ตอนที่ 3 หมาแดงชอบไป๋ซาน
เมื่อไป๋ซานนอนอยู่บนเตียงอย่างตื่นเต้น พลิกตัวไปมา นอนไม่หลับ อาคาอินุที่เขาเห็นในตอนกลางวันก็อยู่ในห้องทำงานของการ์ป
“ฮ่าฮ่าฮ่า ไม่เจอกันนานนะ แกฝึกพวกเด็กน้อยอยู่หนิ มีเวลาว่างมาหาฉันด้วยเรอะ?” เห็นได้ชัดว่าทั้งสองคนสนิทสนมกันมาก นั่งดื่มชาและพูดคุยกัน
"พวกนี้ก็แค่ใช้ได้ แต่ไม่มีใครโดดเด่นเป็นพิเศษ คิดว่าคงเทียบพวกไซเฟอร์โพลไม่ได้ด้วยซ้ำ"
"โอ้ ไม่มีสักคนที่ถูกใจเลยหรอ?"
"มีอยู่คนหนึ่งที่น่าสนใจ แต่คงต้องเฝ้าสังเกตุมากกว่านี้"
"หืม เขาชื่ออะไร?"
"ไป๋ซาน เขาเป็นคนที่มีระเบียบวินัยมาก"
การ์ปยิ้มเมื่อได้ยินชื่อไป๋ซาน
“เขาเป็นเด็กดี ทำงานหนัก และเอาจริงเอาจัง อย่างไรก็ตาม ความแข็งแกร่งในปัจจุบันของเขาน่าจะยังเทียบไม่ได้กับพวกกองทัพเรือธรรมดาหนิ? ทำไมแกถูกใจเขาล่ะ?” การ์ปเชื่อในตัวของไป๋ซาน แต่เขาไม่รู้ว่าไป๋ซานแข็งแกร่งขึ้นขนาดไหนแล้ว
เพราะล่าสุดที่เขาฝึกไป๋ซาน ไป๋ซานยังเป็นแค่ลูกเจี๊ยบในสายตาเขา
“อ่อนแอกว่ากองทัพเรือธรรมดาเหรอ ผิดมหันต์แล้วล่ะ”
อาคาอินุค่อยๆเล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นวันนี้อย่างละเอียด
“จนสุดท้าย เจ้าเด็กนั่นก็ท้าสู้จนชนะรวด8ครั้งติดจนไม่มีใครกล้าสู้กับเขาอีก ผมเลยอนุญาติให้เขามาฝึกซ้อมกับพวกเรา ไม่ต้องไปทำความสะอาดอีก คงไม่มีปัญหานะครับ?”
หลังจากที่การ์ปฟังทั้งหมดแล้ว เขาก็ตกตะลึงไปสักพัก และ จู่ๆก็ตบโต๊ะ
"อุบ๊ะ เด็กคนนี้ซ่อนความแข็งแกร่งของเขาไว้จริงๆ เขาหลอกได้แม้กระทั่งฉันกับเซ็นโงคุ!"
"ฮึฮึฮึ ถ้าเด็กคนนั้นมีความสามารถมากพอจริงๆ ฉันจะพาเขาไปที่ซีพี9" อาคาอินุพูด
"เฮ้ไอเจ้าบ้า นี่มันปล้นคนชัดๆ ฉันยังอยากให้เขาอยู่ใกล้ตัวฉันอยู่นะ” การ์ปพูดด้วยความตกใจ
“คุณไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเขาแข็งแกร่งขนาดนี้ แล้วทำไมถึงยังอยากเก็บเขาไว้อีกล่ะ” อาคาอินุถามอย่างไม่เข้าใจ
เขารู้ดีว่าด้วยอุปนิสัยของการ์ป เขาคงจะมีเหตุผลอะไรสักอย่าง
“เด็กคนนั้นมีนิสัยที่จะบรรลุสิ่งที่ยิ่งใหญ่ ความเพียรพยายาม ความอดทนไม่ย่อท้อ จิตวิญญาณแบบนี้หาได้ยากแม้แต่ในกองทัพเรือปัจจุบัน แน่นอนว่าทหารเรือใต้บังคับบัญชาของฉันต่างจากของคนอื่น เราต้องการคนมีจิตวิญญาณแบบนี้แหละ”
"อืมม..." อาคาอินุไม่คาดคิดมาก่อนว่าการ์ปจะมองเด็กคนนี้ไว้สูงมากขนาดนี้
"ช่างมันเถอะ ให้เขาฝึกตัวเองไปก่อน แล้วปล่อยให้เขาเลือกเองเมื่อถึงเวลา"
"ตกลงตามนั้น!"
เช้าวันรุ่งขึ้น หลังจากไป๋ซานตื่นขึ้นมาก็ไปทานอาหารเช้า ก่อนจะไปหยิบอุปกรณ์ทำความสะอาดโดยไม่รู้ตัว
เขาเพิ่งก้าวไปสองก้าวขณะถือไม้กวาด จากนั้นก็โยนมันทิ้งไว้ข้างหลังทันที
นี่ฉันไม่ใช่ภารโรงแล้วนี่หว่า!
เขาเริ่มใช้ท่าโซลโดยตรงและรีบมุ่งหน้าไปที่สนามฝึกซ้อม
ไม่นานหลังจากนั้น ทุกคนก็มาถึงที่นี่ รวมถึงผู้ฝึกสอนอย่างอาคาอินุด้วย
เมื่อเห็นไป๋ซานซึ่งเป็นคนแรกที่มาถึง ยืนเชิดหัวขึ้น ดวงตาของอาคาอินุก็แสดงถึงความชื่นชมซึ่งหาได้ไม่ง่ายนัก
“ต่อจากนี้อีก10วัน เราจะฝึกฝนร่างกายเพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการเรียนรู้ทักษะกายาเหล็ก”
ท่าต่อไปคือกายาเหล็ก?
ไป๋ซานรู้สึกผิดหวังเล็กน้อย
ในความคิดของเขาแล้ว กายาเหล็กเป็นท่าที่กากสุดในท่า6รูปแบบเลย
ท่านี้มันเหมือนกับฮาคิเกราะที่เวอร์ชั่นอ่อนลง แต่มันอ่อนจนเกินไปสำหรับเขา
ถ้ามีเวลาใช้ท่ากายาเหล็กเพื่อตั้งรับ ใช้โซลหรือกายากระดาษหลบดีกว่าไหม
ลืมไปเถอะ เรียนอะไรได้ก็เรียนไป ไม่เสียหายอะไรอยู่แล้ว
การฝึกร่างกายสิบวัน ด้วยบัพมืดที่เพิ่มประสิทธิภาพขึ้นร้อยเท่า เทียบเท่ากับการฝึกฝนหนึ่งพันวันสำหรับไป๋ซาน!
ถือว่าฝึกฝนร่างกายของเขาที่มันยังอ่อนแออยู่
ถือโอกาสนี้ทำให้มันแข็งแกร่งกว่าพวกหัวกะทิเหล่านี้
………………………………………………………………………………………..
ในวันสุดท้าย หลังจากยกน้ำหนัก 500 กิโลกรัม และวิ่งรอบกองบัญชาการกองทัพเรือครบ 3 รอบ ไป๋ซานยังดูชิลๆ ราวกับมันง่ายดายมาก และเดินไปที่โรงอาหารโดยไม่หน้าแดง หัวใจเต้น หรือหายใจติดขัด
พวกคนในค่ายฝึกที่มองมาจากด้านหลังเห็นเพียงแผ่นหลังที่แข็งแกร่งสง่างาม
ปัญหาคือ พวกเขายังฝึกไม่ครบเซสชั่นการฝึก แต่ไป๋ซานเสร็จเรียบร้อยแล้ว
อาคาอินุมองดูไป๋ซานจากไปด้วยออร่าที่มั่นคงและก้าวย่างที่แข็งแรง เขารู้สึกว่าความแข็งแกร่งทางกายภาพของเด็กชายคนนี้อาจแข็งแกร่งกว่าที่เขาคาดไว้ก่อนหน้านี้
สำหรับไป๋ซาน การประเมินยกน้ำหนักไม่ต่างอะไรกับยกของเล่น
นับตั้งแต่วันที่แปด ผลการออกกำลังกายก็แทบจะไม่เกิดผลอะไรเลย
ถ้าอยากจะแข็งแกร่งขึ้น ก็ต้องมีอุปกรณ์การฝึกที่ดีกว่านี้
แต่เขายังไม่ต้องการจะเปิดเผยความแข็งแกร่งของเขา จึงไม่ได้เรียกร้องหาที่ยกน้ำหนักที่มันหนักกว่านี้
เขาคิดไว้แล้วว่าจะทำอะไรต่อไป ฝึกฝนบล็อกเหล็ก แล้วไปหาการ์ปเพื่อขอน้ำหนักที่สูงกว่า
เช้าวันรุ่งขึ้น พวกเขาก็ได้เรียนรู้ทักษะกายาเหล็กจากเหล่าผู้ฝึกสอน
"กายาเหล็กคือการเสริมร่างกายที่แข็งแกร่งอยู่แล้ว ทำให้มันมีความแข็งประดุจเหล็ก แม้แต่กระสุนและดาบก็ไม่สามารถทำร้ายได้..." แม้ว่ามันจะดูค่อนข้างคล้ายกับฮาคิเกราะ แต่จากที่ไป๋ซานรู้ มันเหมือนกับทำให้ร่างกายถึกขึ้นเฉยๆ
ส่วนฮาคิ ถึงเขาจะไม่เคยได้เรียน แต่จากที่เขารู้ มันเหมือนการเคลือบร่างกายภายนอก
ส่วนกายาเหล็กมันทำให้แข็งแกร่งขึ้นจากภายในร่างกาย
"โฮสต์ประสบความสำเร็จในการเรียนรู้ทักษะ: กายาเหล็ก ความก้าวหน้าในการเรียนรู้: ระดับเริ่มต้น (100%)"
ในช่วงเช้า ขณะที่คนอื่นกำลังฝึกตั้งท่าให้ถูกต้องอยู่ ไป๋ซานได้มาถึงระดับเริ่มต้นแล้ว
“เอาล่ะ ในการต่อสู้ครั้งต่อไป ฝ่ายหนึ่งใช้กายาเหล็ก และอีกฝ่ายใช้ดัชนีพิฆาต หลังสู้เสร็จให้สลับการใช้ทักษะกัน” คู่ต่อสู้ของไป๋ชานยังคงเป็นเคนคนดีคนเดิม
ในช่วงสิบวันของการฝึกร่างกาย ทั้งสองคนกลายเป็นเพื่อนที่ดีต่อกันและฝึกซ้อมด้วยกันบ่อยครั้ง
“มาเลย ให้ฉันลองกายาเหล็กก่อน”
ไป๋ซานยกแขนมาไขว้ไว้บนหน้าอก
เคนรวบรวมพลังทั้งหมดไว้ที่ปลายนิ้วแล้วชี้ไปที่แขนของไป๋ซาน
สองทักษะปะทะกัน ราวกับว่ากระสุนกระทบกับเหล็กจริงๆ
เคนตกใจจนถึงกับถอยหลังไปสองก้าว เพราะไป๋ซานไม่มีแม้แต่รอยแดงหรือรอยฟกข้ำบนแขนด้วยซ้ำ
“ถึงตาฉันแล้ว มาเลย”
เคนยกแขนขึ้นชี้ไปข้างหน้าด้วย กล้ามเนื้อของเขาตึงแน่น
แต่เมื่อไป๋ซานยกนิ้วขึ้น เขารวบรวมพลังแค่ครึ่งเดียว
เขาอยากเห็นว่าเขาแข็งแกร่งแค่ไหน แต่เขาไม่อยากทำร้ายเพื่อนที่ดีของเขาจนบาดเจ็บสาหัสหรือกระทั่งฆ่าเพื่อนที่ดีของเขา
เคนลอยกระเด็นออกไปและนอนราบกับพื้นดัง ปัง! ใบหน้าของเขาแดงก่ำและหายใจติดขัดไปหมด
ดูทรงพลัง แต่แน่นอนว่าระบบบัพมืดไม่พอใจ
“ด้วยพลังเพียงครึ่งเดียวของโฮสต์ ดัชนีเหล็กของโฮสต์มีพลังแค่นี้และไม่สามารถสังหารอีกฝ่ายได้ในนัดเดียวทำให้ระบบเซ็งเป็นอย่างมาก” “ปืนนิ้วได้บัพมืดครั้งแรก มันกลายเป็นดัชนีตะวัน ซึ่งสามารถเจาะการป้องกันของศัตรูได้มากยิ่งกว่าเดิม”
แม้ว่าระบบบัพมืดพูดจะดูเหมือนดูถูกเขา แต่ไป๋ซานก็มีความสุขที่พลังของเขามากขึ้น
ดัชนีตะวันที่ว่าเจาะการป้องกันได้มากกว่าเดิมนี่ คงจะเจาะฮาคิเกราะได้อยู่ใช่ไหม?
“ดัชนีตะวันสามารถเจาะฮาคิเกราะได้ไหม?”
“มันขึ้นอยู่กับสถานการณ์ ถ้าเป็นฮาคิเกราะของพวกคนอ่อนแอก็เจาะได้สบายๆ ความแข็งแกร่งของดัชนีตะวันนั้นมากกว่าดัชนีพิฆาตอย่างน้อยสิบเท่า” ไป๋ซานจมอยู่กับความสุขที่ตัวเองแข็งแกร่งขึ้น ในขณะที่เคนใช้ช่วงเวลนี้ในการฟื้นอาการบาดเจ็บของตัวเอง
“ไป๋ซาน นายแข็งแกร่งมาก...”
“ไม่หรอก ตราบใดที่นายยังขยันฝึกฝน นายก็จะแข็งแกร่งมากยิ่งขึ้น” แต่ถ้าเกิดว่าเขาบอกกับเคนว่าเขาใช้แรงไปแค่ครึ่งเดียวมันคงจะแปลกๆใช่ไหม เคนอาจจะเป็นลมไปเลยด้วยซ้ำมั้ง?
อาคาอินุยืนมองจากด้านนอก หรี่ตามองไปที่ไป๋ซาน
เด็กคนนี้ไม่เพียงแต่ก้าวหน้าอย่างรวดเร็วเท่านั้น
แต่ใช้เวลาแค่ไม่นาน ก็มีความพร้อมจะเป็นทหารเรือเต็มตัวแล้ว
เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ อาคาอินุก็นึกถึงศิษย์เก่าคนหนึ่งของเขาทันที
นั่นก็เป็นอัจฉริยะในหมู่อัจฉริยะเช่นกัน
อีกไม่นานเขาก็กลับมาที่นี่เหมือนกัน ให้สองคนนี้ประลองกันดูดีไหมนะ?