นักรบพันธุ์ผสม บทที่ 454 - ค่อยคุ้มค่าที่เจ็บตัวหน่อย
เดวิดเสียเวลาเดินทางอยู่ไม่น้อย ก่อนที่เขาจะพบภูเขาหินขนาดเล็กที่รายล้อมไปด้วยป่าทึบ หลังจากตรวจสอบหาเหลี่ยมมุมที่ค่อนข้างจะไม่ดึงดูดสายตาถ้าเกิดว่าบังเอิญมีคนผ่านมาได้ ก็ลงมือขุดสร้างถ้ำขนาดเล็กสำหรับพอหลบแดดหลบฝน และกว้างขวางพอที่จะเก็บตัวฝึกฝนระยะยาวขึ้นมาถ้ำหนึ่ง ดาบบินชั้นดีจากแหวนเก็บของที่ริบมาจากเฉียวเฟินทำให้งานนี้ง่ายกว่าที่คิดมา ดาบเล่มใหม่ที่เดวิดทำการเชื่อมโยงสามารถตัดหินได้ราวกับตัดเนยนิ่ม ๆ เลยด้วยซ้ำ
ที่ยิ่งไปกว่านั้น เฉียวเฟินแม่มดเฒ่าหน้าเหี่ยวสมแล้วกับที่เป็นผู้ก่อปฐพีขั้นสมบูรณ์ แหวนเก็บของของเธอมีขนาดใหญ่โตมโหราฬ และมีของต่าง ๆ ถูกเก็บรักษาเอาไว้ด้านในมากมาย มันควรจะเรียกว่าเป็นโกดังเคลื่อนที่มากกว่าแหวนเก็บของเสียด้วยซ้ำ ขนาดของมันนั้นเรียกได้ว่าใหญ่กว่าขนาดของแหวนทั้งหมดที่เดวิดมีอยู่รวมกันเลย
และดูเหมือนว่าเฉียวเฟินจะไม่คิดว่าตัวเองจะตายอยู่ในดินแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งนี้ เธอนำสมบัติที่มีทุกอย่างติดตัวมาด้วย ไม่ได้ทิ้งเอาไว้ภายนอกเลยแม้แต่ชิ้นเดียว หลังจากที่เดวิดสร้างถ้ำเสร็จเรียบร้อย แล้วเริ่มทำการสำรวจทรัพย์สินที่อยู่ภายใน ‘โกดัง’ แห่งนี้ เขาก็ต้องตาค้างไปชั่วขณะ ‘นี่มันค่อยคุ้มค่ากับการเจ็บตัวหน่อย’
แค่ประกายแสงของเหรียญทองที่พร่างพรายก็ทำให้สมองของเดวิดว่างเปล่าไปได้พักหนึ่งแล้ว เมื่อหันไปสำรวจชั้นวางหนังสือ ใช่! มีชั้นวางหนังสืออยู่ข้างในแหวนเหมือนเป็นห้องสมุดเคลื่อนที่ด้วย ดวงตาของเขาก็โตเป็นไข่ห่าน บนนั้นมีทักษะการฝึกสมาธิและทักษะการต่อสู้วางอยู่มากมาย ยังไม่รวมถึงอาวุธชั้นดีต่าง ๆ สมุนไพรอีกหลากหลาย รวมถึงทรัพยากรในการฝึกฝนทั้งที่เดวิดรู้จักและไม่รู้จักอีกนับไม่ถ้วน ความสงสัยผุดขึ้นมาในใจของเขาทันที ‘ยายแก่นี่คงไม่ได้ไปปล้นสำนักเล็ก ๆ ก่อนจะหนีเข้ามาหลบในดินแดนศักดิ์สิทธิ์ใช่มั้ย?’
เดวิดเริ่มสำรวจทำรายการทรัพย์สินของตัวเองทันที เขาส่งคลื่นสมองออกไปครอบคลุมหีบใส่เหรียญทองแล้วนับจำนวนอย่างมีความสุข มันมีอยู่ทั้งหมดแค่ 512,000 เหรียญทองเท่านั้น มากกว่าของเดิมที่เดวิดมีอยู่แค่ประมาณเท่าตัว แต่เมื่อรวมกันก็เกือบทำให้เขาเป็นเศรษฐีเงินล้านแล้ว น่าเสียดายที่มันยังขาดไปอีกเล็กน้อย เดวิดสายหน้าเบา ๆ แต่ประกายตานั้นไม่มีความผิดหวังอยู่เลยแม้แต่นิดเดียว
หลังจากที่นั่งนึกว่าควรจะออกไปโชว์ตัวที่ไหนถึงจะมีพวกคนรวยหน้าโง่มาหาเรื่อง หรือว่าจะออกไปปล้นที่ไหนเพื่อเพิ่มจำนวนเหรียญทองให้ตัวเองได้เยอะที่สุดเสร็จ เดวิดก็หันมาสนใจกับทักษะที่วางอยู่บนชั้นหนังสือต่อทันที เรื่องทักษะระดับกลางหรือระดับสูงไม่ต้องพูดถึง บนชั้นหนังสือนี้ถึงกับมีทักษะระดับปฐพีวางอยู่ด้วย!
ไม่ใช่แค่ทักษะเดียวเท่านั้น เขาเริ่มจะเชื่อจริง ๆ แล้วว่าผู้หญิงคนนี้เพิ่งไปปล้นสำนักคลังสมบัติของสำนักใดสำนักหนึ่งมาแน่ ๆ ด้วยทักษะระดับปฐพีชั้นสูง 2 เล่ม ชั้นกลาง 2 เล่ม และชั้นต่ำอีก 5 เล่ม เดวิดสามารถตั้งตัวเป็นเจ้าสำนักได้เลยด้วยซ้ำ ทักษะพวกนี้สามารถจูงใจให้ผู้ก่อปฐพีมาสมัครงานทำหน้าที่ผู้อาวุโสหรืออาจารย์กับเขาอย่างแน่นอน
ทักษะระดับปฐพีขั้นต่ำแค่เพียงชนิดเดียวก็เพียงพอที่จะทำให้ต้องใช้เวลาฝึกฝนไปชั่วชีวิตแล้ว เดวิดแปลกใจไม่น้อยว่าทำไมอีกฝ่ายถึงได้สะสมเอาไว้มากขนาดนี้ แต่เมื่อดูอายุของคู่มือที่ค่อนข้างจะแตกต่างกัน และความเหี่ยวย่นบนใบหน้าที่เห็นมา เฉียวเฟินน่าจะสะสมพวกมันมาเป็นเวลานานแล้ว บางทีอาจจะเป็นสิ่งที่แย่งชิงมาจากศัตรูก็เป็นได้
เดวิดหวนนึกถึงภารกิจที่ได้รับมาจากทางสถาบันแล้วก็ยิ้มร่า ระหว่างที่เดินทางมาเขาได้รับแจ้งภารกิจที่สามารถกลับไปแลกเปลี่ยนเป็นคะแนนจีโนได้หลายอย่าง หนึ่งในนั้นก็คือการนำทักษะการฝึกฝนคลื่นสมองกลับไปให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ ผลตอบแทนของการนำส่งทักษะระดับปฐพีให้กับทางสถาบันคือคะแนนจีโนที่สูงอย่างน่าเหลือเชื่อ เดวิดแทบจะไม่ต้องออกไปทำภารกิจภายนอกอีกตลอดชีวิตเลยก็ได้
ถึงแม้ว่าการส่งนักเรียนมาฝึกฝนที่นี่จะเหมือนว่าเป็นการกระชับมิตรสานสัมพันธ์ แต่ดูเหมือนว่าสถาบันแทมเบรียจะมีเจตนาที่ซ่อนเร้นอยู่ไม่น้อย แน่นอน! ศิษย์ของสำนักซิกนิสที่ถูกส่งไปที่สถาบันก็คงจะมีภารกิจลับติดตัวไปเช่นกัน
หลังจากที่สงบสติอารมณ์ของตัวเองได้ เดวิดก็เริ่มหยิบทักษะแต่ละเล่มออกมาพิจารณาอย่างละเอียด ความสนใจของเขามุ่งเป็นพิเศษไปยังเล่มที่มีภาพอสรพิษเพลิง 2 หัววาดอยู่บนหน้าปก มันเป็นทักษะการต่อสู้ที่เสริมกระตุ้นด้วยธาตุไฟ พลังทำลายล้างของมันเป็นที่ประจักษ์แก่สายตาแล้ว เพราะมันเป็นทักษะที่เฉียวเฟินใช้ออกมาต่อสู้กับเขานั่นเอง
ชื่อของทักษะนี้คือ ‘อสรพิษเพลิง 2 หัว’ เหมือนกับภาพที่วาดอยู่บนหน้าปก มันมีความหนาอยู่แค่เพียงประมาณ 100 หน้าเท่านั้น จากข้อความที่ระบุเอาไว้ตรงหน้าสรุปเนื้อหา เมื่อฝึกฝนขั้นแรกสำเร็จแล้วจะสามารถสร้างเงาภาพของอสรพิษเพลิง 2 หัวขนาด 5 เมตรออกมาโจมตีใส่คู่ต่อสู้ได้ ถ้าสำเร็จขั้นที่ 2 ขนาดของเงาภาพจะเพิ่มเป็น 30 เมตร มันจะใหญ่ขึ้นไปเรื่อย ๆ ตามระดับความสำเร็จ แต่ในขั้นสมบูรณ์แบบ ผู้ใช้จะสามารถควบคุมขนาดและความรุนแรงได้ตามใจนึกเลยทีเดียว
เดวิดกลืนน้ำลายลงไปเฮือกใหญ่ ในหัวของเขานึกถึงการประยุกต์ใช้หลังจากฝึกถึงขั้นสมบูรณ์แบบไปล่วงหน้าแล้ว ด้วยความที่เป็นคนโอ่อ่าผ่าเผย ไม่มีทางที่เดวิดจะใช้ขนาดที่ใหญ่โตกดดันคู่ต่อสู้อย่างแน่นอน เขาจะบีบอัดมันให้เล็กที่สุด และลอบส่งมันไปกับดาบบินเพื่อจู่โจมแบบไม่ให้คู่ต่อสู้รู้ตัว อา! นี่ช่างเป็นทักษะที่เหมาะสมกับตัวเองเหลือเกิน!!
หลังจากที่ระงับความตื่นเต้นเอาไว้อย่างเต็มที่ เดวิดก็หันไปหยิบทักษะชั้นสูงอีกเล่มขึ้นมาเปิดอ่าน ‘ดาบทะลวงมิติ’ มันเป็นทักษะที่ใช้ดาบบินในการโจมตีอย่างเรียบง่าย จุดเด่นอยู่ที่ความรวดเร็วและไร้ร่องรอย เมื่อฝึกฝนจนสำเร็จ ดาบบินจะเหมือนกับพุ่งผ่านช่องว่างของมิติไปโผล่ต่อหน้าคู่ต่อสู้อย่างฉับพลัน ยิ่งสำเร็จขั้นสูงขึ้นไปเท่าไร ระยะที่ควบคุมจะไกลมากขึ้นเท่านั้น
ดวงตาของเดวิดเป็นประกายเจิดจ้าอีกครั้ง นี่ก็เป็นทักษะที่เหมาะสมกับตัวเองมาก เรื่องการลอบโจมตีแบบนี้ คนสง่าผ่าเผยแบบเขาชอบเป็นชีวิตจิตใจ เดวิดหยุดยิ้มแทบจะไม่ได้ตอนที่เปิดไล่อ่านทักษะเล่มอื่น ๆ จนหมด แต่แววตานั้นดูจริงจังและครุ่นคิด เขาต้องวางแผนในการฝึกฝนให้รอบคอบที่สุดก่อน ทุกทักษะล้วนมีประโยชน์ แต่ก็ไม่ควรที่จะฝึกสุ่มไปอย่างไร้เป้าหมายที่แน่นอน ผู้แข็งแกร่งที่สุดที่มีโอกาสประสบพบเจอในดินแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งนี้คือผู้ก่อปฐพีขั้นสมบูรณ์ ถ้าไม่เพิ่มความแข็งแกร่งให้ถูกจุด เดวิดคิดว่าตัวเองน่าจะเจอกับปัญหาใหญ่ไม่น้อยอย่างแน่นอน
แม้ว่าเขาจะกำจัดผู้ก่อปฐพีชั้นสมบูรณ์แบบไปได้แล้ว 1 คน แต่นั่นก็เป็นเพราะคู่ต่อสู้ประมาทพาตัวเข้ามาสู่กับดักที่ถูกวางเอาไว้ล่วงหน้า ไม่เช่นนั้น ต่อให้เฉียวเฟินจะทำอะไรตนเองไม่ได้ เดวิดก็ไม่สามารถเข้าประชิดตัวทำอะไรอีกฝ่ายได้ง่าย ๆ เช่นกัน ความเร็วของเขาไม่ได้สูงพอที่จะหลบเลี่ยงการโจมตีระยะไกลที่รวดเร็วแบบนั้นได้ทั้งหมด วิธีที่จะทำให้ทุกอย่างง่ายขึ้น คือการต่อสู้ด้วยคลื่นสมองของเดวิดจะต้องมีประสิทธิภาพพอด้วย
หลังจากนั่งคิดอยู่อย่างจริงจัง เขาก็สรุปได้ว่าตัวเองมีทางเลือกในการฝึกฝนอยู่ 2 ทาง อย่างแรกคือมุ่งมั่นยกระดับตัวเองให้ขึ้นไปเป็นผู้ก่อปฐพีหรืออย่างน้อยก็ก้าวเท้าเข้าไปแตะระดับนั้นให้ได้ ปัญหาของการทำแบบนี้คือพื้นฐานการฝึกฝนที่จะสั่นคลอนเสียหายอย่างหนัก ความเข้มข้นของคลื่นสมองที่เพิ่มขึ้นรวดเร็วเกินไปจะไม่สามารถผสานเข้ากับร่างกายได้อย่างสมบูรณ์ ส่วนทางเลือกที่ 2! เดวิดต้องฝึกทักษะการต่อสู้ระดับปฐพีขั้นสูงให้สำเร็จ และใช้มันลดช่องว่างระหว่างผู้ก่อพลังชั้นสมบูรณ์กับผู้ก่อปฐพีลงมาให้ได้มากที่สุด ส่วนการกำจัดพวกเขา!? ก็ถ้าไม่ใช่ร่างผสม ก็คงเป็นร่างแวมไพร์ หรือร่างมนุษย์หมาป่าตามแต่สถานการณ์ ข้อจำกัดของวิธีนี้? การฝึกฝนทักษะระดับปฐพียากเย็นแสนเข็ญอยากยิ่งนัก อย่างน้อย ๆ ก็ตามความเข้าใจของผู้ฝึกฝนคนอื่น ๆ ทั่วไป
เดวิดหวนหยิบทักษะอสรพิษเพลิง 2 หัวออกมาเปิดอ่านวิธีการฝึกฝน ตามด้วยทักษะดาบทะลวงมิติ คิ้วของเขาขมวดแน่น เปลี่ยนไปหยิบทักษะชั้นกลางและชั้นต่ำออกมาศึกษาแทน ก่อนจะเริ่มมีรอยยิ้มออกมาบ้าง เดวิดระบายลมหายใจยาวออกมา ก่อนจะจัดท่าทางของตัวเองให้เข้าที่เข้าทาง หลับตาลงทำสมาธิทันที
.........
เวลาในดินแดนศักดิ์สิทธิ์ผ่านไปอย่างรวดเร็ว การต่อสู้ฆ่าฟันสังหารระหว่างศิษย์สำนักต่าง ๆ กลายเป็นเรื่องปกติธรรมดาที่เกิดขึ้นกระจายอยู่ทั่วดินแดน ผู้ที่อ่อนแอกว่าถูกกำจัดลงไปมากขึ้นเรื่อย ๆ จนในที่สุด การรวมกลุ่มก็เริ่มเกิดขึ้น แทบจะไม่เหลือผู้ที่เดินทางค้นหาสมบัติตามลำพังอีกแล้ว ถ้าไม่ใช่ผู้ที่ทะนงตัวว่ามีความแข็งแกร่งขั้นสุดยอดจริง ๆ
แน่นอน! การทรยศหักหลังแย่งชิงสมบัติกันในกลุ่มเกิดขึ้นเนือง ๆ ถ้าอาวุธ ทักษะ หรือสมุนไพรที่พบเจอนั้นมีมูลค่าสูงจนกระตุ้นให้เกิดความโลภในใจคน แต่หลังจากที่มีการรวมตัวกันออกล่าสมบัติ อัตราการเสียชีวิตในดินแดนศักดิ์สิทธิ์ก็ลดลงได้บ้าง เล็กน้อย!
ภายในถ้ำเล็ก ๆ ที่เดวิดเก็บตัวอยู่ เขานั่งขัดสมาธิอยู่อย่างเงียบ ๆ กำลังครุ่นคิดทบทวนแผนการว่าจะทำอะไรต่อไป ในระยะเวลาเกือบ 1 เดือนที่ผ่านมา เดวิดทุ่มเทฝึกฝนทักษะการต่อสู้อย่างหนัก จนในที่สุดก็สามารถบรรลุระดับสมบูรณ์แบบได้อีก 3 ทักษะแล้ว และล้วนแต่เป็นทักษะระดับปฐพีทั้งสิ้น...