5 ยินดีต้อนรับสู่วอลล็อค
อากาศแจ่มใสเหมาะแก่การพักผ่อนหรือออกไปเที่ยวเล่น เสียงนกขับขานร้องเรียกหากัน เสียงจั๊กจั่นส่งเสียงปลุกให้คนขี้เซาลุกขึ้นจากเตียงนอน
“อืม…”
ร่างเล็กพลิกขยับเพราะนอนไม่สบายตัว เสียงงัวเงียบ่งบอกถึงว่าไม่พร้อมตื่น มือเล็กคลำหาผ้าห่มผืนโปรด แต่ควานหาเท่าไรก็ไม่เจอ จำใจปรือตาข้างหนึ่งขึ้น พลันสับสนเล็กน้อยเมื่อภาพที่เห็นไม่ใช่ห้องนอนตนเอง จึงลืมตาอีกตาขึ้นเพื่อมองให้ชัด ๆ
…กรง?…
เป็นคำแรกที่นึกออกแต่ทำไมกัน ถ้าเป็นการ์ตูนคงมีเครื่องหมายคำถามโผล่โชว์อยู่เหนือหัวเธอ เกรเทลจึงยกศีรษะขึ้นเพื่อมองไปรอบ ๆ
กรงเหล็กขนาดพอดีสำหรับหนึ่งคน ภายในมีกองฟางทำเป็นเบาะรอง รอบนอกมีกรงแบบเธออีกเป็นสิบเรียงราย
เธอขมวดคิ้วหนักนี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ทำไมเธอมาอยู่ในนี้ได้
มือบางลูบใบหน้า เริ่มเครียดจัด ไม่รู้จะทำยังไงต่อ พลันก็เหลือบสายตาไปเห็นผู้ชายยืนอยู่ไกล ๆ ดูเหมือนจะเป็นผู้ดูแล
“เฮ้คุณ! ที่นี่ที่ไหน?”
เสียงตะโกนแหบแห้งเหมือนคนขาดน้ำมาแรมปีเรียกดังพอที่อีกฝ่ายจะหันมาสนใจ
เป็นชายรูปสมส่วน กะด้วยสายตาเธอมั่นใจว่าสูงเฉียด 190 ซม. แน่นอน พอลากสายตามองดี ๆ เขามีผมสีเขียวโดดเด่นแปลกตา
…เหมือนตะไคร่น้ำดี ๆ นี่เอง…
สำหรับเกรเทลการที่คนเราจะทำผมสีนี้ได้ต้องฟอกผมไปกี่รอบกันถึงจะได้เขียวเบอร์นี้
ไม่พอยังต้องมั่นหน้าระดับหนึ่งด้วย ต่อให้มั่นใจแค่ไหนถ้าเบ้าหน้าไม่ฟ้าประทานก็ไม่รอดเหมือนกัน
แต่เผอิญว่าชายผู้นี้เข้าข่ายหล่อจัด อยู่ในหมวดระดับเกินมาตรฐานทั่วไป
“อะไรกันถูกขายมาแต่ไม่รู้เลยหรือไง”
นายหัวเขียวเดินมาหยุดอยู่หน้ากรงเนื่องจากเขาไม่อยากตะโกนคุยกับเจ้าเด็กผอมกะหร่องนี่
“ขาย?”
ดูจากสีหน้าเด็กมันคงไม่เข้าใจคำตอบงั้นเขาจะอนุเคราะห์บอกให้ก็แล้วกัน
“เออ นี่เจ้าความจำเสื่อมหรือไง ช่างเถอะข้าจะบอกให้เอาบุญ ที่นี่คือตลาดค้าทาสโมเบียสจำใส่กระโหลกไว้ด้วยล่ะ”
“...”
เมื่อเห็นหน้าตาซีดเซียวของคู่สนทนาเขากลับรู้สึกสมเพชเลยแสยะยิ้มร้ายออกมา ถูกขายมาขนาดนี้ยังไม่รู้ตัวเลยโคตรน่าสงสาร
“ยินดีต้อนรับสู่วอลล็อค”
พูดเสร็จเขาก็หันหลังไม่สนใจปฏิกิริยาของเธออีก
เกรเทลไม่เข้าใจสถานการณ์เท่าไรว่าทำไมเธอถึงถูกขายมาไม่ใช่ว่าค้าทาสมันหมดไปแล้วเหรอ
“ที่ไหนอีกเนี่ย โดนลักพาตัวเหรอ?”
เด็กสาวนั่งพึมพำกับตนเองพยายามคุมสติไม่ให้แตกกระเจิง แม้ภายในใจจะกระวนกระวายจนแทบบ้า
เธอเริ่มมองไปรอบ ๆ อีกครั้ง แต่ละกรงจะมีคนอยู่ สภาพผอมแห้ง บ้างก็หนังหุ้มกระดูก บางคนมีบาดแผลตามร่างกายน่าเวทนา ความกลัวเริ่มกัดกินภายในจิตใจร่างเล็ก
ไม่รู้ว่าวอลล็อคคือที่ไหนบนโลก รัฐใหม่ หรือประเทศ แต่ที่สำคัญเธอฟังภาษาที่ชายเมื่อครู่นี้พูดออกหมดทุกคำ เกรเทลไม่เคยเรียนภาษาอื่น มันจึงเป็นไปไม่ได้ที่จะฟังรู้เรื่อง เกิดอะไรขึ้นกับเธอกันแน่
ร่างเล็กเขยิบตัวไปชิดกรงเหล็กเพื่อที่จะได้มองเห็นรอบข้างได้ชัดขึ้น พระอาทิตย์ใกล้ตกดินรายล้อมไปด้วยทะเลทรายแห้งแล้ง
...ฝัน?...
เพื่อให้แน่ใจจึงหยิกแขนตัวเองอย่างแรง แม้กระทั่งลองตบหน้าจนแดง แต่ความเจ็บเป็นเครื่องยืนยันชัดเจน
พลันสายตาเหลือบเห็นรอยสักสีดำบนข้อมือซ้าย เป็นลายหนามกุหลาบพันกันจนรอบทั้งข้อมือ ยังมีอักขระที่เธออ่านไม่ออกเรียงควบคู่กัน
…หรือว่าเมื่อคืนเผลอไปร้านเหล้าแล้วเมาจนจำไม่ได้ว่าแอบไปสักมา?…
ลวดลายมันสวยจนเธอนึกชมว่ากว่าจะได้ขนาดนี้ช่างคนนั้นต้องสะสมประสบการณ์ไม่รู้มานานแค่ไหน
แต่เพราะมันดูสะดุดตาและเธอก็ไม่ชินกับมันมากนักจึงดึงแขนเสื้อลงมาปิด ด้วยความที่ว่าแขนเสื้อมันไม่ใช่ขนาดพอดีตัวจึงเลยยาวไปกว่ามือเล็กน้อย
ต่อให้ฉันไปสักมาจริงก็เถอะใครจะไปชิน
เกรเทลนั่งนึกย้อนเหตุการณ์ล่าสุดที่พอจำได้ เธอมั่นใจว่ายืนอยู่ที่ป้ายรถเมล์แล้วทะเลาะกับพี่ชายในสายหลังจากนั้นก็จำอะไรไม่ได้อีกเลย
ความทรงจำที่หายไปก่อนหน้านี้ทำให้เธอเริ่มกังวลว่าเกิดอะไรขึ้นกับตนเอง
แต่เมื่อพิจารณาดูมือตนเองอีกรอบก็พบว่ามันหยาบกร้าน เรียวเล็ก แถมข้อมือผอมแห้งติดกระดูก
เธอเริ่มตื่นตระหนกเพราะเธอไม่เคยมีรอยแปลเป็นเป็นทางยาวที่ท้องแขนซ้าย พอลองจับร่างกายไล่ไปตั้งแต่ผมยันขาท่อนล่างชัดเจนเลยว่า
…นี่มันร่างคนอื่น…
แน่นอนว่าจากผมบลอนด์สั้นประบ่ากลายเป็นผมดำซอยสั้นที่เกือบจะกลายเป็นรองทรงต่ำ แม้เสียงจะดูแหบแห้งคล้ายผู้ชายแต่ก็ยังพอมีเค้าลางความหวานฉบับผู้หญิง
เหตุการณ์สุดจะเหลือเชื่อจนไม่น่าเป็นไปได้ทำให้เกรเทลเริ่มสติแตก เธอกำลังอึ้งว่าควรทำตัวยังไงต่อไปในเมื่อมาอยู่ร่างใครก็ไม่รู้กับนางกำลังโดนขายไปเป็นทาส
ความกลัวกัดกินจิตใจไปทีละเล็กทีละน้อยเธอรู้สึกเหมือนหายใจลำบากเนื่องจากอาการตื่นตระหนก
กว่าจะกลับมามีสติก็ผ่านไปหลายนาที
เกรเทลไม่รู้ว่าเดิมทีร่างนี้เป็นใครมาก่อนแต่พอสรุปได้ว่าคงถูกขายมาอีกทอด แล้วการที่เธอมาอยู่แทนที่ แสดงว่าไม่เจ้าของเดิมตายก็อาจจะวิญญาณหลุดลอยไปที่ใดสักที่
ดูจากสภาพร่างกายผอมหนังติดกระดูก เนื้อตัวมีรอยฟกช้ำดำเขียว บาดแผลมีทั้งแผลสดและแผลเป็น ร่างกายคงอดน้ำอาหารมานานไหนจะเจ็บป่วยทางกายอีก
ท้องเริ่มประท้วงเพราะรู้สึกหิวข้าวและน้ำเป็นอย่างมากแม้ภายในจิตใจและจิตวิญญาณของเธอจะแข็งแกร่งแค่ไหน ถ้าสังขารล่อแล่แบบนี้ในไม่ช้าเธอคงได้ไปเฝ้ายมบาทจริง
บ้าบอคอแตกยิ่งคิดยิ่งไม่เข้าใจ ตอนนี้ต้องหาทางออกไปจากกรงให้เร็วที่สุดก่อนจะโดนขายทอดตลาดค้าทาสตามที่อีตาหัวเขียวนั้นพูด
เธอไม่มีทางยอมไปเป็นคนรับใช้หรือเป็นทาสให้พวกเศรษฐี
สมัยนี้ไม่น่าจะมีการค้าทาสเว้นเสียแต่ตลาดมืด ฮันเซลเคยเล่าให้ฟังอยู่บ่อย ๆ ตอนที่เขาพยายามจะซื้อปืนมาเก็บไว้เพราะของบางอย่างหาตามตลาดมืดง่ายกว่า
เด็กสาวเลือกที่จะนั่งนิ่ง ๆ สังเกตการณ์รอบตัวแทน ในหัวก็วิเคราะห์ความเป็นไปได้ที่จะสะเดาะแม่กุญแจหนี
จากค่ำคืนสู่ยามเช้า จากยามเช้าสู่เที่ยงวัน แสงจากพระอาทิตย์ส่องกลางหัว อากาศร้อนระอุเมื่ออยู่ท่ามกลางทะเลทราย ความโหดของมันทำให้เธอเริ่มขาดน้ำกว่าเดิมเพราะตั้งแต่ตื่นมายังไม่มีอะไรตกถึงท้องเลย
เหมือนว่าที่นี่บังคับให้อดน้ำและอาหารเพื่อไม่ให้มีแรงหลบหนี
เด็กสาวเฝ้าดูมาตลอดทั้งคืน การที่จะเปิดกรงได้มีเพียงแค่สองกรณีเท่านั้นคือ ตายแล้วกับถึงคิวนำไปประมูลขายที่ลานกว้าง แต่จะมีช่วงที่ผู้คุมมานำทาสไปเข้าห้องน้ำแค่เวลาเดียวเท่านั้นคือตอนเย็นหรือเช้าสลับกัน
ช่องโหวงตรงนี้เธอต้องกะเวลาให้พอดี ความยากอยู่ที่ผู้คุมจะคุมตัวคนต่อคน แม้จะทำธุระส่วนตัวแต่ก็จะยืนจับโซ่คล้องคอเอาไว้ตลอดเวลา
…ทำยังไงถึงจะกระชากโซ่ให้หลุดจากมือผู้คุม?…
คิดแล้วเสียวคอหวาบเพราะก่อนหน้านี้เธอลองพยายามงัดมันแล้ว สรุปรอบคอถลอกแดงเจ็บแสบไปทั้งทรวงแถมมีเลือดเล็กน้อย
เลิกทำค่ะสาว
ตามคิวแล้วเธอจะถูกนำไปประมูลขายตอนเย็นในอีก 1 อาทิตย์ ฉะนั้นเธอต้องวัดดวง ภาวนาว่าแต้มบุญที่สะสมมาจะยังไม่หมดเอาในตอนนี้หรอกนะ ยอมไปตายเอาดาบหน้าดีกว่า ยังไงเธอปรับตัวเข้ากับสภาพแวดล้อมได้ง่าย
โอ้จีซัส อมิตาพุทธ พระอัลเลาะห์ พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ โปรดช่วยลูกด้วย
เมื่อเวลาที่รอคอยก็มาถึง เกรเทลจึงขอเข้าห้องน้ำบ้าง โชคดีที่คนมาคุมเธอเป็นผู้ชายร่างเล็กผอมแห้งมาก ดูเขาขี้โรคชัดเจนเหมือนว่าสวรรค์จะยังใจดีกับเธอ ก้อนเนื้อทางซ้ายเต้นตึกตักโล่งอกที่ไม่ใช่ผู้ชายหุ่นหนาตัวใหญ่ ไม่งั้นคงลำบากกว่านี้เป็นร้อยเท่า
“เฮ้ เมื่อกี้ของที่โกดังหายช่วยไปหาที” อยู่ ๆ ก็มีเสียงเรียกให้คนทั้งคู่ต้องหันไปมอง
…นายหัวผัก…
ใช่ มันเป็นสมญานามที่เธอตั้งให้วันนี้เองแม้ใจอยากเรียกเขาว่านายตะไคร่น้ำ แต่เวลาเอ่ยชื่อมันคงจะดูยาวเกินไปหน่อย
“แล้วทาสคนนี้ล่ะนาย”
“เดี๋ยวข้าดูเอง รีบไปคนช่วยมีไม่เยอะ”
ไอฉิบหาย! อะไรกันไม่เหมือนที่คุยกันไว้นิพระเจ้า ไอคนขี้โกง
เกรเทลแอบก่นด่าในใจหน้าตาที่ดูตื่น ๆ ของเธอทำให้ชายหนุ่มแอบขำในใจ
“อะไร? เป็นข้าไม่ดีหรือไง”
ในบรรดาทาสทั้งหมดที่เขาดูแลไอเด็กนี้สะดุดตาเขามากที่สุด ทั้งที่รูปร่างเล็กผอมแห้งเหมือนชาวบ้านทั่วไปแต่สายตาของมันกลับเป็นประกาย มุ่งมั่น ทระนง แถมดูดื้อรั้นเอาแต่ใจ และเหมือนมีความกล้าอะไรบางอย่างที่เขาอธิบายไม่ได้
“…”
ไร้ซึ่งการตอบกลับ ใครมันจะอยากเสวนาด้วยขอเก็บแรงไว้ดีกว่า
“ช่างเถอะรีบเดินไปได้แล้ว”
ไม่พูดเปล่ามือเอื้อมผลักไหล่เล็กให้เดิน แต่จนแล้วจนเล่าก็ไม่เดินสักทีเพราะเธอไม่รู้ทาง เขาขัดใจจึงส่งเสียงจิ๊แล้วกระตุกโซ่คอให้เดินตามมา
เด็กสาวเดินตามหลังแต่ก็ยังแอบมองมือเขาไปด้วยว่าจับโซ่แน่นแค่ไหน เธอจะได้กะแรงกระชากถูกไม่มั่นใจหรอกว่าจะทำได้ไหมแต่ต้องเสี่ยงดู
“ข้าสงสัยว่าทำไมคนอย่างเจ้าถึงถูกนำมาขายได้”
เออ…ฉันเองก็ไม่รู้เหมือนกัน
เธออยากตะโกนออกไปนะแต่ทำได้เพียงตอบในใจเท่านั้น
“ปกติมีแค่สตรี เชลย หรือพวกที่ทำผิดกฎ”
เธอเงยหน้ามองแผ่นหลังของชายตรงหน้าตั้งใจฟังว่าเขาจะพูดอะไรต่อ
“แต่สำหรับบุรุษนั้นจะถูกเนรเทศไม่ก็ถูกส่งไปบำเพ็ญประโยชน์หรือขังคุกแทน”
นี่มันระบบการปกครองสมัยก่อนหรือเปล่า ถ้าใช่สถานที่นี้ไม่เหมาะกับเธอเป็นอย่างมาก ยิ่งสำหรับผู้หญิงที่ทันสมัยและมีความเป็นตัวเองสูงมันเหมือนนรกดี ๆ นี่เอง
“ตอนที่ข้าส่งเงินให้กับคนที่พาเจ้ามาข้าตกใจมากเพราะสำหรับบุรุษแล้วการถูกนำมาขายให้เป็นทาสมันช่างน่าอดสูยิ่งนัก”
…หื้มบุรุษ? ว้อท? อะไรนะนายหัวผัก ใครเป็นอะไรนะพูดใหม่อีกทีได้ไหมเหมือนฉันได้ยินไม่ถนัด…
คำถามในหัวของเกรเทลเริ่มผุดเป็นสิบคำถาม
“แม้ว่าเจ้าจะรูปร่างผอมแห้งอย่างกับโครงกระดูก”
“…”
“แต่ผู้ชายอย่างเจ้ายังถือว่าใช้แรงงานได้อยู่ดี”
…ไอบักห่า ฉันเป็นผู้หญิง 100% นี่เอ็งตาถั่วหรือโง่กันแน่ แยกไม่ออกเหรอว่าเป็นผู้ชายหรือผู้หญิง…
“ข้าสงสารเจ้า สนใจจะมาทำงานกับข้าที่นี่ไหม”
เธอทำหน้าเหวอใส่ ไม่ได้ฟังคำเชิญชวนของคนตรงหน้าเลยสักนิดเพราะเธอกำลังสำรวจร่างกายตนเองอย่างละเอียด คนมันจะไม่รู้ตัวเลยหรือไงว่าตนเองเพศไหน มีดุ้นหรือไม่มีดุ้น และเธอก็ไม่มีทุกอย่างที่กล่าวมาอย่างแน่นอน
“ว่าไง”
“…”
เด็กสาวนิ่งเงียบไม่รู้จะตอบอะไรเพราะใจเธอแค่อยากกลับบ้าน
“งั้นเจ้าก็เก็บข้อเสนอข้าไปคิดคืนนี้ พรุ่งนี้เช้าค่อยบอกข้าแล้วกัน”
ว่าแล้วเขาก็ออกแรงกระตุกโซ่ให้เธอเดินเร็วขึ้นอีก
…กระตุกขนาดนี้คอขาดกันพอดี…
แน่นอนว่าเธอไม่รับข้อเสนอเขาแน่นอนใจยังยึดตามแผนเดิมที่วางไว้ ชายหนุ่มพาเธอมายังห้องน้ำซึ่งมันอยู่รอบนอกไกลออกมาจากบริเวณเดิมพอสมควร
เธอไม่รู้ว่าการไปทำงานกับเขาผลลัพธ์จะออกมาดีหรือเลวร้าย สู้หนีไปตายเอาดาบหน้าหาทางกลับบ้านยังดีกว่า
สำหรับเกรเทลเตรียมตัวพร้อมมาสักพักแล้ว ขอแค่ได้จังหวะดี ๆ กระชากให้โซ่หลุดจากมืออีกฝ่ายก็พอ ตลอดทางเธอเหลือบมองข้างทางเพื่อหวังจะใช้เป็นตัวถ่วงเวลา ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นกล่องลังไม้ กรงเหล็กขนาดใหญ่เล็กวางซ้อนทับกัน เต็นท์กระโจมผ้าใบ และพวกเสาคบเพลิง
เกรเทลเลือกที่จะจัดการธุระตนเองในห้องน้ำให้เสร็จเรียบร้อย สงบสติอารมณ์ให้ใจเย็นแก้ไขไปทีละเรื่อง
ด้วยความที่โซ่ยาวจึงไม่เป็นปัญหาต่อการเข้าห้องน้ำ เมื่อเธอเดินออกมานายหัวผักจึงพาเดินกลับ
ก้าวที่หนึ่ง
“ที่นี่อย่างน้อยแกก็ยังมีที่ให้ซุกหัวนอน”
ก้าวที่สอง
“แต่ที่ข้างนอกนั้นแกก็คงเป็นได้แค่เด็กเร่ร่อน”
ก้าวที่สาม
คนตัวเล็กนับก้าวในใจ ทุกคำพูดที่ผู้ชายคนนี้เปล่งออกมาไม่ได้เข้าหูเธอแม้แต่น้อย เพราะเพ่งสมาธิจับจ้องไปยังโซ่ในมือของคนข้างหน้า
มือบางเอื้อมมือจับโซ่อย่างเบามือโดยไม่ให้เขารู้ตัว จากนั้นก็ก้าวเดินประชิดตัวอย่างช้า ๆ ผ่อนลมหายใจแล้วสูดเข้าลึก ๆ หางตาเหลือบมองทางหนี
จังหวะนั้นเองที่คนตัวสูงเผลอหย่อนโซ่ลง เธออาศัยช่วงเวลานี้กระชากโซ่ออกจากมือคนตรงหน้าอย่างรุนแรงแล้วหันหลังสับตีนหมาวิ่งสุดชีวิต เลือกแทรกตัวเข้าไปตามช่องว่างของกล่องลังและกรงเหล็ก ลัดเลาะไปตามเส้นทางที่เห็นก่อนหน้า หลบตามความมืดที่คบเพลิงส่องไม่ถึง
“เวร! แสบนักไอ้หนู”
------
คอมเมนต์เป็นกำลังใจให้ไรท์ได้นะคะ
หากพบคำผิด แก้ไขติชมโปรดคอมเมนต์อย่างสุภาพไรท์ยินดีปรับปรุงแก้ไขค่ะ
***
Talk with writer
รู้ว่าพล็อตทะลุมิติมีคนเขียนเยอะแล้วแต่ก็อยากเขียนค่ะ555555
หนูเกรเทลคงพูดในใจว่า “เปิดก่อนได้เปรียบไงล่ะ!!”
****
แวะมาพูดคุยเล่นหรือดูอัพเดตเกี่ยวกับนิยายไรท์ได้ที่
Facebook : C.T.Tiana
X (Twitter) : @Ccttiana