บทที่ 105 อย่าเรียกคนอื่นว่าแม่ตามใจชอบ
เซวียเหว่ยหลินไม่เดามั่วอีกต่อไป ได้แต่ดูทรงผมของเธอและยิ้มเล็กน้อย
หร่วนหลิวเจิงรู้สึกกระดากเล็กน้อย ทรงผมใหม่ มันดูตั้งใจมาก น่ากระอักกระอ่วนจริงๆ
เซวียเหว่ยหลินกลับใช้สายตาชื่นชม "สวยมากครับ"
ชมเป็นมารยาทสินะ? หร่วนหลิวเจิงเองก็ตอบแบบรักษามารยาท "ขอบคุณค่ะ"
เซวียเหว่ยหลินยิ้มและพูด "คุณหมอหร่วนตอบรับเป็นพิธีแบบนี้? คงจะไม่ได้คิดว่าผมเสแสร้งแกล้งชมหรอกนะครับ?"
"..." ที่เธอขอบคุณไปนั้นถือว่ารักษามารยาทจริงๆ
เซวียเหว่ยหลินหัวเราะใหญ่ "ผมชมจริงๆ นะครับ! ดูดีมาก ทรงก่อนหน้าดูแล้วเป็นคุณหมอแถมยังถือมีดผ่าตัด ตอนนี้ดูแล้วอบอุ่นและมีเสน่ห์ ดูดีทั้งคู่เลยครับ"
"ถ้าอย่างนั้นคำชมของคุณเซวียไม่ใช่การเสแสร้ง ก่อนหน้านี้เป็นการกล่าวสรุป ตอนนี้เป็นการวิเคราะห์เนื้อหา พูดถูกทั้งหมดเลย!" หร่วนหลิวเจิงว่าตามคำพูดเธอ
เซวียเหว่ยหลินหัวเราะร่วนอีกครั้ง "มิน่าล่ะ ที่เขาบอกว่าคนเรียนหมอเป็นพวกหัวดี! ตอบโต้เร็วแบบนี้! ผมคงเถียงคุณไม่ไหว! ใช่แล้ว คืนนี้คุณหมอหร่วนว่างไหมครับ?"
"ยังไม่รู้ค่ะ" ที่จริงเธอคิดว่าต่อให้วันนี้เกิดถูกตาต้องใจกัน สามารถกินข้าว เดินเล่นกันและดูหนังสักเรื่องก็โอเคแล้ว กลางคืนคงจะมีเวลาว่าง
"เอาแบบนี้ คืนนี้ผมโทรหาอีกที คืนนี้ที่บ้านผม บ้านผมตอนนี้น่ะครับ จะจัด party มีเพื่อนกลุ่มหนึ่งมาร่วมสนุก พวกเขาได้ยินเรื่องอุบัติเหตุรถชนของผมและเกิดอยากรู้เกี่ยวกับคุณมากๆ เลยอยากจะเป็นเพื่อนกับคุณ ว่างๆ ก็มาเล่นกัน ยังไงก็อยู่ใกล้ๆ นะครับ!" เซวียเหว่ยหลินพูด
หร่วนหลิวเจิงที่ลังเลอยู่ในตอนแรก เซวียเหว่ยหลินจึงพูดเสริม "คุณหมอหร่วน อย่าเอาแต่ตัวเข้าไปอยู่ในชุดปลอดเชื้อแบบนั้นทุกครั้ง อย่างกับผมเป็นเชื้อโรค..."
คนคนนี้ช่างเปรียบเปรยได้น่าขันเข้าไปทุกที เธออดที่จะหัวเราะไม่ได้
เซวียเหว่ยหลินเห็นเธอหัวเราะก็พูดขึ้นอีก "ต่อให้ผมเป็นเชื้อโรค ก็เป็นเชื้อโรคที่มีประโยขน์ต่อมนุษย์! ดังนั้นคืนนี้ผมโทรหาคุณอีกทีนะครับ"
"ได้ค่ะ" ถือว่าเธอรับปากแล้ว
หลังจากเซวียเหว่ยหลินไปส่งเธอยังจุดหมายที่จะไป เขาโบกมือลาพร้อมรอยยิ้ม เธอเข้าไปในภัตตาคารตามที่เผยซู่เฟินบอกและมองหาน้าของเธอ
ตรงที่นั่งริมหน้าต่าง เธอเห็นคุณน้าและผู้ชายสามแว่นคนหนึ่ง
ผู้ชายคนนี้ถึงจะไม่หล่อ แต่ด้วยชุดสูทและรองเท้าหนัง ดูสะอาดน่ามอง จับคู่กับแว่นตาไร้กรอบ ให้ความรู้สึกเป็นนักวิชาการทรงคุณวุฒิ มองแวบแรกถือว่าน่าดึงดูดสำหรับเธอทีเดียว
เธอเดินเข้าไป
"คุณน้าคะ" ยืนนิ่งอยู่หน้าโต๊ะอาหาร
"อ้าว! หลิวเจิงมาแล้ว นั่งเร็ว นั่ง" คุณน้าเปี่ยมไปด้วยรอยยิ้มและรีบแนะนำ "หลิวเจิง นี่อาจารย์เก่อ อาจารย์เก่อนี่หลานสาวฉันค่ะ หร่วนหลิวเจิง ศัลยแพทย์"
สายตาของเก่อชิงถือได้ว่าทำให้คนรู้สึกสบายใจ หลังจากพิจารณาตัวเธอครู่หนึ่ง สีหน้าไม่ได้ปกปิดซึ่งความพึงพอใจในรูปลักษณ์ภายนอกของเธอ แต่ก็ไม่ได้ให้ความรู้สึกว่า "สวย" "ผมรู้ครับ คุณหมอหร่วน สวัสดีครับ"
"สวัสดีค่ะ" หร่วนหลิวเจิงพยักหน้าตามมารยาทและนั่งลง
คุณน้าสั่งอาหารเป็นเพื่อนพวกเขา หลังจากคุยสัพเพเหระครู่หนึ่งก็หาข้ออ้างและขอตัวเหลือเพียงพวกเขาสองคน
"คุณหมอหร่วน ได้ยินว่าคุณทำงานอยู่ที่โรงพยาบาลเป๋ยหย่า?" เก่อชิงถาม
ดังนั้น เรื่องอย่างการนัดบอด คนกลางจะพูดอะไรจะเชื่อหมดก็ไม่ได้นะ...
"ไม่ใช่ค่ะ ฉันอยู่ที่โรงพยาบาลซีเฉิงแต่แค่เข้ามาฝึกงานที่เป๋ยหย่าเท่านั้นเอง" เธอจำเป็นต้องพูดความจริง ซีเฉิงกับเป๋ยหย่ามันต่างกันมาก
"แบบนั้นก็ดีมากครับ ผมนับถือแพทย์มาก"
สิ่งที่เรียกว่าดีมาดีกลับ หร่วนหลิวเจิงก็พูดขึ้น "ฉันเองก็นับถืออาจารย์มากค่ะ"
เงียบไปชั่วขณะ
หร่วนหลิวเจิงจึงได้แต่ถาม "อาจารย์เก่อสอนวิชาเอกอะไรคะ?"
"ชีววิทยาครับ"
ทันใดนั้นก็เจอเรื่องให้คุยกันได้ แพทย์ศาสตร์กับชีววิทยาเป็นญาติกันนี่นา!
เมื่อเปิดหัวข้อสนทนาเริ่มจากหน้าที่การงานและค่อยๆ ย้อนความทรงจำกลับไป เล่าถึงเรื่องน่าอายต่างๆ ในห้องทดลองสมัยเรียนมหาวิทยาลัยจนอาจารย์เก่อยิ้มออกมาได้ จนรับประทานอาหารค่ำเสร็จ อาจารย์เก่อเกิดรู้สึกเสียดายที่รู้จักกันช้าไป โดยเฉพาะเมื่อต่อหน้าคุณหมอหร่วนเวลายิ้ม ทั้งสดใสและมีเสน่ห์ มีลักยิ้มตื้นๆ ที่มุมปากที่ดึงดูดสายตาเขาอยู่ตลอดทำให้เขาหลงใหลไม่หยุด
เมื่อมันดำเนินไปอย่างราบรื่นเช่นนี้ แน่นอนว่าย่อมมีการดูหนังและการเดินเล่นในตอนบ่าย
ทั้งสองเดินออกจากภัตตาคาร พวกเขาพูดคุยและมีรอยยิ้ม ระหว่างที่กำลังคุยกันอย่างสนุก หลิวเจิงไม่ได้สังเกตคู่พ่อลูกคู่หนึ่งที่อยู่ฝั่งตรงข้ามถนน
"พ่อครับ คนนั้นดูเหมือนคุณแม่เลย" วันนี้หนิงเสี่ยงแต่งตัวแปลกตา เขาสวมชุดซานตาคลอสสีแดงทั้งชุดพร้อมทั้งติดหนวดและสวมหมวกซานต้า
สายตาของหนิงจื้อเชียนก็อยู่ที่สองคนนั้นเหมือนกัน
"พ่อครับ คุณแม่อยู่กับคนอื่น
พ่อจะฉลองเทศกาลคริสต์มาสไหมครับ?" หนิงเสี่ยงมองพ่อของตัวเองและแสดงท่าทางเศร้าเล็กน้อย
พ่อไม่ได้ให้คำตอบกับเขา...
เขาไม่ยอมแพ้ "พ่อครับ เมื่อวานพ่อบอกว่าจะชวนคุณแม่มาฉลองเทศกาลด้วยกัน..."
"พ่อครับ..."
"พ่อครับ พวกเราเข้าไปแย่งคุณแม่กลับมาได้ไหมครับ?"
"พ่อครับ..." หนิงเสี่ยงเริ่มเขย่ามือของเขา "พ่อครับ พ่อพูดอะไรหน่อยสิ..."
เมื่อเห็นหร่วนหลิวเจิงจะขึ้นรถไปกับเก่อชิงแล้ว หนิงเสี่ยงสะบัดมือของพ่อแล้วเดินข้ามถนนด้วยตนเอง
"หนิงเสี่ยง!" ทันใดนั้นหนิงจื้อเชียนก็รู้สึกตัวและรีบดึงเขากลับมา "อย่างอแง ระวังรถ"
"พ่อครับ แต่ว่าคุณแม่..." หนิงเสี่ยงเม้มริมฝีปากและมองไปทางแม่อีกครั้ง แม่ก็ไม่อยู่แล้ว ดวงตาเขาแดงก่ำกำลังจะร้องไห้ออกมา "คุณแม่ไม่อยู่แล้ว..."
หนิงจื้อเชียนมองไปทางที่รถคันนั้นขับไป "หนิงเสี่ยง อย่าเรียกคนอื่นว่าแม่ตามใจอีกนะ"
หนิงเสี่ยงลืมตาที่มีน้ำตานอง "ทำไมครับ? คุณแม่บอกว่าผมเรียกเธอว่าคุณแม่ได้ พ่อกับแม่หย่ากันเธอก็เป็นแม่ของผม"
"ไปเถอะ ไปกินข้าวกัน" หนิงจื้อเชียนจูงมือเขาเดินข้ามถนน
ตอนนี้ในใจของหนิงเสี่ยงคิดถึงปัญหาอีกข้อ ไม่ว่าจะเล่นสนุกแค่ไหนก็ไม่สามารถขจัดความคิดนี้ได้ เขากุมมือพ่อแน่นเงยหน้าและถามอย่างกระวนกระวาย "พ่อครับ พ่อตอบผมสิ ผมยังเรียกแม่ได้อยู่ไหม! ยังได้ใช่ไหม?
ชั่วครู่เมื่อเจ้าตัวเล็กไม่ได้คำตอบก็ไม่ยอมปล่อยไป เอาแต่ร้องงอแง
หนิงจื้อเชียนโดนเซ้าซี้จนหมดหนทางจึงพูดเลี่ยงๆ "ห้ามเรียกเวลามีคนอื่นอยู่ด้วยนะ"
ถึงแม้หนิงเสี่ยงจะไม่เต็มใจแต่ผลลัพธ์ที่ได้ก็ดีกว่าก่อนหน้านี้มาก ดวงตากลมโตเต็มไปด้วยน้ำตา ปากเล็กๆ เบ้ปากอยู่หลายรอบ ในที่สุดน้ำตาก็หยุดไหล
อันที่จริงหร่วนหลิวเจิงก็เป็นคนที่ไวต่อความรู้สึก ดังนั้นขณะที่ดูหนังอาร์ตในตอนบ่ายก็ประทับใจจนน้ำตาไหล
วันแรกที่ได้เจอกับเก่อชิงเธออยากจะควบคุมอารมณ์ของตนเองไว้ให้มาก ไม่อยากจะร้องไห้เวลาดูหนังเพื่อไม่ให้ดูน่าอายเกินไป แต่ว่าฉากในหนังนั้นช่างน่าประทับใจ เธอพยายามแล้วแต่ก็ไม่สามารถจะคุมไว้ได้จริงๆ สุดท้ายน้ำตาก็ไหลเป็นทาง
เก่อชิงนั้นเป็นคนละเอียดอ่อน เขาไม่ได้ดูหนังเลย มัวแต่ง่วนกับการส่งทิชชูให้และดูแลเธอ
"สำหรับเขาแลวผู้หญิงที่ร้องไห้เพื่อฉากหนังฉากหนึ่งยิ่งทำให้น่าเอ็นดู ทำให้อดคิดถึงคำพูดของเจี่ยเป่าอวี้*ไม่ได้ว่า ผู้หญิงนั้นถูกสร้างจากน้ำ อ่อนโยน นุ่มนวลและละเอียดอ่อนให้น่าหลงใหล*เจี่ยเป่าอวี้ ตัวละครหนึ่งในละครเรื่องความฝันในหอแดง"
หลังจากดูหนังเสร็จแล้ว หร่วนหลิวเจิงตาแดงก่ำพร้อมกับขอโทษเก่อชิง "ขอโทษนะคะ ฉันเสียมารยาทจัง"
"ไม่เป็นใรครับ" แววตาของเก่อชิงโอบอ้อมอารีจนแทบจะเคลิบเคลิ้ม "ผู้หญิงนี่ครับ เป็นเรื่องธรรมดา"
หร่วนหลิวเจิงมองดูนาฬิกาข้อมือ เก่อชิงคิดว่าเธอจะกลับแล้วจึงรีบพูดขึ้น "คุณหมอหร่วน วันนี้วันคริสต์มาส เดินเล่นอีกสักนิดนะครับ"
ยังมีเวลาหร่วนหลิวเจิงจึงรับปาก
พูดอย่างเป็นกลางแล้วเก่อชิงนั้นดูไม่เลวร้ายในทุกด้าน ถึงแม้เธอจะไม่ได้รู้สึกใจเต้นแต่หากเผยซู่เฟินโน้มน้าวขนาดนั้น ก็สามารถลองศึกษาดูได้
ทั้งสองจึงได้เดินไปทางห้างสรรพสินค้า
ห้างสรรพสินค้าในวันคริสต์มาสเรียกได้ว่ามืดฟ้ามัวดิน สินค้าต่างๆ เหมือนแจกฟรี อีกทั้งยังมีพนักงานแต่งตัวเป็นซานตาคลอสและตัวการ์ตูนอื่นๆ เพื่อช่วยเพิ่มบรรยากาศ
ทั้งสองกำลังเดินไปช้าๆ และซานตาคลอสตัวเล็กก็เบียดตัวออกมาจากกลุ่มคน พุ่งมาหาหร่วนหลิวเจิง
หร่วนหลิวเจิงเห็นเจ้าตัวกลมกลิ้งเข้ามาก็ประหลาดใจ และเห็นดวงตาที่คุ้นเคยของซานตาคลอสตัวน้อยหลบซ่อนหลังเคราสีขาว——หนิงเสี่ยง
หนิงเสี่ยงที่เข้าสู่อ้อมกอดของเธอตะโกนเสียงดังฟังชัด "แม่ครับ..." หลังจากคำว่าแม่ออกมาจากปาก ก็นึกถึงคำสั่งของพ่อขึ้นมาได้แล้วมองไปที่เก่อชิงที่อยู่ข้างกายหร่วนหลิวเจิงจึงเรียกเธออย่าไม่เต็มใจ "คุณน้า..."
แม่น้า? เรียกอะไรน่ะ? หร่วนหลิวเจิงได้ยินแล้วรู้สึกแปลกๆ แล้วลูบหมวกใบน้อยสีแดงของหนิงเสี่ยง "เสี่ยงเสี่ยงมาเดินเล่นกับใครจ๊ะ คุณพ่อล่ะ?"
หนิงเสี่ยงหันหลังกลับไปและชี้ไปที่หนิงจื้อเชียนที่กำลังเบียดตัวออกมาแล้วพยักหน้า "อืม คุณพ่อ"
หนิงจื้อเชียนเดินมาข้างหน้า "หมอหร่วน เดินเล่นเหรอ!"
"..." หร่วนหลิวเจิงฟังแล้วรู้สึกแปลกดูเหมือนจะเป็นเพราะเขาไม่เรียกเธอหมอหร่วนเวลาอยู่นอกโรงพยาบาลเลยแล้วพยักหน้า "อืม เดินเล่นค่ะ พวกคุณก็มาเดินเล่นเหรอคะ!"
"ท่านนี้คือ..." เก่อชิงมองชายที่อยู่ตรงหน้าและถามหร่วนหลิวเจิง
"อ้อ เขาคืออาจารย์ที่เป๋ยหย่า คุณหนิงค่ะ" หร่วนหลิวเจิงรีบแนะนำ
"อาจารย์หนิง สวัสดีครับ" เก่อชิงยื่นมือออกไป
สายตาของหนิงจื้อเชียนมองดูมือที่ยื่นออกมาครู่หนึ่ง "สวัสดีครับ" แล้วจับมือทักทาย