7 เพื่อนใหม่ที่ดูเป็นมิตร
เขาหันหลังไปปิดประตูบ้านแล้วเดินตรงดิ่งไปยังโซนที่นอนฝั่งซ้ายมือ เปิดตู้เล็ก ๆ ข้างหัวเตียงหยิบเอาด้ามไม้ที่มีตุ้มอะไรสักอย่างหุ้มปลายด้ามเป็นก้อนหนาออกมาแล้วทำการฟาดไปยังบนบ่าตนเอง
ตุ้บ ตุ้บ ตุ้บ
โอเคมันคือไม้นวดหลังนั้นเองทีแรกเธอตกใจว่าเขาหยิบไม้มาทำอะไร ดูแล้วอีกฝ่ายคงปวดหลังมิใช่น้อยถึงได้ทุบเอาทุบเอาดูเป็นคนชิลสุด ๆ ไปเลย
สิ่งแรกที่รอล์ฟเห็นในสายตาตั้งแต่เดินเข้ามาคือเป็นมันเด็กผู้ชายที่ผอมมาก ผมสั้นกุด หน้าตามอมแมมสกปรก วัดจากสายตาเตี้ยกว่าเขา
“แล้วใครพาเจ้ามาที่นี่นายหรือเฟียซ?”
“เฟียซ”
อารอล์ฟพยักหน้า
“เดิมทีข้าอยู่ที่นี่คนเดียวมานานสักพักแล้ว ก็ดีเหมือนกันจะได้มีเพื่อนร่วมห้องเสียบ้าง”
เขานั่งลงบนเตียงแต่มือก็ยังกำไม้นวดทุบไปที่หลังเงียบไปสักพักเพื่อครุ่นคิดบางอย่าง
“จริงสิเจ้าจะมาทำงานอะไร”
เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายเริ่มเอนตัวลงนอนเธอก็ถือโอกาสนั่งลงบ้างปากก็ตอบคำถามไปด้วย
“เฟียซบอกว่าค่อยเริ่มงานพรุ่งนี้จะไปถามงานจากเขาหรือจากเจ้าก็ได้”
“อ่อได้สิเจ้าไม่ต้องไปถามเจ้านั่นหรอกข้าสอนงานเจ้าได้”
ไหน ๆ ก็ต้องอยู่ด้วยกันถือโอกาสจับตาดูเจ้าเด็กใหม่เสียหน่อยว่ามันจะมีดีอะไรบ้างไหมเพราะที่นี่เป็นตลาดค้าทาสขนาดใหญ่อันดับต้น ๆ ของประเทศ ฉะนั้นงานมีให้ทำหลากหลายตั้งแต่เบาไปถึงหนักที่สำคัญห้ามขี้เกียจเด็ดขาด
“ข้าว่าเจ้าไปอาบน้ำเปลี่ยนชุดเถอะเดี๋ยวไม่นานก็ไปกินข้าวเย็นแล้ว”
ร่างเล็กก้มมองตัวเองสภาพเนื้อตัวสกปรกไหนจะมีบาดแผลเยอะอีกคงต้องทำแผลหลังอาบน้ำเสร็จแต่ประเด็นคือเธอไม่รู้ว่าห้องน้ำไปตรงไหน
“เออ…รอล์ฟห้องน้ำไปทางไหน”
ชายหนุ่มที่นอนเอกเขนกอยู่จึงต้องผงกหัวขึ้นมาจากหมอนเพื่อตอบคำถามแล้วทำท่าบุ้ยปากไปทางด้านหลังบ้านให้เธอมองตามเขา
“นู้นหลังบ้านมันจะมีห้องน้ำเล็ก ๆ อยู่เจ้าไปใช้ได้”
“ขอบคุณมาก”
เกรเทลคว้าเอาถุงผ้าที่เฟียซให้มาแล้วเดินออกจากบ้านอ้อมไปด้านหลังนิดหน่อยไม่นานก็เจอห้องน้ำที่อารอล์ฟบอก
มันเป็นห้องอาบน้ำที่มีสุขาภายในตัวขนาดไม่ใหญ่มากเหมาะสำหรับทำธุระเพียงคนเดียวซึ่งมันถูกใจเธอสุด ๆ เพราะไม่ต้องไปอาบน้ำรวมกับผู้ชายจำนวนมาก ไม่งั้นเธอก็ไม่รู้ว่าจะเลี่ยงสถานการณ์นั้นได้อย่างไร
เกรเทลจัดการถอดชุดเก่าออกตอนนี้เธอเพิ่งมีโอกาสสังเกตเนื้อตัวใต้ร่มผ้าเต็มสองตาว่านอกจากที่ร่างกายผอมจนหนังติดกระดูกช่วงเอวและอกมีแผลฟกช้ำดำเขียวเป็นจ้ำ ๆ ตามแขนขาด้านในมีแผลเป็นทางยาวมากมาย ส่วนแผ่นหลังก็มีแผลถลอกเหมือนโดนลากขูดกับพื้นมา
ยอมรับเลยว่าเธอตกใจสภาพตนเองในตอนนี้สุด ๆ ไม่คิดว่าจะแย่ได้เบอร์นี้ ร่างเดิมไปทำอะไรมากันถึงกลายเป็นแบบนี้ได้
นี่มันเกินไปมาก
ร่างเล็กทำใจยอมรับแบบปลง ๆ ต่อจากนี้คงต้องดูแลร่างกายให้ดีอย่างน้อยนอนหลับกินอิ่ม
มือเล็กเอื้อมมือไปตักน้ำขึ้นมาราดตัวสัมผัสแรกที่โสตประสาทรับรู้คือแสบยิบไปทั้งตัว ขนแขนลุกชนิดที่ว่าชีวิตนี้ไม่เคยลิ้มรสชาติแบบนี้มาก่อนเนื่องจากบาดแผลบางจุดยังสดอยู่เล็กน้อย
เกรเทลซี๊ดปากแสบทรวงยันกระดูกดำตอนนี้ยังเหลือฟอกสบู่อีกแค่คิดก็แทบกรีดร้องออกมา
สถานการณ์ภายในห้องน้ำกว่าจะผ่านพ้นไปได้ก็เกือบ 45 นาที จนอารอล์ฟต้องเดินออกมาตามเพราะสงสัยว่าเจ้าทาสหายไปไหนนาน
ขณะที่ชายหนุ่มกำลังก้าวขาไปเพื่อจับลูกบิดประตูจังหวะนั้นเองที่บานประตูก็ถูกผลักเข้ามาพอดิบพอดี
ปึง!
ผลคือเข้าหน้าเขาเต็ม ๆ จนเห็นดาว เสียงชนดังสนั่นจนเกรเทลต้องหันมามองว่าตนเองเปิดประตูชนกับสิ่งใด
“อ๊าก!”
“เฮ้ย! อารอล์ฟข้าขอโทษเจ็บไหม”
ร่างบางตกใจไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะอุตริมายืนตรงนี้รีบเข้าไปดูใบหน้าว่ามีบาดแผลหรือไม่
“เจ็บสิถามได้”
อารอล์ฟเงยหน้าขึ้นมาเพื่อโชว์หลักฐานให้ไอตัวแสบดูว่าหน้าผากเขาปูดขึ้นมาแล้ว
…แรงฉิบหาย…
“ขอโทษนะไม่คิดว่าเจ้ามายืนอยู่หน้าประตู”
เธอขอโทษขอโพยยกใหญ่รู้สึกผิดที่ทำให้อีกฝ่ายเจ็บตัว
“ข้าแค่เป็นห่วงว่าเจ้าหายไปไหนตั้งนานเลยจะไปตามที่ห้องน้ำเพราะใกล้เวลาแล้ว”
ที่แท้เขาก็จะไปตามเธอแต่ทำไงได้ก็สภาพเธออาบน้ำเร็วได้เสียที่ไหน
อารอล์ฟโบกมือบอกว่าไม่ต้องเข้ามาดูหน้าเขาแล้วไม่ได้ถือสาอะไรกับความไม่ระมัดระวังในครั้งนี้
สายตาร่างสูงเหลือบมองสำรวจคนตรงหน้าหัวจรดปลายเท้า เนื้อตัวสะอาดไม่เลอะเทอะมอมแมมอีกแล้ว สวมเสื้อเชิ้ตที่ใหญ่กว่าตัว มีกลิ่นหอมสบู่อ่อน ๆ ลอยตามลม ใบหน้าดูจิ้มลิ้มคล้ายสตรีหลายส่วน แต่ที่ขัดหูขัดตาที่สุดไม่พ้นเนื้อตัวที่มีบาดแผลเต็มไปหมด
“สภาพเจ้าดูไม่ได้เชียว”
เขาเอ่ยแซวเพราะไม่แปลกที่ทาสจะมีบาดแผลพวกนี้ตามตัว เดาว่าเจ้าเด็กนี้ก่อนจะมาถึงมือนายเขาคงทำเรื่องเจ็บแสบกับใครไว้เยอะ ก่อนมันไปอาบน้ำเขาก็เห็นแล้วแหละว่ามันมีแผลแต่ก็ไม่คิดว่าจะเยอะเต็มทุกตารางนิ้ว
“ข้าพอมียาอยู่เจ้าเอาไปใช้ได้ ดีกว่าปล่อยให้มันหายเอง”
รอล์ฟเดินไปหยิบยาที่เก็บไว้ในตู้เสื้อผ้าออกมายื่นให้ เกรเทลเอื้อมมือไปรับพร้อมกล่าวขอบคุณในความมีน้ำใจของอารอล์ฟ
สมองน้อย ๆ ของเธอก็ฉุกคิดขึ้นมาได้ว่าแล้วเขาไม่ทายาที่หัวหรือไงทั้งที่โดนกระแทกแรงขนาดนั้น เธอจึงเอ่ยถามร่างสูงแต่คำตอบที่ได้คือไม่ต้องเป็นห่วงปล่อยมันทิ้งไว้เถอะ
เกรเทลไม่เข้าใจความคิดของเพื่อนใหม่คนนี้ทั้งที่ตัวเองเพิ่งบอกเธอว่าอย่าปล่อยให้แผลหายเองแต่ตัวเองไม่ทำแผลซะงั้น
มือบางควักเนื้อยาแล้วทยอยทาไปทีละส่วน จุดไหนทาได้ก็ทาไปก่อน ส่วนไหนที่ไม่ได้เอาไว้ค่อยไปทาในห้องน้ำ เธอไม่อยากถกเสื้อโชว์หน้าอกให้ผู้ชายแปลกหน้าเห็น
เวลาผ่านไปสักพักอารอล์ฟก็เรียกให้เธอรีบเดินไปกินข้าวเพราะขืนชักช้าข้าวจะหมด คนที่นี่กินข้าวเหมือนห่าลง ไม่รู้ไปอดยากมาจากไหนกันทั้งที่อาหารก็มีให้ครบทั้งสามมื้อ
อารอล์ฟพาเกรเทลเดินไปถึงโรงอาหารด้านในบรรยากาศค่อนข้างคึกคักเต็มไปด้วยคนงานทั้งชายหญิง ชายหนุ่มจึงหันมาพูดเสียงเบากับคนตัวเล็กว่าขนาดพวกเรารีบมาแล้วยังมีคนที่รีบกว่า
พวกเขาทั้งสองจึงเดินไปเข้าแถวต่อคิวเพื่อรับถาดอาหารโดยที่เขาให้เธอยืนนำหน้าตนเองแทน
จู่ ๆ ก็มีเสียงเรียกดังขึ้นด้านหลังเป็นชายร่างบึกบึนหนาผิวสีแทน
“รอล์ฟวันนี้เจ้าไปรายงานเรื่องจำนวนเสบียงแล้วยัง? ข้าลืมจดตัวเลขบางรายการไปเลยจะขอแก้เสียหน่อย”
เกรเทลหันไปมองตามเสียงสงสัยว่าพวกเขาคุยกันเรื่องอะไร ดูเหมือนจะเป็นเพื่อนของรอบล์ฟสินะ
“ยังข้าว่าจะไปรายงานหลังกินข้าวพอดี เจ้ามาเอาหลังกินข้าวก็ได้ไว้ข้าค่อยไปรายงานนายดึก ๆ”
เขาทำสีหน้าโล่งอกที่เพื่อนคนนี้ยังไม่ได้รายงานไปมีหวังเขาโดนนายเทศนาจนหูชาแน่
เมื่อไม่ใช่เรื่องที่เกรเทลต้องใส่ใจเธอจึงหันหน้ากลับมาโฟกัสที่ตนเองต่อดูเหมือนว่าใกล้ถึงต้นแถวแล้ว
“เจ้าเด็กนี่ใช่คนที่เขาพูดถึงไหมวะไอ้รอล์ฟ”
เสียงที่เคยดังโหวกเหวกพลันก็เงียบลงทันทีที่ชายคนนี้พูดขึ้น สายตานับร้อยก็หันมามองที่เธอเพียงคนเดียว
…โอ๊ยหัวจะปวด…
เกรเทลรู้สึกกระอักกระอ่วนที่ถูกจับจ้องเป็นตาเดียวไหนจะเสียงซุบซิบเล็ก ๆ นั้นอีก เธอไม่รู้จะแสดงสีหน้าแบบไหนออกไปดีตอนนี้ถ้าเธอเป็นเต่าก็คงจะมุดหัวเข้ากระดองไปแล้ว
“อืมมันเป็นรูมเมตข้า”
“เออดีเจ้าจะได้ไม่เหงา จะได้เลิกบ่นกับข้าสักทีว่าไม่มีเพื่อนคุยตอนนอน”
อารอล์ฟกรอกตามองบนตัวเขาเองก็ไม่ได้เหงาขนาดนั้นไหม
“ข้าชื่อไรเดอร์ยังไงก็ฝากดูแลมันด้วยนะไอ้เด็กใหม่”
มือหนาก็ตบลงบนหลังเล็กของเกรเทลดังปุ ๆ ฝากฝังเพื่อนคนใหม่ทำทีเสมือนพ่อที่ส่งต่อลูกชายสู่โลกกว้าง
ใบหน้าหวานพยักหน้าพร้อมทั้งส่งยิ้มให้ไรเดอร์
บทสนทนาต้องเป็นอันจบลงเมื่อถึงคิวรับข้าว แม้จะมีสายตามองแปลก ๆ มาบ้างแต่เธอก็ไม่ใส่ใจเพราะอีกไม่นานผู้คนก็คงจะลืมเรื่องนี้ไปเอง
เธอได้นั่งรวมกับอารอล์ฟ ไรเดอร์ และเพื่อนคนงานอีกสองสามคน
ระหว่างกินข้าวพวกเขาก็ชวนเธอคุยสัพเพเหระไม่ว่าจะเป็นเรื่องงาน ห้องน้ำ ไปยันเรื่องใต้สะดือ…ซึ่งหัวข้อนี้เธอทำได้แค่นั่งเคี้ยวข้าวไปแบบเงียบ ๆ คนเดียวไม่ร่วมวงสนทนาด้วย
แล้วหัวข้อที่เธอพอจะพูดคุยด้วยได้คือเรื่องเจ้านายคนใหม่ของเธอ
ชายที่ชื่อวอลล็อค
เกรเทลจึงพยายามถามข้อมูลจากเพื่อนใหม่ก็ได้รู้ว่าเขาเป็นคนที่ใจกว้างแต่ก็เคี่ยวสุด ๆ ในเรื่องงานอย่าเผลอขี้เกียจหรือทำงานชุ่ยไม่ใส่ใจโดยเด็ดขาดมีสิทธิ์โดนเด้งออกทันที
เจ้านายคนนี้ไม่ชอบลูกน้องที่ขี้เกียจตัวเป็นขน
ไรเดอร์บอกอีกว่าไม่มีใครรู้เรื่องเบื้องหลังของนายเท่าไรหรอก ว่าเขาทำงานอะไรมาก่อนที่จะมาเป็นหัวหน้าควบคุมตลาดค้าทาสแห่งนี้เพราะไม่ใช่ว่าเป็นใครจะมาทำตรงนี้ได้ ถ้าไม่ใช่คนมีเส้นสายใหญ่พอตัว
นอกจากนี้ใคร ๆ ก็กลัวอิทธิพลด้านมืดของวอลล็อค ใครก็ตามที่มาอยู่ภายใต้ปีกของเขาก็จะได้รับการปกป้องคุ้มครองถือเป็นคนที่น่ากลัวคนหนึ่งจึงไม่มีใครอยากถูกชายคนนี้หมายหัวนัก
หลังจากได้ฟังประวัติจากปากคนที่นี่คร่าว ๆ เกรเทลจะได้เคลื่อนไหวอย่างระมัดระวังมากึ้น เกิดนายหัวเขียวคนนั้นฆ่าเธอทิ้งขึ้นมาเธอคงอดไปเจอหน้าครอบครัว
เมื่อเวลาอาหารเย็นจบลงผู้คนต่างก็แยกย้ายกันไปเพื่อพักผ่อนตามบ้านพักของตนเอง เกรเทลรู้สึกอิ่มมากจนเดินลำบากระหว่างกินข้าวเธอต้องพยายามยั้งมือตนเองไม่ให้ยัดลงท้องเร็ว ๆ ไม่อยากถูกแซวว่าไปตายอดตายยากจากไหน
อารอล์ฟบอกว่าจะแวะไปกับไรเดอร์เพื่อเอาสมุดรายงานไปแก้ไขก่อนจะตามเธอไปทีหลัง ก่อนจากกันก็กำชับว่าจำทางไปบ้านพักได้ใช่ไหมซึ่งเธอก็บอกไปว่าสบายมาก
ระหว่างทางแม้จะมีต้นไม้แต่ก็ไม่ได้บดบังทัศนวิสัยแสงจากดวงงจันทร์แถมยังมีคบเพลิงวางตามรายทางไม่ได้มืดเสียทีเดียว
“ถ้าเจ้าสงสัยข้าขนาดนั้นทำไมไม่มาถามข้าเองตรง ๆ ละเจ้าหนู”
ร่างเล็กสะดุ้งโหยงไม่คิดว่าจะมีคนบ้าที่ไหนมายืนหลบมุมมืดแล้วทักขึ้นมาท่ามกลางบรรยากาศวังเวงนิด ๆ แบบนี้ ถ้าไม่เห็นปลายเส้นผมสีเขียวแสบตาพริ้วไหวเกรเทลก็คงคิดว่าเป็นผีไปแล้ว
แม้ว่าเพิ่งจะหัวค่ำแต่ยังพอมองเห็นว่าเจ้าเด็กทาสหนุ่มคนนี้ได้อาบน้ำเปลี่ยนชุดเรียบร้อยแล้วภายใต้เสื้อเชิ้ตหลวมโครงที่ข้อแขนมีรอยสักเถาวัลย์ดอกกุหลาบโผล่แลบออกมาเล็กน้อย เขาขมวดคิ้วรู้สึกสงสัยแต่ก็ไม่ได้ใส่ใจมัน
เขาเดินออกมาจากใต้ต้นไม้ตรงมายังพื้นที่ที่สว่างขึ้น
“คุณ…ไม่สิ ท่านแอบฟังพวกข้าเหรอ?”
“เปล่าหรอกบังเอิญข้าผ่านไปได้ยินพอดีต่างหาก” เขายิ้มเยาะ
ปกติเขาจะกินข้าวที่บ้านพักตนเองแต่วันนี้เขาเพิ่งจะรับคนตรงหน้ามาเป็นลูกน้องแถมมันยังสร้างวีรกรรมไว้เป็นของขวัญชิ้นโบแดงจึงต้องหอบเอาจานข้าวมานั่งแอบกินอยู่ตรงพุ่มไม้ข้างโรงอาหาร
ชายหนุ่มยังต้องจับตาดูเด็กนี้ไม่ให้คลาดสายตา
“ท่านไม่รู้หรือไงว่ามันเสียมารยาท”
เกรเทลเอ่ยเตือนสติแต่สีหน้าและท่าทางของอีกฝ่ายยังทำลอยหน้าลอยตาล้อเลียนเธอไม่หยุด
…ไอ้หมอนี่มันกวนตีน…
รอยยิ้มของเขาทำให้เธอรู้สึกหมั่นไส้จนอยากเอาเล็บข่วนหนังหน้าให้รู้แล้วรู้รอดรู้สึกไม่ถูกชะตาอย่างแรง
“อืม…นั้นสินะ”
คำพูดทีเล่นทีจริงของอีตาหัวเขียวพาลทำเอาเธอปวดกบาลขนาดเจอหน้ายังไม่ถึงสองนาทีก็ชวนปวดหัวจะแย่
“ถ้าท่านไม่มีธุระอะไรข้าก็ขอตัวไปพักผ่อนนะค…ขอรับ”
แม้ว่าเกรเทลจะกดเสียงให้ทุ้มต่ำตลอดเวลา แต่เมื่อกี้ใจหายแวบหล่นไปอยู่ตาตุ่มที่เธอเกือบหลุดพูดคำว่า ‘นะคะ’ ออกมา แต่ดูเหมือนวอลล็อคจะไม่สงสัยเธอเพราะเขายังแสดงหน้าเดิมไม่เปลี่ยนแปลง
สีหน้ากวนตีน
------
คอมเมนต์เป็นกำลังใจให้ไรท์ได้นะคะ
หากพบคำผิด แก้ไขติชมโปรดคอมเมนต์อย่างสุภาพไรท์ยินดีปรับปรุงแก้ไขค่ะ
***
Talk with writer
โถ่ว พ่อหนุ่มอารอล์ฟหนูห่วงใยเพื่อนใหม่ขนาดนี้เอารางวัลเพื่อนดีเด่นสาขาสันติภาพไหม
ดิฉันพยายามปั่นต้นฉบับอยู่นะคะ จะบอกว่าคิดเนื้อเรื่องยากกว่าคิดพล็อตอีกค่ะ55555
****
แวะมาพูดคุยเล่นหรือดูอัพเดตเกี่ยวกับนิยายไรท์ได้ที่
Facebook : C.T.Tiana
X (Twitter) : @Ccttiana