ตอนที่ 1469 การต่อสู้ที่ไร้ประโยชน์..
ในตะวันตก วัฒนธรรมการต่อสู้มีประวัติศาสตร์อันยาวนาน ทั้งยังได้แพร่หลายมาตั้งแต่ยุคกลาง และเป็นเรื่องปกติที่สุภาพบุรุษชนชั้นสูงสองคนจะรักษาเกียรติยศของตนเอง.. และเพื่อผู้หญิงคนที่พวกเขารัก แน่นอนว่านี่เป็นศึกตัดสินชีวิต และความตาย
อันที่จริงแล้ว อาจกล่าวได้ว่านี่เป็นเรื่องไร้สาระอย่างหนึ่งในวัฒนธรรมตะวันตก และแน่นอนว่า ‘ถ้าไม่หาเรื่องใส่ตัว ก็ไม่ต้องเจอกับสถานการณ์ยากลำบาก’ “ซึ่งนี่เป็นเหตุผลที่ว่าทำไมประชากรต่างชาติถึงมีจำนวนน้อย” ประโยคนี้เหมาะสําหรับยุคกลางของทางฝั่งยุโรป เพราะการดวลกันเป็นไปอย่างแพร่หลาย และผู้คนก็ได้เสียชีวิตลงไปจากการดวลกันในทุกๆ วัน นอกจากนี้ ทางฝ่ายราชวงศ์ยังเคยออกคำสั่งห้ามดวลกันออกมาโดยเฉพาะ
วัฒนธรรมไร้สาระนี้สืบทอดจากอาวุธเย็นมาสู่ยุคอาวุธร้อน สุภาพบุรุษในยุคกลางต่อสู้กันด้วยดาบ สู่คาวบอยตะวันตกที่ใช้ปืน แน่นอนนั่นยิ่งเป็นเรื่องที่ตายเร็วมากขึ้น..
การต่อสู้เพียงอย่างเดียวที่ หลินฟาน เคยเห็นคือในภาพยนตร์เกี่ยวกับคาวบอยตะวันตก, บนถนนที่รกร้าง มีฉากลมพัดทรายปลิวว่อน คาวบอยสองคนสวมรองเท้าบูทยาว และหมวกคาวบอย พร้อมกับปืนลูกโม่ที่เอว ยืนเผชิญหน้ากัน..
การต่อสู้ที่เด็ดขาดนี้.. เกิดขึ้นในช่วงเวลาสั้นๆ ใครยิงก่อนได้เปรียบ
ในยุคอาวุธร้อน การต่อสู้ที่เด็ดขาดคือความเร็ว และอาวุธปืน ซึ่งต้องใช้ทั้งความเร็ว และความแม่นยํา ความเป็นความตายมักจะเกิดขึ้นได้ในชั่วพริบตา แตกต่างจากยุคอาวุธเย็น ที่ถูกแทงด้วยมีดดาบแต่อาจจะยังคงชีวิตรอดอยู่ได้ หากแต่การถูกยิงด้วยอาวุธปืน.. โอกาสที่จะมีชีวิตรอดนั้นมีอยู่น้อยมาก
การต่อสู้แบบนี้ไม่เป็นที่นิยมในท้ายที่สุด และค่อยๆ หายไปพร้อมกับระบบนิติรัฐสมบูรณ์ที่เกิดขึ้นมา
แต่วัฒนธรรมการดวลแบบนี้ ไม่ได้หายไปตามยุคสมัย เพียงแต่กลายเป็น ‘อารยะ’ ไปมากขึ้นเท่านั้น ชาวตะวันตกบางคน ยังคงชอบ และได้มีการนัดดวลกันอยู่ตลอด และแน่นอนว่าไม่มีอะไรที่แก้ไขไม่ได้ด้วยการต่อสู้
ไซมอน บราวน์ นายน้อยแห่งตระกูลขุนนางชาวอังกฤษ คืนนี้จะต้องดวลกับคนอื่น บนท้องถนนในเมืองลอนดอน
ข่าวนี้ทำให้เกิดเสียงฮือฮาออกไปเป็นวงกว้าง ผู้คนจึงได้แห่กันมาตามท้องถนนไปตามที่คาดไว้ พร้อมที่จะจับตาจ้องมองด้วยความสนุก
ว่ากันว่าการต่อสู้ครั้งนี้เป็น ไซมอน บราวน์ ที่จะต่อสู้ดวลกับคนเสเพลคนหนึ่งเพื่อผู้หญิง เหตุผลนี้มันเหมือนกับได้ย้อนกลับไปในยุคบรรพบุรุษ
“ไซมอน บราวน์ มาแล้ว!”
ไซมอน บราวน์ ได้ลงจากรถ และเดินเข้ามาถึงในที่เกิดเหตุ ทุกคนมองเขา ชั่วขณะหนึ่ง นายน้อยขุนนางหนุ่มคนนี้ก็ได้กลายมาเป็นจุดสนใจของผู้ชม
ไซมอน บราวน์ เชิดหน้าขึ้น คืนนี้เขาจะต้องพิสูจน์ตัวเอง เอาชนะคู่ต่อสู้ ยึดครองหัวใจของหญิงสาวคนนั้น และนำเธอมาอยู่ในอ้อมกอดของเขาให้ได้
จากนั้น มีเสียงเครื่องยนต์ดังขึ้น และเห็นว่ามีรถลีมูซีนคันหนึ่งขับเข้ามา ไม่นานก็เห็น ชายชาวจีนที่สวมชุดลายดอกไม้คนหนึ่งลงมา แต่การสวมแว่นตากันแดดในเวลากลางคืนเช่นนี้ก็ช่างแสร้งบังคับได้เก่งจริงๆ
ชายหนุ่มชาวจีนคนนี้มีความดื้อรั้นปรากฏอยู่บนใบหน้า และดูเหมือนจะดูเป็นพวกชอบอวด ชอบที่จะแสร้งทำ..
ชายหนุ่มชาวจีน มอง ไซมอน บราวน์ อย่างเหยียดหยาม เหมือนกับว่า ไซมอน ไม่ได้อยู่ในสายตาของเขา
คนที่จะต่อสู้กับ ไซมอน ในคืนนี้ก็คือ ชายหนุ่มชาวจีน ..คนนี้
ดูเหมือนว่า ชายหนุ่มชาวจีน คนนี้ ก็วางตัวปฏิบัติตามธรรมเนียม ..แน่นอนเขาอยู่ในอังกฤษ ก็ต้องได้สัมผัสกับวัฒนธรรมในยุคกลาง
“ไร้ประโยชน์ คุณควรยอมแพ้ไปซะ เพราะการคิดจะมาดวลกับฉันนั้น มันเท่ากับคุณ.. มันหาเรื่องตาย!” ชายหนุ่มชาวจีน ได้พูดอย่างดูถูกออกไป
อย่างน้อยที่สุด ชายหนุ่มชาวจีน คนนี้ ก็ยังวางตัวปฏิบัติตามธรรมเนียม ทั้งคําพูด และการกระทําของเขายังดูมีความมั่นใจ และแม้กระทั่งความภาคภูมิใจ ในฐานะที่เป็นคนจีน ยิ่งกลับการต้องมาเผชิญหน้ากับคนผิวขาวแล้ว แต่ดูเหมือนว่าเขาจะไม่ได้เห็นอีกฝ่ายอยู่ในสายตา โดยปกติหากเมื่อเห็นคนต่างชาติส่วนใหญ่จะพยักหน้า ไม่ก็โค้งคำนับให้ แน่นอนว่าร่างกายของคนต่างชาตินั้นแข็งแกร่งกว่าเรา ชาวเอเชีย ..ไม่รู้กี่เท่า
แต่แล้วสิ่งนี้.. มันย่อมต้องเกี่ยวข้องกับรูปร่างของ ไซมอน ด้วย แม้ว่า ไซมอน จะเป็นคนผิวขาว แต่เขาก็ไม่ใช่ว่าเป็นชายที่แข็งแกร่ง หรือมีความล่ำสันอย่างที่เห็น หากมองวัดกันดูดีๆ ร่างกายของเขากลับดูเตี้ยกว่าชายหนุ่มชาวจีนคนนี้เสียอีก
ไซมอน กลับดูจะตื่นกลัวเวทีเล็กน้อย และยิ่งเมื่อเผชิญหน้ากับ ชายหนุ่มชาวจีน คนนี้.. แต่นี่คือเมื่อก่อน ตอนนี้เขาดูไม่กลัวอีกฝ่ายเลย
นั่นเพราะ หลินฟาน ได้รับปากว่าจะช่วยเหลือเขาแล้ว
แม้เขาจะไม่รู้ด้วยซ้ำว่า หลินฟาน จะช่วยเขาอย่างไร เพราะ หลินฟาน เองก็ไม่ได้สอน หรือชี้แนะแนวทางใดๆ ให้กับเขา เพียงแต่แค่รับปากด้วยวาจาว่าจะช่วยเพียงเท่านั้น แต่เขาก็ชื่นชม หลินฟาน และรู้สึกโล่งใจมากเมื่อ หลินฟาน ได้รับปากเขาในเรื่องนี้
“ยอมแพ้? มันเป็นไปไม่ได้.. หากคุณชอบที่จะยอมแพ้ งั้นคุณก็เลือกที่ยอมแพ้ไปเองสิ!” ไซมอน ตะโกนกลับใส่อีกฝ่าย
ชายหนุ่มชาวจีน ยิ้มอย่างเย็นชา และพูดว่า : “หาที่ตาย!”
“มาแล้ว! มาแล้ว! เอเลน่า มาแล้ว!”
ขณะที่ทั้งสองกําลังเผชิญหน้ากัน ทันใดนั้นก็มีคนในฝูงชนตะโกนขึ้น
ทุกคนหันไปมองตามเสียงก็ได้เห็นรถเก๋งสีแดงคันหนึ่ง มีหญิงสาวผิวขาวคนหนึ่งลงมา เธอสวมชุดจั๊มพ์สูทสีขาว รูปร่างเป็นตัวเอส ทั้งใบหน้าของเธอเองก็ดูบอบบาง อ่อนโยน.. รูปร่างแบบนี้ ใบหน้าแบบนี้ ยากที่จะไม่เปล่งประกายในสายตาของผู้คนจริงๆ
ไม่ว่าจะเรื่องหน้าตา หรือรูปร่าง ก็ไม่สามารถหาข้อผิดพลาดได้, และยิ่งจากรถเก๋งที่เธอขับมา เธอก็คงจะเป็นคนรวยรุ่นสอง เช่นกัน..
ในความเป็นจริง เธอเกิดในตระกูลเดวิส ครอบครัวนี้ก็ไม่ถือว่าร่ำรวยมาก แต่ก็เป็นครอบครัวที่ร่ำรวย
หญิงสาวอย่าง เอเลน่า ถือว่าเป็นเทพธิดาของคนจน และเป็นคู่แต่งงานที่คนรวยใฝ่ฝัน และกล่าวได้ว่าคนที่อยากแต่งงานกับ เอเลน่า มีนับไม่ถ้วน
ไซมอน และชายหนุ่มชาวจีนคนนี้ ก็ไม่ใช่คู่แรกที่ดวลต่อสู้กันเพื่อเธอ.. และเกรงว่านี่อาจจะไม่ใช่คู่สุดท้าย
เมื่อเห็น เอเลน่า ในรูปลักษณ์ที่ดูมีเสน่ห์เช่นนี้ ทั้งยังดูเปล่งประกายในสายตาของผู้คนในที่เกิดเหตุ และในสายตาของบางคน มันก็ดูคุ้มค่าที่จะต่อสู้เพื่อผู้หญิงคนนี้!
ในเวลานี้ หลินฟาน และเจ้าชายแฮร์รี่ ได้เข้ามาปะปนอยู่ในฝูงชน เจ้าชายแฮร์รี่ ยังคงสวมหน้ากากอนามัย เพราะกลัวจะถูกจดจําได้
ส่วน หลินฟาน เขากลับไม่กลัวอะไรเลย อย่างไรก็ตาม ในต่างประเทศเช่นนี้ก็คงไม่มีใครรู้จักเขา
เมื่อเห็น เอเลน่า หลินฟาน ก็ยิ้ม แล้วพูดไปว่า : “ผมเข้าใจแล้วว่าทําไม.. คุณไซมอน ถึงยอมรับการดวล ถ้าเอาชนะอีกฝ่ายได้ก็สามารถได้ผู้หญิงคนนี้ เกรงว่าคงจะมีผู้ชายอีกหลายคนที่เต็มใจยอมบุกน้ำ ลุยไฟ เพื่อเธอ..”
เจ้าชายแฮร์รี่ กล่าวว่า : “เอเลน่า เป็นผู้หญิงที่สวยมากจริงๆ อาจกล่าวได้ว่าเธอเกือบจะเหมือนนางฟ้าเลยด้วยซ้ำ”
หลินฟาน กล่าวว่า : “น่าเสียดายที่แม้ว่า คุณไซมอน จะชนะมาได้ เขาก็จะไม่ได้ผู้หญิงคนนี้..”
เจ้าชายแฮร์รี่ ตกตะลึง และรีบถามว่า : “ทำไม คุณหลิน ถึงได้พูดอย่างนั้น?”
หลินฟาน กล่าวว่า : “มันง่ายมาก เอเลน่า ไม่ได้คิดที่จะมองพวกเขาคนใดคนหนึ่งด้วยซ้ำ คุณลองมองไปที่เธอ แล้วดูท่าทางที่เธอมองพวกเขาทั้งสองคนสิ มันเหมือนฝูงชนที่มองดูด้วยความสนุกมากกว่า ทั้งเธอก็ไม่ได้รู้สึกประทับใจ กับความจริงที่ว่าชายสองคนนี้กำลังต่อสู้กันเพื่อเธอ แต่เธอแค่กำลังเพลิดเพลินไปกับสายตาที่อิจฉาของผู้คนในยามที่เธอปรากฏตัว..”
เจ้าชายแฮร์รี่ พูดว่า : “คุณหลิน คุณกำลังหมายความว่า การต่อสู้ของ ไซมอน ครั้งนี้คือ ไร้ประโยชน์?”
หลินฟาน ตอบทันทีว่า : “ใช่”
เจ้าชายแฮร์รี่ พูดว่า : “ใช่.. ดูเหมือนมันจะไร้ประโยชน์.. จะเป็นการดีกว่าที่จะไม่ต่อสู้เพื่อผู้หญิงคนนี้ การต่อสู้แบบนี้ยังไงมันก็ดูไม่คุ้มค่าเลยจริงๆ”
หลินฟาน ยิ้มแล้วพูดว่า : “หาก เจ้าชาย คิดเช่นนั้น เจ้าชาย เองก็สมควรจะไปชักชวน ไซมอน เขาเป็นเพื่อนของคุณ สักพักหากปล่อยไปเขาก็จะโดนอีกฝ่ายทุบตีไปโดยเปล่าประโยชน์ และอีกอย่าง เขาไม่ใช่คู่ต่อสู้ของ ชายหนุ่มชาวจีนคนนี้…”
หลินฟาน มองได้อย่างแม่นยํามาก ชายหนุ่มชาวจีนคนนี้ เคยฝึกหมัดมวยมาก่อน ในไม่ช้า ไซมอน ก็คงจะต้องโดนอีกฝ่ายต่อยจนฟันร่วง แล้วล้มลงไปนอนกับพื้น
ชายหนุ่มชาวจีนคนนี้ จากพฤติกรรมของเขา มองปราดเดียวก็รู้ว่าเขากลายเป็นชาวตะวันตกไปแล้ว นี่คงอย่างที่เรียกว่า ‘ผิวเหลือง หัวใจขาว’.. แม้เขาจะมีสีผิวเดียวกันกับ หลินฟาน แต่ไม่ว่าจะเป็นวัฒนธรรมที่เขาได้รับมา คําพูด หรือวิธีการคิดปัญหาก็ไม่แตกต่างอะไรจากชาวตะวันตก
คนประเภทนี้บอกว่าพวกเขาเป็นเพื่อนร่วมชาติ แต่จริงๆ แล้วอาจไม่เห็นจีนอยู่ในสายตาด้วยซ้ำ
หลินฟาน ยังคงเฝ้าสังเกตอยู่ วิธีการต่อไปที่เขาจะปฏิบัติต่อชายชาวจีนคนนี้นั้น ก็ขึ้นอยู่กับว่า ชายชาวจีนคนนี้จะมองประเทศจีน ..อย่างไร
หากเขาเป็นชาวจีน และมองว่าตัวเองเป็นคนจีน หลินฟาน จะไม่ช่วยคนผิวขาวจัดการกับเขา..
หากไม่เช่นนั้น หลินฟาน ก็จะเดินเข้าไปตบหน้าเขาเพิ่มอีกสองครั้งในนามของบรรพบุรุษของเขา
เจ้าชายแฮร์รี่ เมื่อได้ยิน หลินฟาน บอกว่าให้เขาเข้าไปโน้มน้าว แต่ทันใดนั้นเขาก็รู้สึกลําบากใจเล็กน้อย : “คุณหลิน ผมคิดว่ามันยากที่จะเข้าไปโน้มน้าวใจเขา?”