6 คนมีความผิดจะต่อรองอะไรได้
เธอรู้ว่าตัวเองเสียเปรียบเป็นอย่างมาก พลังกำลังตอนนี้มีไม่เยอะเพราะไม่ได้กินอะไรเลยแม้กระทั่งน้ำ
น้ำหนักจากโซ่คล้องคอยิ่งเป็นตัวถ่วงให้เธอวิ่งช้าลงกว่าเดิม และสิ่งที่เธอเพิ่งค้นพบล่าสุดคือตัวเธอมีบาดแผลที่ฝ่าเท้าตั้งแต่เมื่อไรไม่รู้
คงเป็นมาก่อนหน้านี้โดยไม่ทันได้สังเกต เมื่อบาดเจ็บและไร้เรี่ยวแรงยิ่งตอกย้ำว่าการหลบหนีอาจสำเร็จได้ยาก
เกรเทลวิ่งไปหลบอยู่หลังกระโจมสีทึบหลังหนึ่งห่างไม่ไกลจากทางออก ตลอดทั้งวันเธอแอบฟังและสังเกตรอบ ๆ พบว่าที่นี่เป็นเหมือนย่านค้าทาสขนาดใหญ่ มีทางเข้าออกเพียงทางเดียว
อาศัยความมืดบริเวณนั้นซ่อนตัว ได้ยินเสียงวิ่งวนไปมา เสียงตะโกนดังโหวกเหวก บรรยากาศตึงเครียด อัตราการเต้นหัวใจพุ่งสูง
เด็กสาวนั่งขดตัวให้เล็กที่สุด ฟังเสียงไปอีกสักพักแล้วชะโงกหน้าออกไปดู เมื่อมั่นใจว่าไม่มีใครจึงรีบลุกขึ้นแล้ววิ่งไปที่ทางออก
ระยะจากจุดที่เธอหลบกับทางออกไม่ได้ไกลมาก แต่ทำไมยิ่งเธอวิ่งเข้าไปใกล้มากแค่ไหนมันกลับค่อย ๆ ถอยห่างออกไป
บรรยากาศรอบข้างดูซ้ำไปมาทำให้รู้ว่าเธอวิ่งวนกลับมาอยู่ที่เดิม
…เป็นไปได้ไง?…
“คิดว่าข้าจะโง่ปล่อยให้ทาสหลุดมือไปได้โดยไม่ป้องกันงั้นหรือ”
เสียงทุ่มต่ำเอ่ยขึ้นจากด้านข้าง เขายืนมองนิ่ง ๆ มาที่เธอด้วยสายตาเย้ยหยัน
“อุตส่าห์ใจดีชวนมาทำงานด้วย แต่ข้าขอยอมรับว่ามีความพยายามดี”
เขาเดินตรงเข้ามาแล้วคว้าต้นคอของเกรเทลแล้วยกขึ้น
“งั้นข้าสรุปเองเลยแล้วกันว่าเจ้าปฏิเสธข้อตกลงข้าเมื่อครู่”
เหมือนเธอเห็นเงามัจจจุราชลาง ๆ กำลังคืบคลานมา น้ำเสียงทุ่มต่ำติดจะแหบพูดด้วยความใจเย็น
จากสถานการณ์ที่พังไม่เป็นท่าสุดท้ายเกรเทลถูกจับยัดเข้ากรงเหมือนเดิม เพิ่มเติมโดนล็อคโซ่ที่ข้อมือและข้อเท้า
แม่งเป็นประสบการณ์ชีวิตที่หาไม่ได้ที่ใด
หลังจากหลบหนีครั้งแรกไม่ประสบความสำเร็จตามที่วางแผนเกรเทลก็หาได้เข็ดไม่ นางยังคงวางแผนที่สองต่อโดยทันทีแม้ว่าอุปสรรครอบนี้จะมีตัวถ่วงเพิ่มเข้ามาอย่างโซ่ตรวนข้อมือข้อเท้า
เธอจะไม่ยอมแพ้ตราบใดที่ยังหลุดออกไปไม่ได้แต่ก็ไม่อยากคาดหวังมากจนทำให้เจ็บใจทีหลัง
“อันนี้ของเอ็ง”
เสียงผู้คุมดังขึ้นเหนือหัวในมือเขายื่นขนมปังหนึ่งก้อนกับถ้วยน้ำเปล่าขนาดเล็กลอดผ่านซี่กรงเข้ามาให้ เธอจึงเอื้อมมือออกไปรับเงียบ ๆ เมื่อเสร็จหน้าที่เขาก็เดินจากไปส่งอาหารให้กับทาสคนอื่นต่อ
แม้ว่าขนมปังจะแข็งฝืดคอไปบ้างเกรเทลก็รีบจัดการอาหารในมือ รู้สึกเหมือนตนเองจะเป็นลมไปทุกทีเพราะเรี่ยวแรงถูกใช้กับการวิ่งหนีก่อนหน้านี้ อย่างน้อยมันก็พอประทังชีวิตไม่ให้เธออดตายไปเสียก่อน
“ค่อย ๆ กินเดี๋ยวก็ติดคอหรอกไอ้หนู” เสียงทุ้มคุ้นหูเอ่ยทัก
ร่างเล็กค่อย ๆ เงยหน้าไปมอง ในใจสงสัยว่าเขามายืนอยู่ตรงนี้ตั้งแต่เมื่อไร
“ข้าแปลกใจนักว่าร่างผอมแห้งอย่างเจ้ายังมีแรงวิ่งหน้าตั้งได้ขนาดนั้น”
เกรเทลเพิ่งมีโอกาสได้สังเกตอีกฝ่ายชัด ๆ ว่าตัวเขาค่อนข้างสูงใหญ่ นอกจากมีดีที่หน้าตาและทรงผมแล้วเสื้อผ้าก็จัดอยู่ในหมวด…ดำล้วน
เสื้อแขนยาวสีดำดูรุ่มร่ามกับกางเกงขายาวสีดำที่ดูขาด ๆ คาดด้วยเข็มขัดหนัง สวมรองเท้าบูตยาวครึ่งน่องทำให้ภาพลักษณ์อีกฝ่ายดูน่าเกรงขาม
เขาเดินมาใกล้แล้วย่อตัวนั่งย่อง ๆ ตรงหน้า
“ว่าไงคุยด้วยทำไมไม่ตอบ”
“…”
สายตาที่มองมาทำให้เธอรู้สึกกดดันพอสมควรถึงเขาจะเหมือนมาดีแต่เธอก็ไม่ไว้ใจ
“ตามใจ”
เขายักไหล่ไม่ใส่ใจกับท่าทีของเด็กตรงหน้าแล้วเตรียมลุกขึ้นยืนเพื่อเดินไปทำงานของตนเองต่อ
“เดี๋ยวก่อน!”
เสียงเล็กเบา ๆ ติดแหบร้องเรียกจนเขาต้องหยุดชะงัก เกรเทลพยายามกดเสียงในลำคอให้ทุ้มต่ำที่สุดเท่าที่เธอจะทำได้ ในเมื่ออีกฝ่ายเข้าใจว่าเธอเป็นเด็กผู้ชายฉะนั้นก็จงเป็นเด็กผู้ชายให้สมใจ
“คือ…คุณ ไม่สิ ท่าน”
ตั้งแต่เธอฟื้นขึ้นมาคนที่นี่ส่วนใหญ่จะใช้คำสรรพนามเรียกกันแบบนี้
“ที่ท่านเคยบอกว่าอยากให้ข้าไปทำงานด้วยจริงไหม”
นาทีนี้เป็นใครก็คงต้องรีบคว้าโอกาสไว้แต่สำหรับเธอมันอาจจะเป็นโอกาสที่ช่วยให้ออกไปจากที่นี่ได้เร็วยิ่งขึ้น
“หื้ม? เจ้าเพิ่งนึกได้หรือ”
ชายหนุ่มทำหน้าครุ่นคิดส่วนมือก็ลูบคางไปด้วย เกรเทลจ้องมองปฏิกิริยาของคนตรงหน้าด้วยใจที่ลุ้นระทึกผ่านไปสักพักประโยคที่เขาเอ่ยออกมาดันทำเอาเธอปวดหัวจี๊ด
“พอดีว่าข้าปิดรับสมัครคนงานแล้วด้วยสิไอ้หนู”
“…”
เขากระชากยิ้มเย้ยหยันใส่คนในกรงเหล็กรู้สึกสนุกกับการได้เห็นสีหน้าตลก ๆ ที่มันแสดงออกมา
“อีกอย่างเจ้าก็เพิ่งก่อเรื่องไปมิใช่หรือ ข้าจะไว้ใจเจ้าได้อย่างไร”
เกรเทลเม้มปากคิดวิตกดูท่าว่าผู้ชายคนนี้จะคุยด้วยยาก การเจรจาโหดหินกว่าตอนเธอไปสัมภาษณ์งานที่บริษัทเสียอีก
“ข้าไม่มีอะไรแลกแต่ข้าช่วยงานท่านได้ ปัด กวาด เช็ด ถูก ข้าทำได้หมด”
ท่าทางที่ดูตั้งใจนำเสนอสรรพคุณโอ้อวดของเด็กที่น่าจะอายุน้อยกว่าทำให้เขาอยากปั่นประสาทต่ออีกนิด
“แต่ข้าก็มีแม่บ้านอยู่แล้ว เจ้าจะมาแย่งงานนางหรือ?” ท้ายรูปประโยคเขาจงใจส่งเสียงให้สูงขึ้น
“ไม่ขอรับท่านไม่ต้องจ่ายค่าจ้างข้าก็ได้ขอแค่อาหารและที่นอน ข้ายินดีช่วยงานทุกอย่างที่ท่านสั่ง”
เธอไม่รู้จะหว่านล้อมอะไรเขาแล้วถึงแม้ว่าจะเพิ่งกินขนมปังแข็ง ๆ นั้นไป แต่มันก็ไม่ได้ช่วยให้หายหิวขนาดนั้นอย่างมากก็รองท้องเล็กน้อย ส่งผลให้การคิดวิเคราะห์ทำงานได้ไม่เต็มประสิทธิภาพ
“หึ ก็ได้ถือสะว่าข้ามีน้ำใจก็แล้วกัน เห็นว่าเจ้าใจกล้าหน้าด้านขอร้องทั้งที่เพิ่งก่อเรื่องไป”
เกรเทลแทบจะร้องเฮ้ดีใจออกมาทันทีเมื่อเขารับข้อเสนอเธอ
“เฮ้ยเฟียซ! เอ็งไปเอากุญแจมาไขกรงตรงนี้ทีแล้วก็อย่าลืมเอาลูกกุญแจข้อมือข้อเท้ามาด้วยนะ”
เขาหันไปตะโกนเรียกคนในปกครองเสียงดังจนคนทั่วบริเวณนั้นทำสีหน้าฉงนสงสัย ไม่นานชายที่ชื่อเฟียซก็เดินมาไขให้เธอ
“อ่อ เผื่อเจ้ายังไม่รู้ว่านายเจ้าชื่อวอลล็อคจำใส่กะโหลกน้อย ๆ ไว้ด้วยนะ”
ไม่พูดเปล่าเขายังใช้สันข้อนิ้วชี้มาเคาะหัวเธอไปสองที
“เฟียซเจ้าหางานให้ไอ้เด็กนี้ด้วยนะ…แล้วก็จับตาดูมันไว้อย่าให้คลาดสายตา”
ประโยคสุดท้ายเขากระซิบเสียงเบาไม่ให้เธอรู้
“ได้ครับนาย”
ร่างสูงเดินจากไปทิ้งให้เธอยืนอยู่กับลูกน้องสนิท เขาเป็นชายหนุ่มที่ดูแล้วคงอายุไม่ห่างจากเธอเท่าไร เนื้อตัวสะอาดสะอ้าน มีรอยยิ้มที่อบอุ่น หางตามีไฝขี้แมลงวันเม็ดเล็ก ๆ ดูเป็นมิตรกว่าเจ้านายตั้งเยอะ
“เจ้าชื่ออะไร?”
“เกรเทลขอรับ” เธอขานรับอย่างนอบน้อม
“เฮ้ยไม่ต้องพูดดีขนาดนั้นข้าก็แค่ลูกน้อง ข้าชื่อเฟียซเป็นรองหัวหน้าที่นี่”
เด็กสาวพยักหน้ารู้สึกผ่อนคลายลงเธอพิจารณาชายที่ยืนอยู่ตรงหน้าเบื้องต้น อีกฝ่ายไม่ได้ถือตัวดูเขาจะชิว ๆ ไปเสียทุกอย่างยืนเท้าเอวกระดิกเท้าสบายใจ
“ดูแล้วเจ้าก็น่าจะอายุน้อยกว่าข้า แต่ช่างเถอะเดินตามข้ามาจะพาไปที่พัก”
เกรเทลเดินตามเฟียซไปเงียบ ๆ ตลอดเส้นทางเธอก็ลอบสังเกตสภาพแวดล้อม ทุกอากัปกิริยาของเธออยู่ในสายตาของเขา
แต่ก่อนที่เราจะเดินไปกันเขาขอแวะไปเอาข้าวของต่าง ๆ จากกระโจมเก็บของที่จะให้เจ้าเด็กใหม่คนนี้เสียก่อน เกรเทลเห็นว่ามันเป็นถุงผ้าดิบสีตุ่นขนาดไม่ใหญ่มากถูกแบกอยู่บนหลังเฟียซ
มันเป็นลานกว้างที่มีการตั้งเป็นบ้านพักขนาดไม่เล็กไม่ใหญ่ สไตล์เรียบง่าย บ้านทำจากไม้สนดูแข็งแรงทนทานต่อฟ้าฝน
“ถึงแล้วเจ้าอาศัยอยู่หลังนี้แล้วกัน อยู่กับเจ้ารอล์ฟ”
“รอล์ฟ?”
ร่างเล็กขมวดคิ้วสงสัยขอเดาว่าคน ๆ นี้คงจะเป็นรูมเมตของเธอ
“เพื่อนร่วมบ้านพักเจ้านั่นแหละตอนนี้มันน่าจะออกไปขนของให้นาย”
เธอพยักหน้าเข้าใจ
“วันนี้เจ้ายังไม่ต้องทำงานพักกินข้าวอาบน้ำอาบท่าเสีย พรุ่งนี้ค่อยเริ่มงานไม่ก็ไปถามงานจากไอ้รอล์ฟก็ได้”
พูดเสร็จเฟียซก็ยื่นถุงผ้าที่เอามาจากกระโจมให้เธอ ข้างในจะเป็นพวกเสื้อผ้าและของเครื่องใช้จำเป็นอย่างแปรงสีฟัน สบู่ ผ้าเช็ดตัว แม้ว่าจะไม่ได้ใหม่เอี่ยมแต่ก็ดีกว่าใส่ชุดเก่าที่ไม่รู้ว่าสวมมานานแค่ไหน
“แล้วก็เดี๋ยวสักประมาณ 5 โมงเย็นเจ้าก็เดินไปตามทางข้างหน้านะ มันจะมีโรงครัวอยู่สำหรับคนงานและอย่าไปช้าเชียวข้าวหมดไว”
“ขอบคุณท่านมาก”
เธอกล่าวขอบคุณในความใจดีของเขา
ตั้งแต่ที่เห็นเจ้าเด็กคนนี้ชายหนุ่มก็รู้สึกเอ็นดูมันพอสมควรคงเป็นเพราะบุคลิกลักษณะคล้ายน้องสาวที่เสียไปเมื่อสามปีก่อนด้วยโรคหัวใจ
แม้ว่ามันจะเป็นเด็กผู้ชายแต่ดูแล้วคงอายุไม่ห่างจากน้องสาวเท่าไรนัก ถ้าเธอยังมีชีวิตอยู่คงจะชอบท่าทางมันจนรบเร้าขอให้ทำความรู้จักเป็นแน่แท้
“อืม ถ้าไม่มีอะไรแล้วงั้นข้าไปทำงานก่อน”
เมื่อเขาเดินจากไปเธอก็หันหลังไปมองบ้านพักหลังใหม่ เป็นบ้านไม้มีหลังคา มีหน้าต่าง 4 บานซ้ายขวา ทางเดินขึ้นบ้านมีราวรั้วกันตกที่ทำจากไม้ไผ่
…ดูดีกว่าที่คิด…
ถ้าไม่บอกว่าเป็นบ้านพักคนงานเธอก็คิดว่าเป็นบ้านพักชาวบ้านทั่วไปคิดว่าจะต้องไปนอนพื้นดินรวม ๆ กันเสียอีก แบบนี้ก็ดีเธอจะได้ไม่ต้องไปเจอคนเยอะ ๆ เวลาพักผ่อนตอนกลางคืนดี
เธอยังไม่อยากโดนจับได้ว่าเป็นผู้หญิงตอนนี้
เกรเทลหอบเอาถุงผ้าที่ไม่หนักไม่เบาก้าวเท้าขึ้นบันไดบ้านแล้วเดินไปเปิดประตู
เมื่อเดินเข้ามาสิ่งแรกที่เห็นคือบ้านค่อนข้างกว้าง มีเตียงสองหลังวางคนละฝั่ง ใกล้กันเป็นพวกตู้เล็ก ๆ ที่คาดว่าคงเอาไว้เก็บของใช้ส่วนตัวคนละใบวางอยู่ข้างหัวเตียงอีกทั้งยังมีตู้เสื้อผ้าคนละใบ
เตียงฟากซ้ายถูกจับจองไปเรียบร้อยแล้วจึงเหลือฟากขวาที่ดูเป็นระเบียบไม่มีการร่องรอยถูกใช้งาน ซึ่งก็ดีที่ไม่ต้องมานอนติด ๆ กันให้อึดอัดใจอย่างน้อยก็มีพื้นที่ส่วนตัวของใครของมันบ้าง
เจ้านายคนใหม่ของเธอคงจัดการระบบภายในเป็นอย่างดี บ้านพักที่นอนรวมกันแค่สองคนไม่แออัด ดูผ่อนคลายสบายใจ ถ้าไม่นับเรื่องค้าทาสเขาคงกลายเป็นเจ้านายที่มีความทันสมัยคนหนึ่งเลย
เธอวางข้าวของลงบนเตียงแล้วเอนตัวลงนอนอย่างหมดแรงอยากลุกไปอาบน้ำแต่ไม่มีแรง
…หิวข้าวจังแต่ยังไม่ถึงเวลา เฟียซบอกว่ามีโรงอาหารให้สินะ…
ท้องยังส่งเสียงร้องออกมาเบา ๆ ขนมปังก้อนนั้นไม่พอยาไส้ไหนจะน้ำถ้วยเล็ก ๆ นั้นอีกแค่คิดก็รู้สึกแย่
“เจ้าเป็นใคร?”
เกรเทลชะงักเพราะได้ยินเสียงทุ้มนุ่มดังขึ้นจากหน้าประตูบ้านพักจึงชะโงกหน้าจากเตียงขึ้นมาดูเป็นชายร่างสมส่วนไม่ผอมแต่ก็ไม่อ้วน มีกระขึ้นเต็มใบหน้า
กลัวเสียมารยาทเธอจึงรีบลุกขึ้นยืนเพื่อแนะนำตัวเองกับเขา ก่อนจะพูดก็กระแอมเสียงเล็กน้อยให้ทุ้มต่ำที่สุด
“ข้าเกรเทลเป็นรูมเมตของเจ้าคือข้าเพิ่งมาใหม่ฝากตัวด้วยนะ”
“อ่อ เจ้าคือทาสที่คนอื่นเขาพูดนี่เอง”
ไม่คิดว่าข่าวมันจะไปเร็วขนาดนี้ก็อย่างว่าเธอเล่นกระชากโซ่เพื่อหนีออกไปแถมยังหน้าด้านของานจากเจ้านายที่นี่อีกไม่ถูกพูดถึงคงแปลกพิลึก
“เออ…คงใช่ข้าเองแหละ”
เกรเทลเขินอายเล็กน้อยคาดว่าเธอจะกลายเป็นหัวข้อสนทนาหลังจากนี้แน่ ๆ สงสัยหลังจากนี้ต้องไม่ทำตัวให้เป็นจุดสนใจเสียแล้วไม่งั้นแผนการหลบหนีคงพังอีกครั้งเธอยังไม่อยากลำบาก
“ข้าชื่ออารอล์ฟหรือเรียกสั้น ๆ ว่ารอล์ฟก็ได้ข้าไม่ถือ”
------
คอมเมนต์เป็นกำลังใจให้ไรท์ได้นะคะ
หากพบคำผิด แก้ไขติชมโปรดคอมเมนต์อย่างสุภาพไรท์ยินดีปรับปรุงแก้ไขค่ะ
***
Talk with writer
ตอนเขาให้งานหล่อนทีแรกทำไมหล่อนไม่รับไปล่ะสาว เป็นไงแกสภาพพพพ ดีแค่ไหนเขายังกล้ารับคนแบบแกเข้าทำงาน แต่อย่างไรก็ตามมันก็ไม่สามารถล้มความตั้งใจในการหนีได้หรอกค่ะ5555
****
แวะมาพูดคุยเล่นหรือดูอัพเดตเกี่ยวกับนิยายไรท์ได้ที่
Facebook : C.T.Tiana
X (Twitter) : @Ccttiana