บทที่ 80 ข้าไม่ได้เข้าใจผิด (3)
อาซื่อชะงักไป มองเขาด้วยความประหลาดใจ
ที่แท้เขาก็รู้เรื่องโมโม่เหล่านั้นที่เคยอยู่ที่จวน ทุกอย่างเป็นเพราะฮุยมาม่าที่ไม่สนใจไยดีเขา ถึงขั้นทุกเรื่องในเรือนซือจู๋ล้วนเป็นฮุยมาม่าที่เป็นคนตัดสินใจ ฮุยมาม่าปฏิบัติต่อเขาและเสี่ยวชีแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง
จัวหย่วนตักน้ำอีกครั้งแล้วราดลงไปบนแผ่นหลังเขา "อาบอกเจ้าแล้ว อาเยว่ไม่เหมือนกับโมโม่คนก่อนๆ ไม่ว่าหลังจากนี้คนที่ดูแลพวกเจ้าที่เรือนซือจู๋จะเป็นฮุยมาม่าหรือชุนอวี่ นางจะขอให้พวกเขาปฏิบัติด้วยความเสมอภาค"
อาซื่อมองเขา
จัวหย่วนมองเขา ตักน้ำแล้วราดเขาตั้งแต่ศีรษะลงมา อาซื่อไร้ซึ่งคำจะพูด "ท่านอาหก!"
จัวหย่วนหัวเราะ "จำไว้ ไม่อยากให้คนเลือกปฏิบัติกับเจ้า เจ้าก็อย่าเลือกปฏิบัติกับคนอื่น"
อาซื่อใบ้กิน
จัวหย่วนขยับเข้าไปใกล้ เอ่ยอย่างเชื่องช้า "อีกอย่างอารู้ว่าเจ้าฉลาด เรื่องบางเรื่องตอนนี้ยังไม่ใช่ แต่ไม่ได้หมายความว่าในอนาคตจะไม่ใช่ ดังนั้นเจ้าจะรังแกอาเยว่ไม่ได้!"
อาซื่อมองเขา
จัวหย่วนเขกศีรษะเขาอีกครั้ง เอ่ยด้วยเสียงนุ่มนวลทว่าหนักแน่น "อาไม่ให้คนอื่นรังแกพวกเจ้า แต่ก็ไม่อนุญาตให้รังแกนาง จำได้หรือยัง?"
จัวหย่วนยื่นมือไปหยิบผ้าขนหนูห่อตัวแล้วอุ้มเขาออกมา
จัวหย่วนสวมเสื้อผ้าและเช็ดผมให้เขาที่หน้ากระจก ก่อนจะให้เขาออกไป จัวหย่วนเอ่ยออกมาด้วยความรู้สึกสนใจ "ที่ข้าชอบนาง ชัดเจนมากเชียวหรือ?"
อาซื่อพยักหน้า "อืม"
จัวหย่วนสงสัย "มองออกได้อย่างไร?"
อาซื่อมองเขา "ท่านไม่มีทางมองใครนาน แต่ท่านมักแอบมองอาเยว่ แต่หากอาเยว่หันมองท่าน หากท่านไม่ก้มหน้าก็เบือนหน้าหนี กลัวว่านางจะเห็น..."
"..."→_→
"..."←_←
"มีเหตุผล..." จัวหย่วนเก็บผ้าขนหนูที่เช็ดผมให้เขา แล้วถามอีกครั้ง "แล้วเจ้าคิดว่านางมองออกหรือไม่?"
อาซื่อส่ายหน้า
จัวหย่วนส่งเสียงเฮอะเบาๆ "ทำไม?"
อาซื่อพูดอย่างยากลำบาก "ในสายตาของนางมีแค่เสี่ยวอู่ เสี่ยวชี เถาเถา และซุ่ยซุ่ย ไม่ได้สนใจท่าน"
"..."→_→
"..."←_←
จัวหย่วนวางผ้าขนหนูลง "ออกไปเถอะ"
อาซื่อเดินออกจากห้องมุมไป
จัวหย่วนส่งเสียงเฮอะเล็กน้อย ส่ายหน้าแล้วยิ้มออกมา เปลี่ยนน้ำในอ่างอาบน้ำ ก่อนจะอาบน้ำ เปลี่ยนเสื้อผ้า แล้วเช็ดผมในห้องมุมจนแห้งถึงเดินออกไป
ห้องมุมเชื่อมต่อกับในห้อง
เมื่อเลิกม่านขึ้น จัวหย่วนก็ไม่เห็นอาซื่ออยู่ในห้องแล้ว
จึงเลิกม่านขึ้นอีกครั้ง เดินไปห้องด้านนอก แต่ก็ยังไม่เห็นเงาใครที่ห้องด้านนอก จัวหย่วนเรียก "ชุนอวี่" แม้แต่ชุนอวี่ก็ยังไม่อยู่
ขณะที่กำลังสงสัย คล้ายกับจะได้ยินเสียงดังลอยมาจากด้านข้าง
ผู้ดูแลอี้กว่านแจ้งว่าห้องหลักทั้งสองอยู่ใกล้กัน หากพูดด้วยเสียงที่ดังสักหน่อยก็จะได้ยินเสียงจากห้องด้านข้าง แต่ตอนนี้เสียงห้องด้านข้างไม่ดังนัก แต่น่าจะเพราะตอนกลางคืนเงียบสงบ ถึงได้ยินเสียงดังลอยมาแว่วๆ...
คล้ายกับจะเป็นเสียงของเสิ่นเยว่
อาซื่อจะอยู่กับเสิ่นเยว่หรือไม่?
จัวหย่วนผลักประตูออกไปก็เห็นชุนอวี่เดินออกมาจากห้องด้านนอกพอดี เมื่อเห็นจัวหย่วน นางจึงยอบตัวทำความเคารพให้กับจัวหย่วน "ท่านอ๋อง"
จัวหย่วนถาม "อาซื่อและเสี่ยวชีอยู่หรือไม่?"
ชุนอวี่ตอบกลับเสียงเบา "คุณชายสี่ไปหาคุณชายห้า ผิงมาม่าไม่อยู่ ชงชิงจึงตามไปดูแลตอนกลางคืน เมื่อครู่คุณชายสี่บอกว่าคืนนี้จะพักกับคุณชายห้า ไม่กลับมาแล้วเจ้าค่ะ คุณชายเจ็ดนอนอยู่บนตั่งเล็ก กำลังฟังแม่นางเสิ่นเล่านิทานก่อนนอนเจ้าค่ะ..."
จัวหย่วนขมวดคิ้วเล็กน้อย
จริงดั่งที่คาด ตอนนี้อาซื่อยังอยู่กับเสี่ยวชีไม่ได้ เมื่อครู่เป็นเขาที่คิดมากไป
จัวหย่วนพยักหน้า "ข้าจะไปดูเสี่ยวชี"
ชุนอวี่ยอบตัวทำความเคารพ แล้วเบี่ยงตัวหลบ
จัวหย่วนไม่รู้ว่าเสี่ยวชีหลับหรือยัง กลัวว่าจะปลุกเขาตื่นจึงไม่ได้เคาะประตู เพียงเดินเข้าไปอย่างเงียบๆ ห้องด้านนอกไม่มีคน เสียงของเสิ่นเยว่ดังลอยมาจากในห้อง
เขาไม่เคยได้ฟังนางเล่านิทานก่อนนอนตอนกลางคืนมาก่อน ที่ม่านคั่นกลางห้องด้านนอก เสียงของนางดังลอยมา เบาบางนุ่มนวล ดึงดูดความสนใจผู้คนได้ดียิ่ง
เขาเองก็อยากฟังนิทานก่อนนอน...
ยิ่งเวลาผ่านไป ความคิดนี้ก็ยิ่งทำให้ลุ่มหลง
เขายื่นมือเลิกม่านขึ้น ฉากกั้นที่คั่นกลางคล้ายกับจะเห็นนางนั่งอยู่บนตั่งเล็ก เสี่ยวชีนอนบนตัวนาง ฟังนางเล่านิทานก่อนนอน
จู่ๆ เขาก็รู้สึกอิจฉา...
เขาเดินอ้อมจากหลังฉากกั้น ก่อนหน้าเสิ่นเยว่ได้ยินเสียงเลิกม่านแล้ว เมื่อเห็นเขา แม้จะประหลาดใจ แต่กลับยังยกนิ้วขึ้นชิดริมฝีปาก แสดงท่าทางบอกให้เงียบ ส่งสัญญาณบอกเขาว่าเสี่ยวชีใกล้หลับแล้ว อย่าเพิ่งส่งเสียง
เขาเข้าใจ
ก้าวเดินอย่างไร้เสียง เห็นเสี่ยวชีนอนในอ้อมกอดเสิ่นเยว่ นอนหลับอย่างเงียบสงบและนิ่ง เสิ่นเยว่ยังคงอ่านหนังสือต่อ กระทั่งลมหายใจของเสี่ยวชีพ่นออกมาอย่างสม่ำเสมอ...
รอไปอีกสักพักใหญ่ เสิ่นเยว่วางหนังสือลง พูดเสียงเบากับจัวหย่วน "เพิ่งหลับไปสักพัก ยังนอนหลับไม่สนิท อาซื่อล่ะเจ้าคะ?"
จัวหย่วนชะงักไป พูดเสียงเบา "ไปหาเสี่ยวอู่แล้ว บอกว่าจะนอนกับเสี่ยวอู่ ปล่อยเขาไปเถอะ ค่อยเป็นค่อยไป"
เสิ่นเยว่เองก็ชะงักไป หลังจากนั้นก็พยักหน้า "เจ้าค่ะ"
"ข้าจะจัดการเอง" จัวหย่วนก้าวไปข้างหน้า คงคิดจะอุ้มเสี่ยวชีกลับไป
เสิ่นเยว่นิ่งไป ตั้งแต่เมื่อครู่มีคำพูดที่เก็บอยู่ในใจ ยังไม่ได้เอ่ยออกมา "คำพูดเมื่อครู่ของอาซื่อ ท่านอย่าเข้าใจผิด..."
จัวหย่วนโน้มตัวลงไปพอดี เงยหน้ามองนาง เอ่ยเสียงนุ่มนวล "ข้าเข้าใจผิดอะไร?"
"..." ทันใดนั้นเสิ่นเยว่ไม่รู้จะพูดเช่นไร พวงแก้มทั้งสองข้างแดงระเรื่อมากกว่าเดิม คล้ายกับหากพูดอะไรไปก็ไม่ดี ไม่พูดก็ไม่ดี เก็บความรู้สึกไว้จนหลังใบหูแดงเล็กน้อย
จัวหย่วนก้มหน้าหัวเราะเล็กน้อย แล้วค่อยๆ อุ้มเสี่ยวชีจากอ้อมกอดนาง
เสี่ยวชีขมวดคิ้วเล็กน้อย ทั้งสองหยุดลงพร้อมกัน รู้สึกตื่นตระหนกเล็กน้อย ไม่กล้าขยับอยู่สักพัก
เสี่ยวชีมักงอแงตอนตื่นนอน ทั้งสองกลัวว่าจะรบกวนเขาจนตื่น
หากตื่นตอนนี้ เกรงว่าจะต้องกล่อมอีกนานถึงจะหลับอีกครั้ง...
ทั้งสองไม่กล้าประมาท
เวลาค่อยๆ เดินไป ตอนนี้ระยะห่างระหว่างสองคน แท้จริงแล้วอยู่ใกล้กันมากกว่าเมื่อครู่
คล้ายกับลมหายใจของเขาพ่นลมอยู่ใกล้ๆ หูของนาง ใบหูของนางจึงยิ่งแดงขึ้น เขาน่าจะเพิ่งอาบน้ำมา จมูกได้กลิ่นหอมอ่อนๆ ของสบู่ปะปนกับกลิ่นหอมของดอกเหมยเดือนสิบสอง
เขาอยู่ใกล้นาง เกิดความคิดขึ้นมาว่าหากได้ประทับริมฝีปากลงบนแก้มของนาง
จู่ๆ ใจเขาก็รู้สึกเหมือนถูกปลุกปั่น คิดอยากจะทำเช่นนี้...
เขาไม่กล้ามองนาง ความคลุมเครือแผ่กระจายปะปนไปกับลมหายใจของทั้งสองคน ในที่สุดเสิ่นเยว่ก็หลุบตา พูดเสียงต่ำ "น่าจะไม่เป็นไรแล้ว"
"อืม" เขาหลุดจากภวังค์ ตอบรับเสียงเบา
เขายื่นมือไปรับเสี่ยวชีจากอ้อมกอดนาง การกระทำดูเบามือมากกว่าก่อนหน้านี้
เสี่ยวชีเองก็หลับสนิท ไม่ได้ตื่นอีก
ขณะที่กำลังลุกขึ้น จัวหย่วนลังเลเล็กน้อย ประจวบเหมาะที่เสิ่นเยว่เงยหน้าขึ้น เขาก็ประทับรอยจูบลงบนหน้าผากนางพอดี เอ่ยเสียงเรียบ "เสิ่นเยว่ ข้าไม่ได้เข้าใจผิด..."