บทที่ 81 ไก่บินเตลิดสุนัขวิ่งพล่าน (1)
จัวหย่วนมารับเสี่ยวชีในห้อง หอมหน้าผากนาง ทั้งยังพูดคำพูดที่ชวนให้คนคิดไปไกล...
เสิ่นเยว่พลิกตัวไปมาจนดึกถึงหลับ
จัวหย่วนชอบ...นาง?
——เพราะ...นางดูแลเด็กได้?
——หรือว่าเพราะ...เด็กในจวนชอบนาง?
นอนบนเตียงอยู่นาน เสิ่นเยว่เองก็คิดไม่ตกถึงเหตุและผล เพียงแต่รอยที่เขาหอมนางยังคงร้อนผ่าว เขาไม่ได้แอบหอม...แต่หอมนางอย่างเปิดเผย...
สุดท้ายไม่เพียงหอมหน้าผากนาง
ยังตั้งใจขยับเข้ามาใกล้ข้างหูนาง เอ่ยเสียงนุ่มนวล "ฝันดี อาเยว่ เจอกันพรุ่งนี้~"
นี่เป็นประโยคที่นางมักพูดกับเด็กๆ ในตอนที่แยกจากกันบ่อยที่สุด
แต่น้ำเสียงท้ายประโยคของเขาดูสูงขึ้นเล็กน้อย คล้ายกับปนไปด้วยเสียงขบขัน เดิมทีเสียงของเขาก็น่าฟังอยู่แล้ว อบอุ่นราวกับหยก ทั้งยังใสกังวานและทุ้มดั่งเสียงกลอง โดยเฉพาะคำสุดท้ายที่ว่า ‘พบกัน’ ราวกับน้ำที่ไหลผ่านหิน นกนางแอ่นในวสันตฤดูที่โผบิน สร้างระลอกคลื่นให้กับสายน้ำที่สดใสอยู่เป็นเวลานาน...
เสิ่นเยว่ชะงักไปเล็กน้อย ในตอนที่นึกขึ้นได้อีกครั้ง ใบหน้าก็ค่อยๆ กลายเป็นสีชาด
เด็กตัวร้ายบอกชอบนาง
ทั้งยังจีบนางอีกด้วย...
ในตอนนั้นนางยังไม่รู้ตัว
เสิ่นเยว่ขัดเขินจนดึงผ้าห่มคลุมศีรษะ แต่ยิ่งกว่าการที่เด็กตัวร้ายจีบนางอย่างเอาเป็นเอาตาย ก็คือนางไม่ได้เกลียดเขา...
ถึงขั้นนึกถึงตอนที่ทั้งสองเตะชู่จวีด้วยกันที่สนามหญ้า เขาตั้งใจแกล้งนาง เตะจริงจังบ้าง แกล้งแพ้บ้าง หรือไม่ก็ตั้งใจเลี้ยงลูกหนังรอบๆ ตัวนางหลายรอบ ทำให้นางอยากจะแย่งมาจนเกือบล้มลงไป เขายื่นมือมาดึงนางได้ทันเวลา เพียงดึงนางไว้ แต่ในดวงตาเต็มไปด้วยรอยยิ้ม...
ไม่มีสิ่งใดปะปน มีเพียงรอยยิ้มที่สดใสในดวงตา
ใช่ นางไม่ได้เกลียดเขา...
ถึงขั้นขณะที่ตนเองไม่ทันรู้ตัวก็เดินไปเหยียบเงาของเขาโดยสัญชาตญาณ...แต่นางไม่รู้ว่าเพราะเหตุใดต้องเหยียบเงาของเขา...
คืนนี้เสิ่นเยว่ไม่รู้ว่านอนหลับไปเมื่อไร
แต่เช้าวันรุ่งขึ้น เสิ่นเยว่ตื่นสายเล็กน้อย
เสียงเอะอะที่ลานเรือนคล้ายกับเสียงของเด็กกำลังเล่นด้วยกัน เสิ่นเยว่ลืมตาเล็กน้อย เหมือนกับว่าแสงแดดจะแยงตา ตื่นสายเสียแล้ว
เสิ่นเยว่ยันตัวลุกขึ้นนั่ง ยังรู้สึกเวียนหัวอยู่บ้าง คิดว่าคงเป็นเพราะนอนดึกเกินไป จึงอดที่จะยกมือขึ้นมานวดระหว่างคิ้วไม่ได้ ทำให้นึกถึงเรื่องที่จัวหย่วนหอมนางเมื่อคืน
นางอดรู้สึกตกตะลึงไม่ได้...
เพียงแต่นางเพิ่งรู้สึกตกตะลึงไปก็มีเสียงฝีเท้าวิ่งเข้ามาจากห้องด้านนอก แม้จะรีบร้อน แต่ก็หยุดลงเมื่อมาถึงในห้อง เอ่ยเรียกด้วยความตื่นเต้นปนร้อนใจ "อาเยว่ๆ! ท่านตื่นแล้วหรือยัง?"
เมื่อได้ยินก็รู้ว่าเป็นเสียงของเสี่ยวชี
เสี่ยวชีรักษากฎมากที่สุด หากเป็นเสี่ยวอู่ ตอนนี้คงวิ่งเข้ามาในห้องแล้ว
"เสี่ยวชี ข้าตื่นแล้ว เข้ามาเถอะ" เสื้อผ้าเสิ่นเยว่แขวนอยู่ด้านข้าง เสิ่นเยว่โน้มตัวลงสวมรองเท้า เมื่อสวมรองเท้าเสร็จก็ลุกขึ้นยืนแล้วหยิบเสื้อผ้าที่อยู่ด้านข้าง
ในตอนที่เสี่ยวชีวิ่งเข้ามาก็ชี้นิ้วไปนอกหน้าต่างพลางพูดกับนาง "อาเยว่ๆ! เหลือแค่ท่านแล้ว! ท่านอาหกบอกว่าตอนเช้าจะพาพวกเราแข่งเตะชู่จวี แต่พวกเราเป็นเด็กทั้งหมด ในกลุ่มจะมีแค่เด็กไม่ได้ ผู้ใหญ่มีแค่ท่านอาหก จัวเย่และคนอื่นๆ เตะไม่เป็น ท่านอาหกบอกว่าท่านเตะเป็น!"
"แข่งชู่จวี?" เสิ่นเยว่ประหลาดใจ ประจวบเหมาะที่เดินมาถึงข้างหน้าต่าง
ผลักเปิดหน้าต่างเล็กน้อย ทำให้มองเห็นกลุ่มเด็กๆ กำลังล้อมรอบจัวหย่วนพร้อมหัวเราะ "คิกคัก" กันดั่งที่คาด เมื่อครู่ที่นางอยู่ในห้อง เสียงเอะอะจากลานเรือนที่ได้ยินน่าจะเป็นเสียงของจัวหย่วนที่กำลังเล่นกับเด็กๆ
จัวหย่วนสามารถใช้เท้าและหัวเข่าเดาะลูกหนังได้ หยอกล้อให้เด็กๆ มีความสุข และสามารถใช้ปลายนิ้วหมุนลูกหนังให้เด็กๆ ดูได้ ทำให้เด็กๆ ต้องโห่ร้องเพราะความประหลาดใจแล้วเดินวนรอบตัวจัวหย่วน จัวหย่วนยังหยอกล้อพวกเขา ให้พวกเขาเข้ามาแย่งลูกหนัง ทว่าเด็กๆ ที่เดินอยู่รอบตัวเขาไม่สามารถแย่งลูกหนังจากเขาได้
ดังนั้นเสียงหัวเราะ "คิกคัก" ที่ลานเรือนเมื่อครู่ก็คือเสียงหัวเราะของเด็กๆ รอบตัวเขาที่แย่งลูกหนังจากเขาไม่ได้ แต่รู้สึกสนุก
และในขณะเดียวกันรอยยิ้มก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเขาไม่จางหายไป เหมือนเด็กโตกำลังเล่นสนุกหยอกล้อเด็กเล็ก
สุดท้ายเถาเถาอดหัวเราะ "คิกคัก" ไม่ได้ แล้วโผเข้าไปหาจัวหย่วน แย่งลูกหนังในมือเขา เถาเถาโผเข้าหาอย่างแรง ไม่นึกถึงความเป็นไปได้ที่จะล้มลง จัวหย่วนกลัวว่านางจะล้ม จึงใช้มือหนึ่งกอดนางไว้แน่น อีกมือถือลูกหนังอย่างอยากลำบาก รู้สึกตกใจจนเหงื่อไหล
แต่ยังไม่ทันได้บอกเถาเถาว่า ‘ระวังหน่อย’ เสี่ยวอู่ก็เลียนแบบเถาเถาโผเข้ามา
จากความสูง โครงสร้างร่างกายของเสี่ยวอู่ และแรงปะทะต่างกันที่โผเข้ามา เสี่ยวอู่หัวเราะ "ฮ่าๆ" แล้วโผเข้าหาโดยไม่คำนึงถึงผลที่ตามมา จัวหย่วนทำได้แค่ร้องว่า "เฮ้ย!"
เสี่ยวอู่ทับลงมาทันที