บทที่ 157 ฮองเฮา
ฉินชิงมองตำหนักคุนหนิง ประตูใหญ่ถูกปิดแน่น รอบๆ ไร้ผู้คน ก็รู้ว่าอาการป่วยของฮองเฮาดูท่าจะทรุดลงหนักจริงๆ
จึงให้หยินผิงเคาะประตู ประตูตำหนักคุนหนิงเปิดออก ตรงซอกประตูมีนางกำนัลน้อยคนหนึ่งโผล่ออกมา
“ชูเจาอี้เหนียงเหนียง เหนียงเหนียงของพวกเราบอกว่าไม่พบแขก ท่านกลับไปก่อนดีกว่าเพคะ”
เมื่อฉินชิงได้ฟังคำรายงานนี้ก็เข้าใจแล้วว่าเหตุใดสนมที่มักจะพึ่งพาฮองเฮาถึงไม่มา ตามหลักแล้วอย่างไรก็เป็นฮองเฮา เมื่อประชวรก็ควรมีสนมมาคอยดูแล ไม่ควรไม่มีใครมาเช่นนี้
หากฮองเฮาไม่อยากพบ สถานการณ์ตอนนี้ก็ถือว่าสมเหตุสมผล ถึงอย่างไรฮองเฮาก็เป็นฝ่ายไม่อยากพบใคร ฉินชิงคิดว่าฮองเฮาเองก็มีความหวังต่อตนเองไม่มากนัก
“อาการประชวรของพระองค์ ข้าสนใจอย่างยิ่ง เจ้าช่วยไปรายงานพระองค์ให้ข้าหน่อยเถอะ ไม่แน่ว่าฮองเฮาอาจจะให้ข้าพบก็ได้”
นางกำนัลเห็นว่าฉินชิงยืนกรานเช่นนี้ก็ลังเลครู่หนึ่ง แต่ยังคงตอบกลับไปว่า “เช่นนั้นชูเจาอี้เหนียงเหนียงรอตรงนี้ก่อนนะเพคะ เดี๋ยวบ่าวจะเข้าไปรายงาน”
เมื่อนางกำนัลใกล้จะเข้าไปถึงห้องบรรทม หลานจือก็กำลังพยุงฮองเฮาดื่มยาอยู่พอดี
“ฮองเฮาเหนียงเหนียง ชูเจาอี้มาขอเข้าเฝ้าเพคะ บอกว่าทรงสนใจต่อพระอาการประชวรของพระองค์”
ฮองเฮาดื่มยาจนหมดถ้วยในรวดเดียวและดื่มน้ำลงไปอีกหนึ่งอึก จากนั้นจึงตอบกลับไปว่า
“คนอื่นต่างก็บอกว่าเป็นกังวลต่อความปลอดภัยของข้า แต่นางกลับบอกว่าสนใจอาการป่วยของข้า”
หลังจากคิดครู่หนึ่ง ฮองเฮากลับรู้สึกว่าชูเจาอี้คือคนที่มีนิสัยไม่เสแสร้ง คราวก่อนที่นางเจอพิษก็ได้รู้ว่านางรู้วิชาแพทย์จริงๆ ทั้งยังเป็นวิชาแพทย์ชั้นสูงด้วย
แต่เมื่อมองสภาพของตนตอนนี้ ในใจไม่สามารถจุดประกายความหวังใดๆ ขึ้นมาได้แล้ว
“เอาเถอะๆ ในเมื่อนางอยากพบข้า เจ้าก็เรียกนางเข้ามาเถอะ”
“เพคะเหนียงเหนียง”
เมื่อนางกำนัลได้รับคำสั่งก็รีบเปิดประตูแล้วเชิญฉินชิงเข้าไปด้านใน
ครั้นฉินชิงที่รออยู่หน้าประตูตำหนักได้รับอนุญาตก็รีบเดินเข้าไปในตำหนักคุนหนิง ตรงไปยังห้องบรรทมของฮองเฮา
สิ่งแรกที่ได้กลิ่นทันทีที่เข้าไปด้านในตำหนักก็คือกลิ่นยา แม้ว่าจะมีกลิ่นกำยานแรงมาก แต่ก็ไม่อาจดับกลิ่นยาที่ฉุนเช่นนี้ได้
“ถวายพระพรฮองเฮา”
“ลุกขึ้นเถอะ เหตุใดเจ้าถึงมีเวลาว่างมาหาข้าได้ ไม่ใช่ว่าเพิ่งกลับมาจากตำหนักรับรองหรอกหรือ? ไม่พักผ่อนอีกสักสองสามวันเล่า”
“หม่อมฉันมีนิสัยตรงไปตรงมา หวังว่าเหนียงเหนียงจะไม่ถือสา หม่อมฉันมีความสนใจต่ออาการประชวรของท่านอย่างมาก ดังนั้นหลังจากกลับมาจากตำหนักรับรองในวันที่สองจึงมาถวายพระพรฮองเฮา”
“ถ้าข้าถือสาแล้วจะอย่างไร เจ้าก็พูดมาเสียขนาดนี้แล้ว” หลังจากฮองเฮาได้ยินสิ่งที่ฉินชิงพูดมาก็คลี่ยิ้มอย่างที่หาได้ยาก
“ฮองเฮาไม่ถือสาก็ดีเพคะ” หลังจากฉินชิงได้ยินเช่นนั้นก็รู้ว่าตอนนี้ฮองเฮากำลังอารมณ์ดี
“ใครบอกว่าข้าไม่ถือสา ข้าถือสา” ทันใดนั้นฮองเฮาก็แสร้งทำหน้าบึ้งตึง
“เหนียงเหนียงล้อเล่นกันแล้ว ทั้งที่ไม่ถือสาแท้ๆ สายตาของหม่อมฉันยังเฉียบแหลมอยู่นะเพคะ ฮองเฮายังมีแรงพูดหยอกล้อกับหม่อมฉัน ดูท่าแล้วสถานการณ์ยังไม่นับว่ารุนแรง” ฉินชิงพูดด้วยรอยยิ้ม
หลังจากได้เห็นสีหน้าของฮองเฮา ฉินชิงก็รู้ว่าฮองเฮาแกล้งทำ ทักษะการแสดงของฮองเฮายังไม่ค่อยดีเท่าไร หากเป็นนักแสดงต้องถูกคนดูด่าเรื่องการแสดงทั้งวันแน่นอน
ฮองเฮาเห็นรอยยิ้มขี้เล่นของฉินชิงก็ไม่ได้โกรธเคือง กลับกันทำให้นางอารมณ์ดีไม่น้อย ถือว่าเป็นการคลี่คลายความอึดอัด
“เอาละ เจ้ามาที่ตำหนักคุนหนิงเพราะอยากดูอาการข้าไม่ใช่หรือ? มาเถอะ”
ฮองเฮายื่นมือออกไป รอให้ฉินชิงมาตรวจชีพจรของนาง
ทันทีที่ฉินชิงเข้าไปดูใกล้ๆ ก็รู้ว่าสภาพของฮองเฮานั้นแย่มาก ไม่รู้ว่ายาชนิดใดกันแน่ที่ทำร้ายฮองเฮาจนมีสภาพเช่นนี้ได้
หลังจากฉินชิงตรวจชีพจรเสร็จแล้วก็ได้รู้ว่าตนคิดผิด สภาพของฮองเฮาตอนนี้ไม่เพียงแต่มีคนวางยาเท่านั้น ยังเป็นเพราะตัวของฮองเฮาเองด้วย
ยาพิษนับหมื่นชนิดในโลกนี้ ตราบใดที่ตรวจเจอ แม้ว่าจะไม่รู้ว่ามียาแก้พิษได้หรือไม่ แต่หากกินยาที่ถูกต้องกับอาการที่เป็นอยู่ อย่างน้อยเจ็ดแปดส่วนมันก็สามารถแก้ได้
แต่ถ้าคนคนนั้นไม่มีความหวังในตัวเองแล้ว ไม่อยากมีชีวิตอยู่ต่อไปแล้ว ต่อให้จะเป็นเพียงหวัดธรรมดาก็สามารถคร่าชีวิตของคนคนนั้นได้
ตอนนี้ก็เห็นได้ชัดแล้วว่าฮองเฮาเองไม่อยากมีชีวิตอยู่ต่อ อีกอย่างก็น่าจะยืดเวลามานานมากแล้ว อย่างน้อยสามปีก็เข้าใจได้ แม้ว่าฉินชิงจะได้ยินว่าพระวรกายของฮองเฮาไม่สู้ดี แต่อย่างไรนั่นก็เป็นข่าวลือ
หากคนทั่วไปเห็นสภาพของฮองเฮาก็ต้องคิดว่าข่าวลือนี้เป็นเรื่องเท็จแน่ ถึงอย่างไรก็ไม่มีคนป่วยที่ไหนจะมีพลังจิตดีเช่นนี้
แต่จนถึงตอนนี้ ฉินชิงถึงได้เข้าใจว่าเหตุใดฮองเฮาถึงดูไม่เป็นอะไรมาตลอด ก็เพราะว่าฮองเฮาใช้กำลังเกินตัวมาตลอด
เหมือนกับปฏิกิริยาสะท้อนกลับของคนที่ป่วยเรื้อรังมานานก่อนจะเสียชีวิต ร่างกายจะปล่อยสารอะดรีนาลีนจำนวนมากออกมาทำให้อยู่ในสภาวะที่เหมือนจะหายดี
แต่กรณีของฮองเฮานางใช้ร่างกายเกินกำลังของตัวเองมาอย่างต่อเนื่อง และสารอะดรีนาลีนก็ถูกปล่อยออกมาในปริมาณน้อยอยู่เสมอ จึงทำให้รู้สึกเหมือนว่าคนไม่เป็นอะไร ทว่ากำลังที่มีอยู่ภายในไม่พอ จึงทำให้ติดลบมาตลอด
เมื่อเห็นว่าฉินชิงไม่กล่าวสิ่งใดออกมา ฮองเฮาจึงถามขึ้นมาว่า
“เป็นอย่างไรบ้าง ตามความเห็นของเจ้า ข้าจะมีชีวิตอยู่ได้อีกกี่วัน?”
“หม่อมฉันมิกล้าบอกเวลาอย่างเจาะจง ถ้าเกิดฮองเฮาสิ้นพระชนม์เวลานั้นจริงๆ นั่นไม่เท่ากับเป็นบาปของหม่อมฉันหรือเพคะ”
“ไม่พูดก็ช่างเถอะ หมอหลวงหลายคนล้วนบอกว่าข้าจะมีชีวิตอยู่ได้หนึ่งเดือน เจ้าคิดว่าอย่างไร?”
“ล้วนแต่เป็นหมอที่ไม่มีฝีมือจริงๆ เหนียงเหนียงอย่าไปฟังคำพูดของคนแก่เหล่านั้นเลยเพคะ”
“ก็เจ้าไม่พูดว่าข้าจะมีชีวิตอยู่ได้นานเท่าไร แต่กลับบอกว่าพวกหมอหลวงเหล่านั้นเป็นหมอไม่มีฝีมือ แบบนี้ไม่ดีเลยนะ อย่างน้อยพวกหมอหลวงในสำนักหมอหลวงก็ต้องเรียนวิชาแพทย์มากกว่าสิบปีถึงจะสามารถเข้าไปในสำนักหมอหลวงได้ และต้องเป็นกลุ่มที่มีความสามารถจริงๆ ถึงจะมาตรวจชีพจรให้ข้าได้”
“ทูลเหนียงเหนียง หม่อมฉันไม่ทราบจริงๆ ว่าท่านจะมีพระชนม์ชีพอยู่ได้นานเพียงใด เพราะการจะมีพระชนม์ชีพอยู่ได้นานแค่ไหนนั้นล้วนขึ้นอยู่กับเหนียงเหนียงเอง ไม่ใช่จากการตัดสินของหมอหลวง และไม่ใช่จากการตัดสินของหม่อมฉัน แต่จากการตัดสินของท่านเอง”
“เจ้าช่างพูดถนอมน้ำใจจริงๆ ข้าคิดว่าตัวเองจะอยู่ได้เป็นร้อยปี ข้าก็สามารถอยู่ได้เป็นร้อยปีอย่างนั้นหรือ?” ฮองเฮาได้ยินเช่นนั้นก็นึกว่าฉินชิงล้อเล่น “เหนียงเหนียงล้อเล่นกันแล้ว อายุยืนยาวถึงร้อยปีหม่อมฉันมิกล้าพูด แต่หากเหนียงเหนียงอยากเชื่อใจหม่อมฉัน ให้หม่อมฉันรักษาอาการประชวรของท่าน หม่อมฉันรับรองว่าท่านจะมีพระชนม์ชีพอยู่ได้มากกว่าหนึ่งเดือน”
ฉินชิงรู้สึกว่าอาการของฮองเฮาแย่มาก แต่ตราบใดที่พบยาพิษ กอปรกับเจตจำนงอยากมีชีวิตอยู่ที่แข็งแกร่งของฮองเฮา ย่อมสามารถมีชีวิตอยู่ได้อย่างน้อยสองสามเดือน หมอหลวงได้แต่บอกว่ามีชีวิตอยู่ได้หนึ่งเดือน นั่นเพราะยังมองไม่ออกถึงกุญแจสำคัญ
แต่ฉินชิงคิดๆ ดูแล้วก็ถูก ถึงอย่างไรหมอหลวงก็เรียนวิชาแพทย์ช่วยคน ไม่ได้เรียนวิชาพิษคร่าชีวิตคน แต่ถึงแม้สาขาวิชาจะต่างกัน ต่อให้ไม่รู้ก็สามารถเข้าใจได้
อย่างเช่นคณิตศาสตร์ เจ้าบอกว่าเจ้าสามารถแก้เรขาคณิตได้ แล้วต้องแก้พีชคณิตได้ด้วยหรือไม่?
“หากข้ามีชีวิตอยู่ได้ไม่ถึงหนึ่งเดือนตามที่เจ้าว่ามา ต่อให้เป็นราชโองการของฮ่องเต้ข้าก็ต้องลงโทษเจ้าแน่นอน”
ฮองเฮาเห็นฉินชิงกล่าวอย่างมั่นใจเช่นนั้นจึงอยากจะเล่นเป็นเพื่อนนางสักหน่อย
“แล้วแต่พระประสงค์ของฮองเฮาเลยเพคะ”
เวลาหนึ่งเดือน ฉินชิงรู้สึกว่าแม้ตนจะหายาพิษไม่เจอ แต่หากฮองเฮามีความมุ่งมั่นเช่นนี้ก็ยังพอจะรับประกันได้
“ดูท่าเจ้าจะมั่นใจในตัวเองมาก?”
“ทูลเหนียงเหนียง หม่อมฉันเชื่อมั่นในตัวท่านเพคะ”
“พูดจาน่าฟังจริงๆ เช่นนั้นก็ได้ ร่างกายของข้ามอบให้เจ้ารับผิดชอบแล้วกัน”
“ขอบพระทัยเหนียงเหนียงที่ไว้ใจเพคะ” ฉินชิงยกมือขึ้นคำนับ
ฮองเฮาตกลงแล้ว แต่หลานเย่ที่อยู่ข้างกายกลับส่งเสียงออกมา
“เหนียงเหนียง ท่านทำเช่นนี้ไม่ได้นะเพคะ เหนียงเหนียง”