ยอดยุทธคลิกเดียว!! ตอนที่ 709 ผู้พิทักษ์ทั้งสี่
แต่ด้วยตบะของหนอนไหมศักดิ์สิทธิ์พวกนี้ยังต่ำอยู่มาก ซู่เสี่ยวไป่จึงไม่สนใจที่จะเก็บเกี่ยวพวกมันในตอนนี้ เพราะมันไม่คุ้มค่าเลยที่จะเสี่ยงโดนจับได้ จากการดูดกลืนแห่งพลังงานเพียงเล็กน้อย
ต้องให้มันเติบโตกว่านี้อีกนิดหน่อย ถึงจะคุ้มค่าที่จะเก็บเกี่ยวหนอนไหมพวกนี้ และเอาพวกมันไปเปลี่ยนเป็นโอสถทิพย์ที่ส่งผลอย่างมากกับเขตแดนภัยพิบัติ
“น่าเสียดายก็จริง แต่เราไปที่อื่นก่อนดีกว่า”
ซู่เสี่ยวไป่ส่ายหัว และกำลังจะจากไป แต่ตอนนั้นก็มีเสียงดังขึ้นจากด้านหลังของเขา
“.....ตัวตนกลับชาติมาเกิดงั้นหรอ?”
เสียงนั้นดังมาจากที่ไกลมากๆ แต่มันราวกับว่าอยู่ข้างหูของซู่เสี่ยวไป่ ก่อนที่จะมีสิ่งหนึ่งลอยขึ้นปรากฏบนท้องฟ้า
ซู่เสี่ยวไป่หันมองกับไป และเห็นหนอนไหมตัวเต็มวัยกำลังมองเขาอยู่
หนอนไหมศักดิ์สิทธิ์ตัวนี้สามารถแปลงกายเป็นรูปลักษณ์ของมนุษย์สูงวัยได้ ทำให้รูปร่างของมันไม่ต่างจากคนแต่มีแสงรัศมีสีทองจางๆ แผ่ออกมา และสัมผัสได้ถึงขอบเขตพลังเจ้าภัยพิบัติ
ขนาดเส้นทางแห่งสายหมอก ที่สามารถปกปิดตัวตนจากเขตแดนปฐมตำนานได้ แต่เจ้าหนอนไหมตัวนี้กลับสัมผัสได้ถึงเขา
ซู่เสี่ยวไป่ไม่เชื่อที่นี่ไม่ธรรมดาอีกต่อไป ไม่งั้นพวกฑูตคงทอดทิ้งที่นี่ไปแล้ว
หลังจากนั้นหนอนไหมก็ได้พูดขึ้น
“ไม่จำเป็นต้องแอบซ่อนตัวอีกต่อไป เพราะข้าเห็นเจ้าแล้ว เผ่าหนอมไหมศักดิ์สิทธิ์ มีภูมิต้านทานต่อเส้นทางสู่สวรรค์เก่าแก่ ถึงเจ้าจะซ่อนตัวจากปฐมตำนานได้ แต่เจ้าซ่อนจากพวกเราไม่ได้”
ซู่เสี่ยวไป่ไม่เก็บซ่อนตัวเองอีกต่อไปและถามขึ้น
“เจ้าเป็นอะไรกันแน่”
“อย่างที่เห็น ฉันคือผู้ปกครองเหล่าหนอนไหมศักดิ์สิทธิ์ จะเรียกว่าหัวหน้าเผ่าก็ได้ แต่นั้นไม่ใช่เหตุผลที่ข้ารั้งเจ้าไว้แบบนี้”
“ผู้กลับชาติมาเกิดเอ่ย…มหาเส้นทางสู่สวรรค์ภัยพิบัติ ที่ข้ามอบให้เจ้ามันมีประโยชน์ไหม”
เมื่อได้ยินสิ่งที่หนอนไหมศักดิ์สิทธิ์พูดซู่เสี่ยวไป่ราวกับถูกสายฟ้าผ่ากลางหัว
มีเพียงซู่เสี่ยวไป่เท่านั้นที่รู้เรื่องนี้ เพราะเขาได้รับเส้นทางนี้จากการย้อนกับไปในเส้นเวลาเพื่อตามหาเส้นทางสู่สวรรค์ แม้แต่เซียวเห้อที่เปิดเส้นทางเวลาให้เขาย้อนกับไปยังไม่รู้เลยด้วยซ้ำ
หัวหน้าหนอนไหมศักดิ์สิทธิ์ แทบจะเข้าใจสิ่งที่ซู่เสี่ยวไปคิดจึงพูดต่อ
“ข้ารู้ว่าเจ้ามีข้อสงสัยหลายอย่าง แต่ข้าก็แค่หนอนไหมธรรมดาตัวหนึ่ง แต่เพียงได้สืบทอดความทรงจำมาจากยุคเก่าแก่โดยไม่ได้ตั้งใจ…..ในความทรงจำนั้นข้าจำได้ว่า ข้าเฝ้ารอสักอย่างในมุมหนึ่งของจักวาล รอการมาของผู้กลับชาติมาเกิด…”
ซู่เสี่ยวไป่ถอนหายใจ
“งั้นเจ้าก็สืบทอดความทรงจำของผู้อาวุโสมา ข้าคิดว่า…”
“ตอนนี้ข้าเป็นเพียงหนอนไหมอย่างที่เจ้าเห็น พวกของข้าถูกกักขังไว้ในกรง ส่วนหนึ่งของจิตวิญญาณของข้าเองก็ถูกเอาไปส่วนหนึ่ง มันถูกผนึกอยู่ในวิหารของจักรวรรดิสูงสุดแห่งนี้ หากข้าเก็บกู้จิตวิญญาณกลับคืนมาได้ ความแข็งแกร่งของข้าจะกลับคืนสู่จุดสูงสุดทันที ไปถึงเขตแดนปฐมตำนาน และพาเผ่าของข้าออกไปจากที่นี่”
ผู้นำหนอนไหมพูดขึ้น
“ผู้กลับชาติมาเกิดมีเพียงเจ้าเท่านั้นที่สามารถปลดปล่อยทุกชีวิตที่นี่ได้ ได้โปรดปลดปล่อยพวกเขา เพื่อตอบแทน ข้าจะบอกความรับของเขตแดนปฐมตำนานกับเจ้า”
ซู่เสี่ยวไป่ครุ่นคิดไปพักหนึ่ง และรู้สึกว่าข้อเสนอนี้ไม่เลว และน่าสนใจ
เดิมทีเขาวางแผนที่จะทำลายจักรวรรดิสูงสุดพวกนี้อยู่แล้ว และจักรวรรดิอื่นๆ ที่อยู่ภายใต้ฑูตชิงฮวงทั้งหมดในคราวเดียว และคงดีไม่น้อยหากได้รู้ความลับของเขตแดนปฐมตำนาน
เมื่อพลังของซู่เสี่ยวไป่เองก็เข้าใกล้กับเขตแดนมหาภัยพิบัติอยู่แล้ว และเขาจะต้องเผชิญหน้ากับตัวตนระดับนี้อีกมากในอนาคต
แล้วถ้าต้องเผชิญหน้ากับปฐมตำนานขึ้นมาจริงๆ หากซู่เสี่ยวไป่ได้รู้ความลับของเขตแดนนี้ก่อน เขาก็ยังสามารถต่อกรกับเขตแดนนี้ได้ และความรู้นี้ยังช่วยให้เขาเติบโตสู่ปฐมตำนานได้อีก
และไม่ต้องกล่าวถึงความแข็งแกร่งของพวกเงา เมื่อลองคิดถึงภาพกองทัพเงาปฐมตำนานแล้ว ก็ยิ่งทำให้ซู่เสี่ยวไป่ต้องการมากขึ้นไปอีก
“หัวหน้าเผ่าหนอนไหม ข้ายอมรับข้อเสนอ ข้าอยากรู้ถึงความลับของเขตแดนปฐมตำนาน แต่มีบางสิ่งที่ข้าอยากรู้ก่อน ความลับนี้มันจะเกี่ยวข้องกับการเติบโตของข้าหรือไม่”
ซู่เสี่ยวไป่รีบคว้าโอกาสนี้เอาไว้และถามอย่างตรงไปตรงมา
หัวหน้าเผ่าหนอนไหมพยักหน้า
“อย่างที่กล่าว จากความทรงจำของข้า ข้าเองก็รู้สึกว่ามันเกี่ยวข้องกันอยู่ ตราบใดที่ล้มล้างจักรวรรดิสูงสุดพวกนี้ไป และเก็บรวบรวมชิ้นส่วนจิตวิญญาณของข้ามาได้ ข้าจะช่วยเจ้าทะลุเขตแดนถึงเขตแดนปฐมตำนานเอง”
“เป็นอันตกลง”
……
ด้วยข้อมูลที่มีซู่เสี่ยวไป่ได้ส่งเงาไปยังวิหารสูงสุดของจักรวรรดิกระเรียงขาวทันที
ที่นี่มีเจ้ามหาภัยพิบัติทั้งหมด 4 คน คือมหาภัยพิบัติหลงก๊วย มหาภัยพิบัติฉิวเหวิง มหาภัยพิบัติกู่เชียง และมหาภัยพิบัติหยุนเจียว
ทั้งสี่เป็นผู้พิทักษ์วิหาร และเป็นคนที่ปกป้องเศษจิตวิญญาณของหนอนไหม ตราบใดที่พวกเขายังไม่ตาย กลุ่มสิ่งมีชีวิตเก่าแก่ทั้งหมดภายใต้-จักรวรรดิแห่งนี้จะถูกกดขี่ต่อไป และเป็นเพียงแค่หมูที่ถูกเลี้ยงไว้กิน
ก่อนที่จะเข้าไปในวิหารซู่เสี่ยวไป่ได้สร้างเงาขึ้นมาสองล้านตัว แบ่งเป็นเงาเซียนแปดแสนตัว แค่นี้ก็เพียงพอที่จะสู้กับกองทัพและขุมอำนาจขนาดมหาจ้าวภัยพิบัติได้แล้ว
ซู่เสี่ยวไป่ส่งเงาหนึ่งล้านสองแสนตัวเข้าไปในตามจุดต่างๆ อย่างเงียบๆ และรอเวลาที่จะก่อความโกลาหล
“ระเบิดพลังทั้งหมด!!”
ซู่เสี่ยวไป่กลั้นใจรวบรวมสมาธิ ก่อนที่จะพุ่งเข้าไปวิหาร
การมองเห็นที่อยู่ตรงหน้านั้นได้เปลี่ยนไป มีเส้นทางสู่สวรรค์ของผู้ไม่หวังดีปรากฏขึ้นต่อหน้าซู่เสี่ยวไป่ และยังทำให้สัมผัสได้ถึงศัตรูอีกด้วย
นี่เทียบได้กับม่านตรวจจับขนาดใหญ่ที่ถูกกางโดยเจ้ามหาภัยพิบัติ เพียงแค่ซู่เสี่ยวไป่บุกรุกเข้าไปเพียงเส้นผมทั้งสี่จะรู้ตัวทันที
และเมื่อเกิดแรงกระเพื่อมของม่านพลัง มันจะส่งสัมผัสไปหาหนึ่งในสี่ผู้พิทักษ์ที่ใกล้ที่สุดก่อน
และคนแรกที่รับรู้ได้คือทิศทางตะวันออกของวิหารมหาภัยพิบัติหลงก๊วย
ซู่เสี่ยวไป่ก็ใช้ประโยชน์จากจุดนี้ระบุตำแหน่งผู้พิทักษ์เหมือนกัน
หลังจากผ่านช่องม่านพลังเข้ามาได้ หลงก๊วยก็มาปรากฏตัวขึ้นตรงจุดที่สัมผัสได้ว่ามีผู้บุกรุก เขามองมายังซู่เสี่ยวไป่ พร้อมกับดึงสายเข็มขัดรูปมังกรออกมาจากเอว ก่อนที่สายเข็มขัดนั้นจะกลายเป็นดาบ
“พวกชั้นต่ำจากโลกเบื้องล่าง กล้าดียังไงเข้ามาเหยียบสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ ไม่รู้รึไงว่ามีเพียงความตายที่รออยู่”
เงาของซู่เสี่ยวไป่ได้ปรากฏตัวออกมา และกลายเป็นมีดสีดำสนิท
มีดทมิฬตอนนี้ได้เสริมพลังจนเหนือกว่าอาวุธสะเทือนโลกาถึง 10 เท่า และปลดปล่อยพลังที่น่าเกรงขามออกมา