ตอนที่แล้ว1256 - ตามหาหญิงงาม
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไป1258 - ข้าจะไม่มีวันลืมเจ้า 

1257 - วิญญาณเทพนอกอาณาเขต


1257 - วิญญาณเทพนอกอาณาเขต

ไม่กี่วันต่อมาเย่ฟ่านพบว่ามีวิหารโบราณแห่งหนึ่งที่เรียกว่าวิหารอาคามสูตร น่าเสียดายที่มันถูกทำลายไปเมื่อหมื่นปีที่แล้วและไม่สามารถค้นหาตำแหน่งที่แท้จริงในยุคปัจจุบันได้

แต่จากประวัติของวิหารโบราณนี้จะเห็นได้ว่านิกายพุทธมีรากฐานที่ลึกล้ำมากเพียงใด แม้ว่าทุกคนจะเคารพพระพุทธเจ้าอามิตาภะเหมือนกันแต่พวกเขาก็ยังห้ำหั่นกันจนเกิดความสูญเสียมากมายนับไม่ถ้วน

ขณะที่มุ่งหน้าไปทางทิศตะวันตก พวกเขาก็เข้าใกล้เขาพระสุเมรุมากขึ้นเรื่อยๆ ทุกวันนี้เย่ฟ่านที่อยู่ในทะเลทรายตะวันตกรู้สึกตกใจกับสิ่งที่เขาได้เห็นอยู่เสมอ

ทะเลทรายตะวันตกแม้จะเป็นทะเลทรายอันกว้างใหญ่แต่ก็มีพื้นที่สีเขียวขนาดใหญ่จำนวนมาก และในพื้นที่สีเขียวแต่ละแห่งก็มีผู้คนอาศัยอยู่ไม่น้อยกว่าหนึ่งล้านคน

สิ่งที่สำคัญที่สุดคือผู้คนทั้งหมดในดินแดนแห่งนี้ล้วนกราบไหว้พระพุทธเจ้าอมิตาภะเป็นเทพสูงสุดเพียงคนเดียว

ในโลกปัจจุบันหากจะบอกว่านิกายพุทธคือศาสนาที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลกนั้นจะไม่มีผู้ใดสามารถโต้แย้งได้อย่างแน่นอน

เพราะต่อให้รวบรวมผู้บ่มเพาะที่บ่มเพาะเต๋าทั้งหมดในโลกอำพรางสวรรค์ก็ยังมีจำนวนไม่ถึงครึ่งของผู้ที่นับถือนิกายพุทธในทะเลทรายตะวันตก

เย่ฟ่านรู้สึกอย่างคลุมเครือว่าทะเลทรายตะวันตกนั้นยังมีความลับอันยิ่งใหญ่ซุกซ่อนอยู่

สถานที่แห่งนี้มีขนาดเล็กกว่าภาคเหนือของตงหวงหลายสิบเท่า ทั้งยังเต็มไปด้วยความทุรกันดารไม่มีความเจริญรุ่งเรืองแม้แต่น้อย อย่างไรก็ตามผู้คนที่อาศัยอยู่ในดินแดนแห่งนี้กลับมีมากมายมากที่สุด ซึ่งเป็นเรื่องที่ไม่สมเหตุสมผลอย่างแน่นอน

“ตามตำนาน ราชวงศ์อวี้หัวต้องการยกระดับยกระดับฐานะของตัวเองให้สูงขึ้นแต่สุดท้ายพวกเขาก็ต้องพบกับความพินาศ ดินแดนพุทธแห่งนี้อาจจะมีแผนการเช่นเดียวกันก็ได้” เย่ฟ่านกล่าวกับตัวเอง

ยิ่งเขาคิดมากเท่าไหร่ก็ยิ่งรู้สึกว่ามันมีความซับซ้อนมากขึ้นเท่านั้น โดยเฉพาะหลังจากเดินทางมาหลายวันเย่ฟ่านก็มองเห็นความผิดปกติของดินแดนนี้มากมาย

จากนั้นเย่ฟ่านก็หันไปมองวานรศักดิ์สิทธิ์แล้วถามด้วยความสงสัย

“พี่วานร เผ่าโบราณทั้งหมดล้วนตื่นขึ้นในยุคนี้ มันเป็นการวางแผนโดยจักรพรรดิโบราณของพวกเจ้า หรือทุกเผ่ามีข้อตกลงร่วมกัน?”

“จักรพรรดิโบราณทุกคนล้วนมีความสามารถในการสอดส่องแม่น้ำแห่งกาลเวลาและทุกคนต่างสัมผัสได้ว่าในยุคนี้จะมีสิ่งมีชีวิตที่แข็งแกร่งที่สุดคือกำเนิดขึ้น คนผู้นั้นจะครอบครองโชควาสนาแห่งสวรรค์พิภพและเขาจะประสบความสำเร็จในการกลายเป็นสิ่งมีชีวิตอมตะที่แท้จริง ดังนั้นจึงไม่น่าแปลกใจที่จักรพรรดิผู้ยิ่งใหญ่ทุกคนจะต้องการให้ลูกหลานของตัวเองตื่นขึ้นมาในยุคนี้” วานรกล่าวอย่างจริงจัง

“ที่แท้ผู้คนต่างก็มองเห็นแล้วว่าในยุคนี้จะมีบางอย่างเกิดขึ้น...”

เย่ฟ่านกล่าวกับตัวเอง

ครึ่งเดือนต่อมา ในที่สุดเย่ฟ่านก็ได้รู้จากชาวพุทธกลุ่มหนึ่งถึงเบาะแสเกี่ยวกับวิหารโบราณที่เขาตามหา มันถูกสร้างขึ้นใหม่เมื่อไม่นานมานี้ และมันตั้งอยู่บนที่ราบสูงซึ่งอยู่ติดกับท้องฟ้านั่นเอง

ในเวลานี้กลุ่มของเย่ฟ่านยังคงอยู่ห่างจากภูเขาพระสุเมรุนับแสนลี้ เย่ฟ่านรู้สึกตกตะลึงในใจ แม้จะอยู่ไกลขนาดนั้นแต่เขาก็ยังมองเห็นภูเขาขนาดใหญ่ได้อย่างชัดเจน

ในท้ายที่สุด เย่ฟ่านและวานรศักดิ์สิทธิ์ก็แยกทางกันเพื่อไปทำธุระของตัวเอง

ที่ราบสูงที่เย่ฟ่านต้องการจะไปนั้นถูกปกคลุมไปด้วยหิมะที่ขาวบริสุทธิ์ พลังชีวิตที่แผ่ออกมาจากภูเขานั้นสร้างความสดชื่นให้กับเย่ฟ่านเป็นอย่างมาก

ทันใดนั้นเย่ฟ่านก็สัมผัสได้ถึงบางสิ่งบางอย่างที่เต็มไปด้วยความลึกลับกำลังส่งเสียงเรียกเขาให้เดินไปข้างหน้า เขารีบติดตามเส้นทางนั้นไปโดยไม่มีความลังเลแม้แต่น้อย

“เกิดอะไรขึ้น” ยิ่งเข้าใกล้เสียงเรียกหานั้นก็ยิ่งรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ

ไม่นานหลังจากนั้น เย่ฟ่านก็ตกตะลึงอย่างถึงที่สุด เพราะสิ่งที่ปรากฏอยู่ต่อหน้าเขาคือเซียนมนุษย์ที่กำลังกลับคืนสู่เต๋าผู้ยิ่งใหญ่!

“ประสกที่เดินทางมาจากแดนไกล อาตมารอเจ้ามานานหลายปีแล้ว”

บนแท่นหินที่ทรุดโทรม นักบวชเฒ่าคนหนึ่งนั่งสมาธิอย่างสงบอยู่เบื้องหน้าเย่ฟ่าน ร่างกายของเขาเหี่ยวเฉาอย่างมากและดูเหมือนจะกลับคืนสู่เต๋าผู้ยิ่งใหญ่ได้ตลอดเวลา

“ผู้อาวุโสรู้ว่าข้าเป็นใคร?”

“เจ้ามาจากอีกฟากหนึ่งของท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยดวงดาว อาตมารู้ว่าเจ้าจะมา อาตมาจึงรอคอยเจ้าและไม่ยอมมรณภาพ” นักบวชเฒ่ากล่าวด้วยรอยยิ้ม

“ท่าน...” เย่ฟ่านตกใจมาก

“แต่ก่อนที่เราจะสนทนากันอาตมาจะใช้พลังของอมิตาภะกำจัดวิญญาณของเทพผู้ชั่วร้ายจากนอกอาณาเขตที่กำลังครอบงำเจ้าออกไปก่อน” นักบวชเฒ่ากล่าว

ทันทีที่เขาพูดจบแสงสีทองเรืองรองก็สาดส่องออกมาจากร่างกายของเขา

ทันใดนั้นบนเรือรบโบราณที่อยู่ด้านนอกทุ่งดวงดาวเป่ยโต้วก็มีเสียงระเบิดดังขึ้น สิ่งมีชีวิตผู้ทรงพลังซึ่งนั่งอยู่ใจกลางเรือรบลืมตาตื่นขึ้นและอุทานด้วยความตกใจ

“อมิตาภะ?”

“ผู้อาวุโสพูดถึงเรื่องอะไร?”

เย่ฟ่านตกใจกลัวและถอยหลังไปสองสามก้าว คำพูดของนักบวชเฒ่าที่อยู่ตรงหน้าทำให้เขาเกิดความหวาดกลัวอย่างถึงที่สุด

นักบวชเฒ่านั้นมีร่างกายที่ผอมเพรียวราวกับท่อนไม้แห้ง เนื้อหนังของเขาโปร่งใสราวกับผลึกและเย่ฟ่านสามารถมองเห็นอวัยวะภายในของเขาได้อย่างชัดเจน

สถานการณ์นี้ไม่ได้เป็นสิ่งที่น่าแปลกใจสำหรับเย่ฟ่าน มันเป็นเรื่องปกติของเซียนมนุษย์ที่กำลังจะกลับคืนสู่เต๋าผู้ยิ่งใหญ่ มีเพียงสิ่งมีชีวิตระดับเซียนเท่านั้นถึงจะสามารถทำให้ร่างกายของตัวเองบริสุทธิ์ราวกับอัญมณีได้

“อาตมาไม่มีเจตนาร้าย อาตมารอคอยประสกมาหลายพันปีแล้ว ได้โปรดนั่งลงก่อน” นักบวชเฒ่ากล่าว

เย่ฟ่านพบว่ามันไม่น่าเชื่อ เขาเกิดความสงสัยต่อนักบวชเฒ่าที่อยู่ตรงหน้า อย่างไรก็ตามอีกฝ่ายไม่มีความจำเป็นอะไรจะต้องโกหกเขา เพราะนี่คือเสมือนจักรพรรดิผู้ทรงพลังอย่างแน่นอน นักบวชเฒ่าคนนี้สามารถฆ่าเขาได้ด้วยนิ้วเดียวเท่านั้น

เย่ฟ่านไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องนั่งลงที่ด้านหน้าของนักบวชเฒ่าด้วยความสงสัย

“ข้าถูกครอบงำโดยวิญญาณของเทพชั่วร้ายนอกอาณาเขตตั้งแต่เมื่อใด?”

เย่ฟ่านรู้สึกประหลาดใจเป็นอย่างมาก วิญญาณของเทพชั่วร้ายนั้นอาจจะสิงอยู่ในร่างของเขาตั้งแต่ที่อยู่ในดาวอังคารหรือไม่? หรือมันเป็นตอนที่เขาเดินทางสู่ทุ่งดวงดาวโบราณจื่อเว่ย?

เย่ฟ่านคิดถึงเหตุการณ์มากมายในอดีต แต่ก็ยังไม่รู้ว่าตนเองถูกวิญญาณชั่วร้ายสิงสู่ตั้งแต่เมื่อไร?

กว่าครึ่งปีที่แล้ว เขา หลี่เทียน และเอี๋ยนอี้ซีออกจากทุ่งดวงดาวโบราณจื่อเว่ย และในตอนนั้นพวกเขามองเห็นซากศพของเทพนอกอาณาเขตตนหนึ่งกำลังไล่ตามพวกเขามาที่ทุ่งดวงดาวโบราณเป่ยโต้วเช่นกัน

ในเวลานั้น เขา หลี่เทียน และเอี๋ยนอี้ซีต่างตกตะลึงอย่างถึงที่สุด นั่นคือสิ่งมีชีวิตที่อาศัยอยู่นอกจักรวาลไม่รู้ว่ากี่ร้อยกี่พันปีแล้ว แม้ว่าพวกเขาจะเรียกมันว่าซากศพแต่ในความเป็นจริงสิ่งที่อยู่ในต้นกำเนิดสวรรค์นั้นจะต้องมีชีวิตอยู่อย่างแน่นอน

ตอนนี้เย่ฟ่านคิดอย่างรอบคอบและตระหนักได้ทันทีว่าสิ่งมีชีวิตที่อยู่ในต้นกำเนิดสวรรค์ก้อนนั้นจะต้องทิ้งร่องรอยบางอย่างไว้บนร่างกายของเขาเพื่อให้สามารถติดตามมาที่นี่ได้

“การดำรงอยู่ลึกลับนั้นทิ้งร่องรอยของกระแสจิตไว้ในตัวข้า มีอะไรเลวร้ายเกิดขึ้นหรือเปล่า?” เขาอดไม่ได้ที่จะถามนักบวชผู้เฒ่า

“ตอนนี้ไม่มีอะไรแล้ว ไม่ต้องกังวล กระแสจิตนี้สามารถทำให้เขาสัมผัสได้ถึงการมีอยู่ของเจ้าเท่านั้น อย่างไรก็ตามเขาได้รู้แล้วว่าเจ้าอยู่ที่ไหนข้าไม่รู้ว่าในอนาคตจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง” นักบวชเฒ่ากล่าว

ในเวลานี้ ร่างกายที่เหี่ยวเฉาของเขากำลังเปลี่ยนเป็นเต๋าและทำให้เกิดแสงสีทองสาดส่องออกมาอย่างรุนแรงมากขึ้น เย่ฟ่านค่อนข้างมั่นใจว่าในอีกไม่กี่ชั่วยามข้างหน้านักบวชผู้เฒ่าคนนี้จะต้องกลับคืนสู่เต๋าอย่างแน่นอน

อย่างไรก็ตามสีหน้าของนักบวชผู้เฒ่ากลับยังคงเต็มไปด้วยรอยยิ้ม เขาไม่ได้มีท่าทีหวาดกลัวต่อความตายแม้แต่น้อย

เย่ฟ่านถอนหายใจเบาๆ นี่สินะนักบวชของนิกายพุทธผู้ที่มองเห็นความตายเป็นเหมือนการหลุดพ้น

“ผู้อาวุโสโปรดช่วยข้าด้วย”

“ข้าจะช่วยเจ้า”

นักบวชเฒ่าท่องอมิตาภะและชี้นิ้วไปข้างหน้า จากนั้นแสงสีทองแห่งพุทธะได้ครอบคลุมไปที่ร่างกายของเย่ฟ่านอย่างรวดเร็ว

เย่ฟ่านได้ยินเสียงกรีดร้องแผ่วเบาดังออกมาจากร่างกายของเขาราวกับว่าโซ่เหล็กถูกตัดขาด เขารู้สึกราวกับว่าเครื่องพันธนาการบางอย่างได้ขาดหายไปและทำให้เขาตกตะลึงอย่างถึงที่สุด

ในขณะนั้นมีลูกแก้วสีดำพุ่งออกมาจากร่างของเย่ฟ่าน อย่างไรก็ตามในขณะที่มันกำลังจะหลบหนีนั้นแสงแห่งพุทธะได้ก่อตัวเป็นพระพุทธรูปสีทองและกักขังลูกแก้วสีดำนั้นไว้ทันที

นักบวชผู้เฒ่ายื่นมือออกไปคว้าลูกแก้วสีดำและยัดมันไว้ในหน้าอกของตัวเอง ท่าทางของเขาชัดเจนอย่างยิ่งว่าต้องการนำเศษเสี้ยววิญญาณเทพนอกอาณาเขตนี้กลับคืนสู่เต๋าไปพร้อมกับเขา

…….

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด