1255 - อมิตาภะ
1255 - อมิตาภะ
ทะเลทรายตะวันตก ดินแดนศักดิ์สิทธิ์โบราณที่มีตำนานมากมาย ชาวพุทธกระจัดกระจายอยู่ทุกหนทุกแห่ง พวกเขามีความเชื่ออย่างแรงกล้าว่าดินแดนแห่งนี้มีความใกล้ชิดกับสวรรค์มากที่สุด
ในทะเลทรายตะวันตกคือพื้นที่ที่เต็มไปด้วยพุทธศาสนิกชน ถึงแม้จะมีความเชื่ออื่นแพร่กระจายเข้ามาแต่ก็ยากที่จะปรับเปลี่ยนความคิดเห็นในเชิงวิถีหลักได้
ในดินแดนนี้วัดวาอารามสามารถมองเห็นได้ทุกที่
“พื้นที่อันกว้างใหญ่เช่นนี้กลับมีความเชื่อเพียงรูปแบบเดียวเท่านั้น มันเป็นเรื่องที่น่าทึ่งจริงๆ” วานรศักดิ์สิทธิ์กล่าวด้วยความสะท้อนใจ
ในโลกอำพรางสวรรค์ดินแดนแห่งนี้ถือได้ว่ามีเซียนก่อกำเนิดมากที่สุด อาจเป็นเพราะนิกายพุทธมีความเชื่อเรื่องการทำความดีเผื่อแผ่ผู้อื่น
ดังนั้นพวกเขาจึงไม่ได้เก็บรักษาวิธีการที่จะบรรลุการเป็นเซียนสงวนไว้ให้นักบวชของนิกายพุทธเพียงอย่างเดียว
ในดินแดนกว้างใหญ่นี้มักจะมีผู้เข้ามาแสวงบุญอยู่เสมอ พวกเขาจะมุ่งหน้าสู่เขาพระสุเมรุ ดินแดนอันบริสุทธิ์ซึ่งผู้คนต่างเชื่อมั่นว่าเป็นบันไดที่เชื่อมต่อกับสวรรค์
ทะเลสาบสีทองใสสะอาด ดินแดนเซียนอันงดงาม ภูเขาพระพุทธรูปโบราณตั้งแต่งานอยู่ระหว่างท้องฟ้า ทุกหนทุกแห่งล้วนมีความเกี่ยวข้องกับนิกายพุทธทั้งสิ้น
เย่ฟ่านและวานรศักดิ์สิทธิ์ข้ามมาจากตงหวงและเข้าสู่ดินแดนอันกว้างใหญ่นี้ ทุกพื้นที่ถูกปกคลุมไปด้วยเม็ดทรายสีทองสุดลูกหูลูกตา ที่นี่คือซีม่อ(ทะเลทรายตะวันตก)อันกว้างใหญ่ไพศาล
“สังเกตไหมว่าดินแดนนี้แปลกมาก มันคล้ายกับได้รวบรวมปราณสวรรค์พิภพของทั้งสี่ภูมิภาคไว้ด้วยกัน นี่เป็นเหตุผลให้ทะเลทรายตะวันตกมีผู้ที่บรรลุการเป็นเซียนได้มากที่สุดในโลกหรือไม่” วานรศักดิ์สิทธิ์กล่าว
“สถานที่แห่งนี้มีความบริสุทธิ์ของปราณสวรรค์พิภพมากที่สุด ไม่น่าแปลกใจเลยที่การบรรลุเต๋าในสถานที่แห่งนี้สามารถทำได้ง่ายมากกว่าดินแดนอื่นหลายเท่า” เย่ฟ่านพยักหน้าเห็นด้วย
อาจกล่าวได้ว่ามีคนไม่กี่คนในโลกที่สามารถสังเกตเห็นฉากแปลกๆ นี้ อย่างไรก็ตามเย่ฟ่านคือปรมาจารย์ต้นกำเนิดสวรรค์ ต่อให้มีความผิดปกติแม้เพียงเล็กน้อยเกี่ยวกับปราณสวรรค์พิภพเขาก็สามารถตรวจจับได้อย่างรวดเร็ว
“เส้นเลือดมังกรของดินแดนนี้ดูเหมือนจะมีขนาดใหญ่โตไม่น้อยกว่าเส้นเลือดมังกรที่อยู่ในจงโจว” เย่ฟ่านกล่าว
“นี่คือพลังศักดิ์สิทธิ์แบบไหน เหตุใดข้าจึงรู้สึกว่าเราไม่สามารถดูดซับมันมาเปลี่ยนเป็นพลังของตัวเองได้” วานรศักดิ์สิทธิ์ถามอย่างสงสัย
เย่ฟ่านก็ตกใจและสับสนเช่นกัน เขาสัมผัสได้อย่างชัดเจนว่าแก่นแท้ของสวรรค์พิภพในทะเลทรายตะวันตกเข้มข้นมากที่สุด อย่างไรก็ตามเขาสามารถดูดกลืนพวกมันเข้าสู่ร่างกายได้แต่กลับไม่อาจเปลี่ยนพลังนี้ให้เป็นพลังของตัวเอง
“ไม่น่าแปลกใจที่มีตำนานไม่รู้จบในทะเลทรายตะวันตก ตั้งแต่สมัยโบราณ ไม่ว่าจะเป็นสัตว์อสูรดุร้าย อสูรศักดิ์สิทธิ์โบราณ หรือเทพนอกอาณาเขต พวกเขาไม่มีความตั้งใจจะเข้ายึดครองสถานที่แห่งนี้ เมื่อเข้าสู่ทะเลทรายตะวันตกแม้กระทั่งจักรพรรดิผู้ยิ่งใหญ่ก็ยังทำตัวสงบเสงี่ยม”
เย่ฟ่านเกิดความสงสัยเป็นอย่างมาก เขารู้สึกว่าความ “สงบ” ของดินแดนนี้เต็มไปด้วยความลึกลับอย่างยิ่ง
“นี่คืออำนาจแห่งพุทธะหรือไม่?”
วานรศักดิ์สิทธิ์กล่าว จากนั้นทั้งสองคนก็มองหน้ากันด้วยความประหลาดใจ พลังของพระพุทธมีมากมายมหาศาลเพียงใดจึงสามารถกระจายไปทั่วดินแดนอันกว้างใหญ่หลายล้านลี้เช่นนี้ได้
“หรือว่าแท้ที่จริงแล้ว*อมิตาภะยังมีชีวิตอยู่?” วานรศักดิ์สิทธิ์กล่าวด้วยความประหลาดใจ
เมื่อคิดถึงความเป็นไปได้นี้ ทั้งคู่ต่างก็ตกตะลึง
ในโลกนี้มีน้อยคนนักที่จะสังเกตเห็นคลื่นพลังอันยิ่งใหญ่เช่นนี้ได้ แต่เย่ฟ่านคือปรมาจารย์ต้นกำเนิดสวรรค์ในขณะที่วานรศักดิ์สิทธิ์ก็เป็นถึงเซียนเทียมขั้นสาม
แต่สิ่งที่น่าแปลกใจที่สุดคือเหตุใดผู้บ่มเพาะนิกายพุทธจึงไม่เคยพูดถึงเรื่องนี้เลย?
“มันลึกลับมาก!”
เย่ฟ่านและวานรศักดิ์สิทธิ์ต่างประหลาดใจและมีคำถามไม่รู้จบ กฎอันแข็งแกร่งและไร้ขอบเขตของจักรพรรดิผู้ยิ่งใหญ่แพร่กระจายไปทั่วหลายล้านลี้ อย่างไรก็ตามกลับไม่มีผู้ใดสังเกตเห็นความแปลกประหลาดนี้เลยหรือ?
พวกเขาเดินไปข้างหน้าด้วยความมุ่งมั่น และหลังจากเดินทางได้หลายพันลี้พวกเขาก็พบเหตุการณ์ที่แปลกประหลาดบางอย่าง
ตรงหน้าของทั้งสองคนตอนนี้มีกลุ่มของสัตว์ประหลาดร่างยักษ์ชุมนุมกันด้วยความสงบนับหมื่นตัว พวกเขาแต่งตัวเหมือนนักบวชนิกายพุทธ อย่างไรก็ตามคนเหล่านี้ไม่ใช่มนุษย์อย่างแน่นอน
“มันแปลกมาก แม้แต่สัตว์ประหลาดยักษ์เหล่านี้ก็ยังกลับตัวกลับใจกลายเป็นศิษย์ของนิกายพุทธ” วานรศักดิ์สิทธิ์ถอนหายใจ
เมื่อมาถึงจุดนี้พวกเขาก็เข้าใจในที่สุดว่าเหตุใดสิ่งมีชีวิตที่แข็งแกร่งจากนอกอาณาเขตทั้งหลายจึงไม่คิดจะเหยียบย่างเข้าสู่ทะเลทรายตะวันตก
พลังของพระพุทธเจ้านั้นแปลกประหลาดมากเกินไป หากพวกเขาหลงเหยียบย่างเข้ามาสักครั้งมันก็ยากที่จะไม่หลงไปตามคำสอนของพระพุทธเจ้าจนกลายเป็นลูกศิษย์ของนิกายพุทธอย่างไม่อาจหลีกเลี่ยงได้
วัดหลายแห่งของทะเลทรายตะวันตกดำรงมาหลายหมื่นปี แต่พวกมันก็ได้รับการบูรณะอย่างสม่ำเสมอ นี่คือโลกของนิกายพุทธอย่างแท้จริง และไม่มีคำสอนใดสามารถสอดแทรกเข้ามาเป็นกระแสหลักแทนได้
ตามตำนานอมิตาภะสามารถบรรลุความเป็นอมตะและก้าวขึ้นสู่สวรรค์ในดินแดนแห่งนี้ ดังนั้นทะเลทรายตะวันตกจึงกลายเป็นสถานที่แสวงบุญที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลก
หน้าวิหารโบราณแห่งหนึ่งมีคนจุดธูปไหว้พระกันเป็นจำนวนมาก เพียงควันที่ลอยคลุ้งขึ้นสู่อากาศก็แทบจะเทียบได้กับควันที่เกิดจากไฟไหม้ป่าเลยทีเดียว
“ที่นี่... มีผู้คนมาแสวงบุญมากมายอย่างยิ่ง หรือวิหารแห่งนี้ก็เคยมีเซียนพุทธะอยู่เช่นกัน!” ม่านตาของเย่ฟ่านหดตัวลงและเริ่มสังเกตสภาพแวดล้อมอย่างระมัดระวัง
พวกเขาเดินทางในทะเลทรายตะวันตกและเห็นวิหารที่มีชื่อเสียงจำนวนมาก อย่างไรก็ตามไม่มีสถานที่แห่งใดที่มีผู้คนมาแสวงบุญมากมายเหมือนเช่นวัดที่อยู่ตรงหน้าอีกแล้ว
“ยิ่งเจ้ามองมันมากเท่าไร มันก็ยิ่งพิเศษมากขึ้นเท่านั้น!” นี่คือคำพูดของวานรศักดิ์สิทธิ์และเป็นปฏิกิริยาสัญชาตญาณของเขา
ดวงตาสีทองของเผ่าวานรศักดิ์สิทธิ์นั้นมีความคมกล้ามากที่สุด แม้ว่าวานรศักดิ์สิทธิ์จะมองไม่เห็นความลับที่ซุกซ่อนอยู่ในวิหารนั้น แต่เขาก็สัมผัสถึงความผิดปกติได้อย่างชัดเจน
“มีแรงดึงดูดอันยิ่งใหญ่ที่พยายามล่อลวงเราเข้าไปข้างใน!” เย่ฟ่านกล่าว
ภายใต้สายตาศักดิ์สิทธิ์ของเขาเย่ฟ่านมองเห็นแสงสีทองกระจายไปทั่ววิหารโบราณอันยิ่งใหญ่ มันเป็นแสงของพุทธะอย่างไม่ต้องสงสัย
“บางทีอมิตาภะอาจเคยพักอาศัยอยู่ในวิหารแห่งนี้ก็ได้ จะเข้าไปข้างในหรือไม่” วานรศักดิ์สิทธิ์กล่าว
“แคร้ง...”
ทันใดนั้นก็มีเสียงระฆังดังก้องออกมาจากวิหารโบราณ เสียงของมันก้องกังวาลไปทั่วโลกและมีอำนาจในการชำระล้างความขุ่นมัวภายในใจ
“อามิตตาภะ!”
เมื่อเสียงระฆังนี้สิ้นสุดลงผู้คนนับหมื่นที่กระจายตัวอยู่รอบๆ วิหารต่างก็เปล่งเสียงสรรเสริญพุทธคุณออกมาพร้อมกัน
เย่ฟ่านและวานรศักดิ์สิทธิ์เพียงสังเกตสถานการณ์ดังกล่าวจากระยะไกลเท่านั้น พวกเขาไม่ได้ก้าวเข้าไปในวิหารเพื่อสำรวจความลึกลับของนิกายพุทธอย่างจริงจัง เพราะนี่ไม่ใช่สิ่งที่พวกเขาตามหา
ขณะนั้นพวกเขามองเข้าไปในวัดโบราณ และเห็นนักบวชเฒ่าหลายรูปนั่งสมาธิอยู่ในวิหาร พวกเขาเคร่งขรึมไม่เคลื่อนไหวและอาบแสงพุทธะที่สาดส่องออกมาจากพระประธานในวิหารเก่าแก่
“พวกเขาเพียงอาบแสงพุทธะอย่างเลื่อนลอยเท่านั้น ข้าไม่เชื่อว่าทำเช่นนี้จะบรรลุความเป็นอมตะได้” วานรศักดิ์สิทธิ์เย้ยหยัน
“ประสกทั้งสองเป็นผู้มีปัญญาที่แท้จริงสักวันหนึ่งพวกเจ้าจะมีโอกาสได้พบกับพุทธะอย่างแน่นอน”
ทันใดนั้นก็มีเสียงที่แก่ชราดังขึ้นในหูของเย่ฟ่านและวานรศักดิ์สิทธิ์ซึ่งทำให้สีหน้าของพวกเขาเปลี่ยนไปอย่างรุนแรง
พวกเขาอยู่ห่างจากวิหารโบราณหลายสิบลี้ แต่เสียงของอีกฝ่ายก็ยังมาถึงที่นี่ได้ ซึ่งแสดงให้เห็นว่าผู้ที่กล่าววาจานี้คือหนึ่งในเซียนพุทธะผู้ทรงพลังอย่างไม่ต้องสงสัย
“ในโอกาสหน้าประสกทั้งสองโปรดกล่าวด้วยความระมัดระวังมากกว่านี้”
เสียงที่แก่ชราอีกเสียงดังขึ้นแทบจะในเวลาพร้อมกัน เห็นได้ชัดว่าพวกเขาไม่พอใจในคำพูดของวานรศักดิ์สิทธิ์เป็นอย่างมาก เพียงแต่เซียนผู้ยิ่งใหญ่ทั้งสองเต็มไปด้วยความเมตตาและไม่คิดจะลงโทษพวกเขาแต่อย่างใด
เย่ฟ่านและวานรศักดิ์สิทธิ์ไม่อยากสร้างปัญหาใดๆ เห็นได้ชัดว่าต่อให้นักบวชเหล่านั้นหากไม่ใช่เซียนพุทธะทั้งหมด อย่างน้อยพวกเขาก็ต้องเป็นเซียนเทียนขั้นสามระดับสูงสุด ดังนั้นทั้งสองคนจึงล่าถอยออกมาอย่างเงียบๆ
“เมื่อครู่นี้ ช่วงเวลาที่ข้ากำลังจ้องมองไปที่พระประธานภายในวิหารข้ามีความรู้สึกเลื่อมใสอย่างมากจนเกิดความปรารถนาที่จะเข้าสู่นิกายพุทธและเป็นหนึ่งในลูกศิษย์ของพวกเขา เพื่อต่อต้านอำนาจของพุทธะข้าจึงได้กล่าววาจาดูหมิ่นนักบวชเฒ่าเหล่านั้นออกไปโดยไม่รู้ตัว” วานรศักดิ์สิทธิ์สารภาพ
เย่ฟ่านก็พยักหน้าเช่นกัน เหตุการณ์อันลึกลับเมื่อครู่นี้ทำให้พวกเขาเกิดความระมัดระวังเป็นอย่างมาก เพียงแค่จ้องมองพระพุทธรูปเล็กน้อยพวกเขาก็เกิดความศรัทธาจนอยากจะเป็นลูกศิษย์นิกายพุทธแล้ว
“เจ้าคิดว่าอมิตาภะยังมีชีวิตอยู่ไหม?” จู่ๆ วานรงก็กล่าวขึ้น
“ในความเป็นจริงไม่มีใครสามารถอยู่ได้นานถึงขนาดนั้น เว้นแต่ว่าเขาจะเป็นสิ่งมีชีวิตอมตะที่แท้จริง” เย่ฟ่านกล่าว
เช่นเดียวกับจักรพรรดิผู้ยิ่งใหญ่คนอื่นๆ “อมิตาภะ” มีตำนานไม่รู้จบ ว่ากันว่าเขาก็เป็นหนึ่งในผู้ที่มาจากท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยดวงดาวเช่นกัน
………….
*ในศาสนาพุทธนิกายมหายานจะนับถือพระพุทธเจ้าสามองค์
หนึ่งคือ พระอมิตาภะ ผู้สร้างพุทธเกษตร(อาณาจักรพุทธะ) พระพุทธเจ้าแห่งความมีชีวิตยืนยาว มีร่างกายสีแดงเหมือนเพลิง ในนิกายมหายานเชื่อว่าพระพุทธเจ้าองค์นี้ยังไม่ปรินิพพานและยังคงโปรดเทวดาอยู่บนสุขาวดี
สองคือ พระพุทธศรีศากยมุนี พระพุทธเจ้าของราชวงศ์ศากยะหรือพระสมณโคดม พระพุทธเจ้าองค์ปัจจุบัน ซึ่งเป็นมนุษย์เพียงคนเดียวในพระพุทธเจ้าทั้งสามองค์
สามคือ พระไภษัชยคุรุ(พระยูไล) พระพุทธเจ้าที่เป็นหมอยาผู้ปราศจากโรคภัย มีร่างกายสีน้ำเงินเข้มเหมือนน้ำทะเล