10 ข้อเสนอที่ทับซ้อน
ตึง!
หลังจากกระดกน้ำลงคอดับกระหายร้อน เกรเทลจงใจกระแทกแก้วน้ำเปล่าลงบนโต๊ะไม้เสียงดังจนคนละแวกนั้นหันมามองกันเป็นตาเดียว เธอหงุดหงิดความกวนประสาทของวอลล็อคมากยิ่งนึกถึงยิ่งฉุนเฉียว คนบ้าอะไรว่างงานมากนักหรือ
ตั้งแต่ตื่นเช้าแล้วออกมาจากบ้านพักเธอยังไม่ได้เจออารอล์ฟเลยตลอดทั้งวันเธอมีเรื่องอยากถามจากเขาสองสามประโยค สุดท้ายก็เปลี่ยนเป้าหมายไปถามไรเดอร์แทน
ก่อนหน้าที่เกรเทลจะเดินมายังโรงอาหารเธอถามเขาไปว่าปกติวอลล็อคมีนิสัยกวนประสาทอยู่แล้วหรือเปล่าทำไมเอาแต่เล่นงานเธออยู่คนเดียว คนอื่นก็ดูปกติดี เธอไม่ได้รู้สึกไปเองแน่ ๆ แล้วคำตอบของชายหนุ่มร่างใหญ่ทำเอาเด็กหนุ่มหน้าเหวออ้าปากค้างไปเรียบร้อย
…นายวอลล็อคเป็นแบบนี้อยู่แล้ว แต่ไม่ใช่กับทุกคน ถ้าคนไหนที่นายหมายหัวเตรียมรับกรรมได้เลยว่านรกแตก…
เกรเทลแทบจะเอาตีนก่ายหน้าผากนี่หมายความว่าเธอโดนปักธงแดงสินะ งามหน้าแล้วแบบนี้จะหาทางปลีกตัวหนีออกไปได้ยังไง เพราะเมื่อเขาเล็งจับตาเธอแบบนี้จะกระดิกตัวไปไหนก็ยากลำบากน่ะสิ สถานการณ์ไม่ค่อยดีแล้วเธอต้องคิดแผนใหม่เพื่อสร้างสถานการณ์ให้ภายในค่ายตลาดค้าทาสชุลมุนที่สุด เอาไว้คืนนี้ค่อยคิดแผนปฏิบัติการหลบหนีหลังจากเธอทำงานทุกอย่างเสร็จเรียบร้อยแล้วกัน
งานต่อไปคือเอาขนมปังและน้ำไปส่งให้พวกทาสตามกรงขัง ซึ่งมันพอดีกับเวลาคนงานพักเที่ยง ฉะนั้นเธอตัดสินใจว่าจะแวะไปเอาข้าวกลางวันส่วนของเธอก่อนที่มันจะหมด เธอจะอดข้าวสักมื้อไม่ได้เด็ดขาดร่างกายนี้ขาดสารอาหารรุนแรงมาก เธออยากแข็งแรงเร็ว ๆ ให้ทันเวลาก่อนการหลบหนี
แต่เมื่อเธอก้าวเข้าไปภายในโรงอาหารแล้วเดินไปต่อปลายแถวสุด จังหวะนั้นเองที่มีชายวัยกลางคนเบียดแทรกคิวเข้ามากลางแถวทำให้คนทั้งแถวเกือบล้มทับกันหมด ซึ่งเกรเทลเป็นคนสุดท้ายก็รับแรงกระแทกแรงมากกว่าใครแถมน้ำหนักผู้ชายแต่ละคนไม่ใช่น้อย ๆ เลย
“โอ๊ย!”
“เฮ้ย! ไอ้เวรเอ็งเข้ามาแทรกคิวทำไมวะ?”
“ตาบอดเรอะไม่เห็นหรือไงคนเขาต่อคิวกันอยู่เว้ย!”
เสียงดังโหวกเหวกโวยวายเริ่มทวีคูณขึ้นเรื่อย ๆ เมื่อไม่มีใครชอบใคร เหล่าชายฉกรรจ์ลุกขึ้นปัดฝุ่นตามกางเกงหันมายืนประจันกันซึ่ง ๆ หน้าถลึงตาจ้องเขม็งกำหมัดแน่นเตรียมซัดหน้า
“ก็ข้าจะยืนตรงนี้มีปัญหาเหรอ หึ”
“เออข้ามีปัญหากับคนไม่มีมารยาท”
เมื่อต่างฝ่ายต่างไม่มีใครยอมกันแถมเรื่องชักจะเริ่มบานปลายกลายเป็นเหตุทะเลาะวิวาททันตาเห็น เกรเทลรีบคลานถอยหลังโดยด่วนเตรียมลุกขึ้นเพื่อที่จะได้ออกมาจากบริเวณอันตราย เธอยังไม่อยากโดนลูกหลงอย่างการถูกเข้าใจผิดว่าเป็นพวกเดียวกันกับใครสักคนในนี้เหตุการณ์นี้
แต่แล้วพระเจ้าก็ดันชอบประเคนแกมยัดเยียดความฉิบหายวายวอดมาให้เธอได้ตลอดเวลาเสียด้วยสิ
“เฮ้ย! ไอ้เด็กทาสจะไปไหนมาคุยกับพวกข้าก่อน”
เด็กสาวส่งเสียงจิ๊จ๊ะในลำคอไม่ชอบใจเลย มีคนอยู่บริเวณนี้เป็นร้อยทำไมต้องดวงซวยเป็นเธอด้วยนะ ดวงตกหรือเปล่าวะเนี่ย…
“เจ้าตอบมันไปสิว่ามันเป็นคนแซงคิวพวกเรา”
ชายร่างยักษ์พูดขึ้นพร้อมทั้งพยักหน้าปากยื่นไปทางชายวัยกลางคนที่แทรกคิวเมื่อกี้ เหมือนกับว่าเขาจะให้เธอเป็นพยานในเหตุการณ์นี้
…ใคร? ไหนเรา? ไม่!! ฉันไม่ใช่พวกใครทั้งนั้นโว้ย ไอหนุ่มอย่ามาเหมารวมดิวะ!…
เด็กสาวนิ่งเงียบเม้มปากไม่พูดอะไรออกมานาน เธอไม่รู้ว่าจะตอบอะไรดี ถ้าเธอตอบว่าใช่เธอจะโดนหางเลขไปด้วยไหม แต่ถ้าตอบไปว่าไม่ใช่เธอจะถูกกาหัวไว้อีกหรือเปล่า
“เอ็งจะเอาพวกมาสักกี่คนข้าก็ไม่สนโว้ย ถอยออกไปไอเตี้ย”
“…”
ร่างเล็กโดนด่าว่าเตี้ยเฉยเลย บอกตามตรงว่าสภาพเธอในตอนนี้เนื้อตัวสั่นกลัวจับใจจนไม่กล้าปริปากพูดหรือทำอะไร แม้กระทั่งหายใจแรงเธอยังต้องกลั้นใจไว้เลย
“ข้าไม่ได้อยากจะมีเรื่องกับแกนักหรอก แต่แกเล่นแซงคิวเองนิ่งหรือไม่จริง มาทีหลังก็ไปต่อท้ายแถวแบบไอเด็กทาสนี่”
“หน๊อย! นี่แกซักหมัดไหม?”
เมื่อเธอถูกพูดขึ้นในบทสนทนาดูแล้วไม่จบแน่ ๆ สายตาก็สาดส่องไปมาซ้ายขวาไม่มีใครคิดจะเข้ามาช่วยเธอสักคน พวกเขาต่างยืนนิ่งอยู่กับที่ป้องปากคุยซุบซิบเบา ๆ กันเป็นกลุ่มก้อนกระจายทั่วบริเวณ บางคนก็นั่งบนโต๊ะกำลังตักอาหารส่งเข้าปากเคี้ยวข้าวส่วนตาก็มองภาพตรงหน้าเหมือนละครทีวีสักเรื่องที่กำลังออนแอร์
“เออ คือว่า…”
“พวกเจ้าทะเลาะไรกันจนวุ่นวายไปถึงด้านนอก!”
“?!”
นายใหญ่ตลาดค้าทาสเดินเท้าเข้ามาภายใน ด้วยสีหน้าบึ้งตึงไม่สบอารมณ์อย่างมากจนไม่มีใครกล้าเดินเข้าใกล้สักคน เขาดูแลที่นี่มานานไม่เคยมีเรื่องทะเลาะวิวาทมาก่อนทำไมวันนี้ถึงเกิดขึ้นได้ วอลล็อคกวาดสายตาไปรอบ ๆ ก็สะดุดเข้ากับเด็กหนุ่มทาสที่เดิมยืนตัวสั่นหงิกเป็นลูกแมว
“อ้าวไม่ทะเลาะกันต่อแล้วหรือข้ากำลังรอดูอยู่พอดี”
เสียงดังกัปนาทกึกก้องไปทั่วอาณาบริเวณเสียงสันหลังลุกวาบ ผู้คนทั้งโรงอาหารต่างย่อตัวลงทำความเคารพนายใหญ่ทันที เกรเทลไม่เคยรับรู้มาก่อนว่าเขาจะน่ากลัวได้ขนาดนี้ ชายคนนี้มีไอทมิฬบางอย่างที่เธอไม่เข้าใจแทรกเข้ามาทุกอณูร่างกายจนสั่นไหว แน่นหน้าอกจนหายใจไม่ออก พลังงานมาจากเขาเหรอมันเป็นไปได้ยังไง
“นิ่งอีกเมื่อกี้ยังจะซัดกันอยู่เลยมิใช่หรือ? ใยไม่รีบลงมือเล่า?”
เหล่าชายฉกรรจ์ต่างนิ่งเงียบไม่กระดิกปริปากพูดดีแบบเมื่อครู่อีกแล้ว วอลล็อคมองไปยังเกรเทลไม่คิดว่ามันจะถูกดึงเข้ามาอยู่ในเหตุการณ์วุ่นวายนี้นึกว่ามันเอาขนมปังไปแจกทาสแล้วเสียอีก
“เกรเทลไยเจ้ายังอยู่ที่นี่อีก?”
เมื่อถูกเรียกชื่อเธอจึงเงยหน้าไปมองเจ้านายตนเองพร้อมอธิบายเหตุผล
“คือข้ากลัวอาหารหมดจึงแวะมารับกล่องข้าวไปเก็บไว้ที่บ้านพักก่อนขอรับ แล้วค่อยไปแจกขนมปังและน้ำให้ทาสต่อจากนั้น”
วอลล็อคพยักหน้าในหัวก็คิดไปด้วยว่าเจ้าหนูนี่รู้จักจัดสรรลำดับความสำคัญได้ดี อยากรู้จนเนื้อเต้นแล้วว่างานถัดไปมันจะทำสำเร็จตามที่เขาคาดหวังไว้ไหม
“ในเมื่อตรงนี้ไม่ใช่ธุระกงการอะไร เจ้าก็รีบไปทำงานส่วนของเจ้าเถอะ”
“ขอรับ”
เมื่อเจ้านายสุดหล่อของเธอบอกว่าไปได้เธอก็รีบสับตีนหมาไปรับข้าวกล่องของวันนี้ทันที โดยไม่ได้หันมามองสถานการณ์ด้านหลังอีกเลยว่าจะเกิดอะไรขึ้นเพราะมันไม่เกี่ยวอะไรกับเธอแล้ว เลิกหาเหาใส่หัวแล้วทำแค่หน้าที่ตนเองพอ
ก่อนหน้านี้ชายหนุ่มแค่แวะมาคืนถ้วยกาแฟให้ป้าแม่บ้านแล้วจะรีบกลับไปกินข้าวในที่พักของตนเอง ช่วงที่เดินอ้อมโรงอาหารเขาเห็นแล้วแหละว่าแถวรับอาหารมีเหตุการณ์แทรกคิวกัน ว่าจะไม่เดินเข้ามายุ่งเกี่ยวแล้วเชียว แต่พอได้ยินว่าเกรเทลถูกดึงไปเป็นส่วนหนึ่งของความวุ่นวายเขาจึงหมุนฝ่าเท้าหันหลังกลับมาแล้วเดินตรงดิ่งมาทางโรงอาหาร
เขาไม่รู้ว่าทำไปทำไมและเพื่ออะไร อย่างไรก็ตามเขาอ้างเหตุผลกับตนเองว่าเพราะมันเป็นทาสตัวแสบที่ต้องคอยสอดส่องดูแลไม่ให้คลาดสายตาต่างหาก วอลล็อคดึงสติกลับมา ณ ปัจจุบันจัดการปัญหาลูกน้องของตนเอง
“ลดเงินค่าจ้างคนละ 30% เป็นเวลา 2 เดือน”
กลุ่มเหล่าชายฉกรรจ์ต่างเศร้าเสียดายเงินค่าจ้างของตนเองคอตกไปตาม ๆ กัน นี่เขาใจดีแค่ไหนแล้วที่แค่หักค่าจ้างอย่างเดียวไม่ได้ไล่พวกมันออกข้อหาสร้างความวุ่นวายภายใน
หลังจากเหตุการณ์ที่โรงอาหารผ่านไปเกรเทลก็มาทำงานตามหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายจากเจ้านายหัวเขียวคือส่งขนมปังแข็ง ๆ และถ้วยน้ำเปล่าให้กับเหล่าทาส นับคร่าว ๆ ด้วยสายตาน่าจะมีสักประมาณ 200 กว่าคน สำหรับเกรเทลถือว่าเยอะพอสมควร เห็นเพื่อนกลุ่มของไรเดอร์พูดอยู่ว่าตลาดค้าทาสโมเบียสเคยมีจำนวนมากกว่านี้แต่ถูกขายออกไปหมดแล้ว
เมื่อเห็นทาสเริ่มทยอยกัดกินขนมปังด้วยความหิวโซเธอก็อดท้องร้องเป็นไม่ได้ ก็เธอยังไม่ได้ทานข้างกลางวันเลย พอวอลล็อคบอกให้ไปได้เธอก็รีบไปต่อแถวเพื่อรับข้าวกลางวันแต่มันดันหมดไปก่อนแล้ว คงจะระหว่างที่พวกผู้ชายทะเลาะกันเรื่องแซงคิวน่ะสิเธอเลยอดทานข้าวมื้อนี้เลยกว่าจะได้กินอีกทีตั้งเย็นนู้น
โชคดีที่ตอนเช้ากินไปเยอะพอสมควรเพราะพวกป้าแม่บ้านคะยั้นคะยอว่าต้องกินเยอะ ๆ นะเวลาทำงานจะได้ไม่เป็นลมเลยทำให้เธอหิวไม่มาก แต่มันช่างสวนทางกับเสียงท้องร้องของเธอเสียจริงอย่างว่าเพราะร่างกายยังต้องการสารอาหารมาซ่อมแซมหรือว่าเธอจะแอบจิกขนมปังสักก้อนจากทาสพวกนี้กินรองท้องไปก่อนดี?
เกรเทลเกิดความลังเลใจเล็กน้อย แต่ในที่สุดก็เลือกที่จะหยิบขนมปังออกมาหนึ่งชิ้นซุกซ่อนไว้ภายใต้เสื้อตนเอง หันซ้ายหันขวามองข้างหน้ามองข้างหลังไม่มีใคร เธอจึงรีบเดินหลบไปอยู่มุมใกล้ ๆ ซุ้มต้นไม้ใหญ่ที่มีหญ้าขึ้นสูงเพื่อหลบบังสายตา
ร่างบางหย่อนก้นลงนั่งบนพื้นดินที่หญ้าขึ้นเตี้ย ๆ ควักเอาขนมปังออกจากใต้เสื้อ ตอนหยิบมาเธอพยายามเลือกก้อนที่ดูนิ่มที่สุดเท่าที่จะหาได้ในลังไม้ แม้รอบนอกอบขนมปังจะแข็งไปบ้างแต่อย่างน้อยก็นิ่มกว่าตอนนั้นที่กินเข้าไปเยอะ
ทว่าตอนที่เธอกำลังจะงับขนมปังเข้าปากเล็กอยู่นั้น เสียงทุ้มคุ้นหูก็ดังขึ้นจากด้านหลัง
“นี่ข้าดูแลลูกน้องไม่ดีถึงขนาดมาแอบขโมยขนมปังของทาสกินเชียวหรือเนี่ย”
“เฮือก!”
เกรเทลสะดุ้งตกใจที่ถูกจับได้ว่าแอบขโมยของกิน คิดว่าไม่น่าจะมีคนเห็นแล้วเชียวไหงเป็นเขาอีกแล้วอีตาหัวผัก! นี่นายอยู่ไปทุกที่จริงดิ!
ชายหนุ่มมองเด็กในปกครองที่นั่งอยู่บนพื้นหญ้าด้วยสีหน้าเหวอสุดขีดคงไม่คิดว่าเขาจะเจอแบบนี้มากกว่าหน้าซีดเป็นไก่ต้มเชียว เกรเทลรีบลุกขึ้นยืนปัดฝุ่นใต้ตรงก้นออกแล้วหันหน้าไปมองผู้มาเยือน
“เออ…”
เกรเทลก้มหน้าก้มหน้าไม่กล้าเงยขึ้นมอง ไม่รู้จะพูดอธิบายยังไงเพราะเธอก็ขโมยจริง ๆ นั่นแหละ เมื่อเห็นว่าเธอเงียบไปสักพักเขาจึงตัดสินใจต่อบทสทนานี้แทน
“แล้วข้าวกลางวันเจ้าอยู่ไหนล่ะ? ไม่ได้กินหรือไงไอ้หนู”
ท่าทางสบาย ๆ ของคนตรงหน้าทำให้เธอพอหายใจคล่องคอขึ้นมาบ้าง หวังว่าเขาจะไม่ได้หาเรื่องที่เธอแอบขโมยขนมปังหรอกนะ
“คือ…ตอนข้าเดินกลับไปเอาข้าวมันหมดแล้วขอรับ”
เขาพยักหน้าน้อย ๆ แล้วเอ่ยต่อ
“เจ้าก็เลยมาขโมยขนมปังแทนว่างั้น?”
เมื่อเขายิงคำถามนี้ไปสภาพเจ้าหนูทาสเริ่มลุกลี้ลุกลนจนเขาต้องกลั้นขำเก๊กหน้าหล่อให้ดุเข้าไว้ แกล้งมันได้ถือว่าวันนี้เขาอารมณ์ดียันเข้านอน
“ปะ…เปล่าเลยขอรับคือข้าแค่…ข้าแค่”
“หื้ม? ว่าไงไอ้หนู”
เกรเทลไม่รู้จะหาเหตุผลอะไรมาทำให้สถานการณ์นี้ผ่านพ้นไปได้ เธอแอบขโมยจริง ๆ ถ้าไม่ใช่เพราะเธอหิวข้าวเธอคงไม่ทำแบบนี้หรอก ใครเขาอยากจะเป็นขโมยกันแค่สถานะภาพในปัจจุบันที่ใครต่างก็เรียกเธอว่าทาสก็อึดอัดจะตายชักขืนโดนว่าเป็นขโมยอีกไม่รู้เธอจะใช้ชีวิตแบบไหนเลย
“เจ้ารู้ไหมว่าลูกน้องข้าที่นี่ทุกคนถ้าขโมยของจะมีบทลงโทษร้ายแรง”
วอลล็อคจงใจกดเสียงต่ำน่าขนลุกส่งผลให้ร่างเล็กไม่กล้าแม้กระทั่งกลืนน้ำลายลงคอ เหมือนมีไอสังหารลอยออกมาจากร่างหนากระจายเป็นวงกว้างจนแข้งขาเธออ่อนแรงเกือบยืนไม่ไหว
“ขะ…ข้าแค่หิวขอรับนาย ข้าไม่ได้ตั้งใจจะขโมยจริง ๆ ขอรับ…”
ในเมื่อไม่สามารถหาข้ออ้างใด ๆ ออกมาได้เธอจึงเลือกที่จะพูดความจริงออกไป ความจริงเป็นสิ่งไม่ตายยังไงเสียมันก็แสดงถึงความบริสุทธิ์ใจที่เธอพอจะแสดงออกไปให้เขารับรู้ เธอไม่รู้หรอกว่าบทลงโทษร้ายแรงที่ว่ามันคืออะไร เธอคิดไปก่อนแล้วว่าไม่ขอเป็นพวกอดน้ำอดอาหารหรือถูกจับกลับไปขังกรงในตอนนี้ เธอรับมันไม่ไหวแน่เธอยังอยากมีชีวิตรอดเพื่อกลับบ้านไปหาครอบครัว
“ข้าสัญญาว่าจะไม่ทำแบบนี้อีก คราวหน้าข้ายอมอดไม่กินก็ได้ขอรับนาย แต่อย่าลงโทษข้าเลยนะ”
ความยากในบทสนทนานี้คือเธอต้องกดเสียงให้ทุ้มต่ำและทำเสียงให้เล็กน่าสงสารควบคู่ไปด้วยกัน ซึ่งเธอเกือบหลุดเสียงเดิมออกมาหลายครั้งเพราะต้องพูดประโยคยาว ๆ ทั้งที่ปกติเธอพยายามเก็บปากเก็บคำไม่พูดให้ได้มากที่สุด ส่วนเขาก็เอาแต่นิ่งเงียบฟังเธออย่างตั้งใจเหมือนจับผิดแบบนี้
วอลล็อคนิ่งมากจนเธอเริ่มใจไม่ดีรู้สึกเหมือนหัวใจหล่นไปที่ตาตุ่มหรือว่าเขาโกรธที่เธอขโมยของกินจริง ๆ
…แค่ขนมปังก้อนเดียวเอง นายจะไม่ใจร้ายไปหน่อยเหรอ ฮือ…
เด็กสาวโอดครวญในใจภาวนาว่าเขาจะไม่โมโห เธอไม่รู้จะพูดอะไรสมองตีบตันไปดื้อ ๆ โดยปกติสมองเธอจะแล่นคิดหาทางออกได้เสมอ ทว่าตั้งแต่ฟื้นขึ้นมาอยู่ในร่างใครก็ไม่รู้เหมือนเธอฉลาดน้อยลงมาเกือบครึ่งคิดอะไรไม่เข้าทางสักอย่าง นางคิดเองเออเองว่าตนเองดวงตกแน่นอน
โทษฟ้าโทษฝนไปก็แล้วกันเพื่อปลอบใจตนเอง
“จะให้ข้าทำงานทุกอย่างที่นี่ก็ได้แต่อย่าลงโทษข้าเลยนะท่าน”
เธอยอมยื่นข้อเสนอไปอีกครั้ง แต่พอมานึกย้อนดูดี ๆ มันก็ข้อเสนอเดียวกันกับที่เธอเคยบอกเขาไปตอนนั้นนิหว่า พูดอะไรไม่ยั้งคิดอีกแล้ว
ในหัวมีแต่คำว่า ฉิบหาย ฉิบหายแล้วเกรเทล
“เจ้าเคยพูดกับข้ามาก่อนแล้วว่าจะยอมทำทุกอย่างที่นี่ แบบนี้ไม่ใช่ว่าข้าเสียเปรียบไปหน่อยหรือ เจ้าเอาแต่บอกว่าจะยอมทำทุกอย่างถึงสองคราวแต่เจ้าดันขโมยของที่นี่ เช่นนั้นแล้วข้าคงต้องจับเจ้าไปขายเป็นทาสตามเดิมยังได้ราคากว่าเลย”
------
คอมเมนต์เป็นกำลังใจให้ไรท์ได้นะคะ
หากพบคำผิด แก้ไขติชมโปรดคอมเมนต์อย่างสุภาพไรท์ยินดีปรับปรุงแก้ไขค่ะ
***
Talk with writer
แหม่ ๆ พ่อคุณสรรหาข้ออ้างไปเรื่อยแต่สนใจเขาอยู่ชิมิล่ะ?
แต่ขนมปังก้อนเดียวเองนะพ่อ เอ็งจะหวงเป็นงูจงอางหวงไข่ไม่ได้นะเว้ย?
****
แวะมาพูดคุยเล่นหรือดูอัพเดตเกี่ยวกับนิยายไรท์ได้ที่
Facebook : C.T.Tiana
X (Twitter) : @Ccttiana