาเฒ่าควัน! ฉันมีท่าโจมตีสุดท้ายที่ยังไม่ได้ใช้ เรามาตัดสินกันด้วยการโจมตีครั้งเดียวไปเลย นายว่าไง?”
สโมคเกอร์ที่เริ่มรู้สึกร้อนใจ ตัดสินใจพยักหน้าตอบรับ กระโดดถอยไปอีกฝั่งเพื่อเตรียมรับมือ
ไป๋ซานพึมพำอยู่ในใจ "ปราณวายุ!"
ปราณวายุ วายุที่เป็นลมมรสุมรุนแรง
พลังของดาบที่รวมเข้ากับพลังลมปราณแผ่ขยายออกมาจากตัวดาบอย่างรุนแรง ลมที่พัดโหมกระหน่ำราวกับพายุวนอยู่รอบจนท้องฟ้าเริ่มเปลี่ยนสีไป!
ลมที่กระโชกแรงพัดผ่านหินและไม้จนถูกทำลายอย่างง่ายดายราวกับกระดาษ
ในขณะเดียวกัน ไป๋ซานก็เริ่มโบกดาบของเขาในท่าทางที่ลึกลับ
ในพลังปราณในตันเถียนที่อยู่ในร่างกายของเขาที่เปรียบเสมือนน้ำทะเลกำลังสั่นสะเทือนอย่างบ้าคลั่ง ควบแน่นเข้ากับดาบที่อยู่ในมือ จากนั้นก็ฟาดฟันออกไป
ในสายตาของไป๋ซานขณะนี้ การเคลื่อนไหวทั้งหมดนั้นช้ามาก
แต่ในความเป็นจริงแล้วทุกอย่างเกิดขึ้นภายในเวลาไม่ถึงครึ่งวินาที
ไป๋ซานฟาดฟันพลังดาบที่ควบแน่นพลังปราณวายุซ้อนทับกันสามพันครั้งในครึ่งวินาที!
พลังดาบที่ซ้อนทับกันพุ่งไปยังสโมคเกอร์อย่างรุนแรง!
เนื่องจากพลังของดาบมีความหนาแน่นมากจนกลายเป็นคลื่นพลังยาวเหยียด กองทัพเรือที่เฝ้าดูต่างก็คาดไม่ถึงแน่ว่านี่เป็นคลื่นพลังดาบจากฝีมือของไป๋ซาน!
ฝ่ายตรงข้ามอย่างสโมคเกอร์ ตอนนี้กำลังยืนทำหน้าเคร่งขรึมราวกับเจอศัตรูอันน่าสะพรึงกลัว
เมื่อเขาเห็นปราณดาบของไป๋ซานพุ่งตรงมา เขาก็ใช้พลังผลปีศาจของเขา กลายร่างเป็นธาตุควัน แต่ร่างควันของเรากับปลิวหายไปเพราะลมที่กระโชกแรงจากพลังของไป๋ซาน!
อันตราย! อันตรายมาก! ต้องหลีกเลี่ยง!
อย่างไรก็ตาม คลื่นดาบขนาดใหญ่ได้ปิดกั้นทุกทิศทางที่สโมคเกอร์จะหลบหนีได้อย่างสมบูรณ์!
นี่คือพลังของปราณวายุ พลังของลมวายุที่โหมกระหน่ำ เมื่อมันกระโชกแรงก็ไม่มีที่ให้หลบซ่อน!
ในเมื่อหลบไม่ได้ ก็ช่างแม่ง เผชิญหน้าไปเลยแล้วกัน!
ไอเด็กนี่มันยังไงกันแน่ ทำไมตอนกองทัพเรือส่งข้อมูลมาไม่เห็นระบุไว้เลยว่ามีพลังอะไรแบบนี้ด้วย!
หัวใจของสโมคเกอร์เต้นแรงและยกพลองติดหินไคโรขึ้นมากันไว้ตรงหน้า เกรงกล้ามเนื้อตึงแน่น เตรียมพร้อมรับมือกับดาบของไป๋ซาน
เมื่อไป๋ซานปลดปล่อยท่าดาบไปแล้วเขาก็หมดพลังข้าวต้มทันที
การฟันดาบซ้อนทับกัน3พันครั้งไม่ใช่เรื่องเล่นๆเลย!
หายไปทั้งพลังแขนและพลังลมปราณในตันเถียนของเขา
แต่โชคดีที่เขามีทักษะคืนชีวิตที่สามารถฟื้นฟูความแข็งแกร่งทางร่างกายได้ทันที ยิ่งใช้ความแข็งแกร่งทางร่างกายจนหมด ยิ่งแข็งแกร่งขึ้น
อยากรู้จริงๆว่าเฒ่าควันจะรับมือกับท่านี้ยังไง?
ไป๋ซานยังคงมีความคาดหวังต่อทักษะเฉพาะตัวของเขาเอง
เมื่อเขาเงยหน้าขึ้นมา สิ่งที่เห็นก็คือสโมคเกอร์ยังยืนอยู่ในท่าเดิมไม่เปลี่ยนแปลง
เกิดอะไรขึ้นล่ะทีนี้?
สโมคเกอร์สามารถรับมือมันได้อย่างง่ายดาย หรือว่าสโมคเกอร์โดนฟันจนตายไปแล้ว?
ถ้าเกิดว่าสโมคเกอร์ตายแล้วล่ะ เขาควรจะหนีตอนนี้เลยไหม?
ขณะที่ไป๋ซานคิดอย่างวิตกกังวล สโมกเกอร์ก็ไอออกมาเป็นเลือด ก่อนจะกระอักออกมาคำโต
ทาชิงิรีบวิ่งเข้าไปหาสโมคเกอร์ทันที แต่สโมคเกอร์กลับยื่นมือออกมาห้ามไว้
“ฉันสบายดี... ฉันไม่เป็นอะไร ไอหนู นายแข็งแกร่งมาก นายจะต้องกลายเป็น1ในคนที่แข็งแกร่งที่สุดในอนาคตได้แน่”
สโมกเกอร์เดินจากไปด้วยตัวที่สั่นเทา พลองติดหินไคโร่บนมือของเขาก็รวงลงบนพื้น
‘ดูเหมือนสโมคเกอร์จะไม่ได้รับบาดเจ็บอะไรมากนี่นา การใช้ท่านี้ทำให้ฉันหมดแรง แต่ผลกระทบดูจะไม่ได้ร้ายแรงเท่าไหร่เลย’
หลังจากนั้นไม่นาน ที่ที่สโมคเกอร์พึ่งจากไปและบริเวณรอบๆก็แตกเป็นเสี่ยงๆรวมถึงกำแพงที่พังทลายลงมาเป็นระยะประมาณ10เมตร รวมถึงพลองติดหินไคโรขอสโมคเกอร์ก็แตกเป็นผุยผง
แสงอาทิตย์ส่องผ่านรอยแตกของกำแพง
ดูราวกับว่ามันเผชิญกับภัยพิบัติบางอย่างมาเป็นเวลานาน
ลานฝึกซ้อมของฐานทัพเรือตอนนี้กลายเป็นซากปรักหักพัง
“โอ๊ะโอว ดูเหมือนฉันจะทำแรงเกินไปหน่อย”
ไป๋ชานเกาหัว
สิ่งที่เขาต้องกังวลตอนนี้ก็คือ กองทัพเรือจะขอให้เขาชดใช้ค่าเสียหายไหม