ตอนที่ 1 แผนปั้นน้องสาว
ภพสวรรค์โจวซิง ปี 2095 ตามปฏิทินสวรรค์
ณ ลานฝึกสำนักร้อยดอกบัว เวลานี้ ฤดูหนาวกำลังแผ่ปกคลุม อากาศหนาวทิ่มแทงกระดูก เด็กชายสี่ขวบกำลังฝึกสอนเด็กสาวสามขวบที่ร่ายรำเพลงหมัดท่ามกลางหิมะ
“กางขาออก มือตรง! ชกหมัดเสยขึ้น!”
ใบหน้าของเด็กชายแดง หูก็ยังอุ่น แต่ริมฝีปากของเด็กสาวเป็นสีฟ้าเพราะหนาว
นั่นเพราะเด็กชายห่อตัวเองด้วยชุดขนหมี ส่วนเด็กสาวใส่ชุดตัวบาง
“พี่ ข้าหนาว ข้าหนาว..”
เด็กชายกอดอก“ข้าก็ยืนรับลมหนาวเหมือนกัน เจ้าไม่แข็งตายหรอก อากาศหนาวนี้ทำร้ายเจ้าไม่ได้”
เวลานี้ สาวใช้ที่มากับทั้งสองทนไม่ไหวอีกและเดินไปข้างเด็กชาย พยายามเกลี้ยกล่อม“นายน้อย อย่ารังแกคุณหนูเพ่ยเลย นางน่าสงสารมาก ในวันหิมะเช่นนี้ แม้กระทั่งจมูกข้าก็ยังเย็น”
เด็กชายเหลือบมองสาวใช้อย่างรังเกียจ“ใครรังแกนาง?นี่คือการฝึกฝน”
“การฝึกฝนไม่ใช่การแข็งตายในหิมะนี่?”
“เจ้าไม่เข้าใจ!”
“..”
สาวใช้มองเด็กสาวที่ตัวสั่นท่ามกลางลมหนาวอย่างสงสาร แม้จะยังอยากอ้อนวอน แต่เด็กชายหัวรั้นไปจนไม่ฟังใครยกเว้นประมุขและภรรยา
นางเลยต้องถอยและคิดไปรายงานท่านประมุขให้มาสั่งสอนเขา
เด็กชายคือเย่อันผิง บุตรชายคนเดียวของประมุขสำนักร้อยดอกบัว สำนักเล็กในภพสวรรค์โจวซิง
แต่ ในฐานะนายน้อยของสำนัก เย่อันผิงไม่เกิดมาพร้อมช้อนเงินในปาก แม้เขาจะข่มเหงแบบนี้ สาวใช้ก็จำได้ว่านายน้อยค่อนข้างน่ารักก่อนเขาจะเปลี่ยนไปตอนสามขวบ
เขาเคยน่ารัก ทำตัวเหมือนเด็กน้อย และชอบกินลูกกวาดผลไม้
แต่ด้วยเหตุผลบางอย่าง นับตั้งแต่เด็กสาวที่ชื่อเพ่ยเหลียนเสวี่ยถูกประมุขนำกลับมา นายน้อยก็เปลี่ยนไป
เขาไม่กินลูกกวาดผลไม้อีก และไม่ทำตัวน่ารัก เขาจะมักทรมานเสี่ยวเพ่ยทั้งกลางวัน กลางคืน ฤดูฝนหรือหนาว
ถ้าอยากหนี นายน้อยจะลากนางกลับมา ตอนถามว่าทำไม เขาก็มักตอบว่า’เพื่อน้องเพ่ย”
ประมุขยุ่งทุกวันและไม่มีเวลามาสนใจทั้งสอง ส่วนสาวใช้ก็โน้มน้าวไม่ได้
“อา…”สาวใช้ถอนหายใจ
พอได้ยินเสียงถอนหายใจของนาง เย่อันผิงก็ส่ายหัว ในสายตาสาวใช้ เขากลายเป็นเด็กขี้รังแกซะแล้ว
ดี เขาไม่สามารถโทษคนอื่นที่คิดแบบนั้นได้ เหนือสิ่งอื่นใด เขาคือคนเดียวที่รู้ว่าวิธีการนี้ถึงจะสามารถพัฒนาร่างกายและพลังปราณของเพ่ยเหลียนเสวี่ยได้
สิบปีจากนี้ เพ่ยเหลียนเสวี่ยและสำนักร้อยดอกบัวจะประสบหายนะ
ผู้บ่มเพาะมารที่ชื่ออู่โหยวจะบาดเจ็บสาหัสและมาสำนักเพื่อหาเลือดคนที่สามารถรักษาแผลเขาได้
ภายใต้กระบี่ของชายคนนั้น ไม่มีศิษย์คนใดของสำนักที่รอด เลือดไหลจากยอดเขาลงตีนเขา
เพ่ยเหลียนเสวี่ยคือคนเดียวที่รอด
แต่จากนั้น นางก็โดนอู่โหยวจับมัดและกลายเป็นเตาหลอมมนุษย์ เสียความหวังทั้งหมด นางต้องทนทรมานอย่างมาก
เขารู้ได้ไงนะเหรอ?
เพราะโลกนี้เหมือนกับเกมแฟนตาซีที่เขาเคยเล่น
กล่าวอีกนัยหนึ่ง นี่คือโลกแห่งเกมที่เรียกว่า’กระบี่สวรรค์แฟนตาซี’
สำหรับเย่อันผิง เขาคือนักข้ามเวลาที่ข้ามายังเกมนี้ แต่ เขาไม่เกิดเป็นพระเอกหรือตัวร้าย และไม่ลืมสิ่งที่เคยเล่น
เขากลับกลายมาเป็นตัวประกอบที่จะตายไม่นานหลังเริ่มเกม มีแค่คำบรรยายสั้นๆถึงเขา
[ในวันนั้น เลือดของสำนักร้อยดอกบัวไหลเหมือนแม่น้ำ ภายใต้กระบี่โลหิตของอู่โหยว หัวของประมุขตกพื้น บุตรชายวัย15กลายเป็นอาหารสำหรับสุนัขและอสูรในขุนเขา..]
บุตรชายวัย 15 ก็คือเขา
เพื่อกลายเป็นนายน้อยผ่านการข้ามโลก ฝีมือของเขาควรดีใช่ไหม?
แต่ความสามารถของเขาแค่ถือว่าดีในโลกของผู้บ่มเพาะเซียน รากปราณคู่ น้ำและไม้
แต่ แม้กระทั่งพระเอกก็ยังแทบไม่รอดชีวิตภายใต้เงื้อมมือของอู่โหยว
สำหรับคนอย่างเขาที่ไม่มีข้อได้เปรียบแบบตัวละครหลัก มีช่องว่างใหญ่ระหว่างเขากับอู่โหยว
ดังนั้น เย่อันผิงเลยทุ่มความหวังทั้งหมดกับเพ่ยเหลียนเสวี่ยวัยสามขวบ
ในช่วงต้นของเกม เพ่ยเหลียนเสวี่ยคือศิษย์ธรรมดามีความสามารถปานกลาง และรากปราณสามราก
แต่ในความเป็นจริง นางมีรากปราณน้ำเดี่ยวที่หายากมากซึ่งจะปรากฏในรอบหมื่นปีเท่านั้น เพราะเหตุนั้น นางเลยถูกเข้าใจผิดว่าเป็นเด็กสาวธรรมดาสามรากปราณ
มันเป็นตอนอู่โหยวสังหารตระกูลเขาถึงเห็นพรสวรรค์นางและเปลี่ยนนางเป็นเตาหลอมส่วนตัว
กล่าวอีกนัยหนึ่ง เพ่ยเหลียนเสวี่ยคืออัจฉริยะไร้ผู้ต้าน
ดังนั้น เย่อันผิงจึงตัดสินใจว่าก่อนอู่โหยวจะมา เพ่ยเหลียนเสวี่ยต้องเก่ง
พอมองริมฝีปากที่เป็นสีฟ้าของเด็กสาว เย่อันผิงก็ขมวดคิ้ว เดินไปข้างหน้าและลูบข้อมือนางอย่างอ่อนโยน“น้องพี่”
พอคิดว่าการฝึกวันนี้จบลงแล้ว ดวงตาของเพ่ยเหลียนเสวี่ยก็เป็นประกาย นางมองเขาอย่างมีความสุข ถามเสียงสั่น“พี่…พี่…เรา..เรากลับ..กันได้หรือยัง?”
เห้อ นางหนาวจนพูดไม่ได้แล้ว….สาวใช้ถอนหายใจยาว
แต่ คำพูดต่อไปของเย่อันผิงก็ทำให้สาวใช้อ้าปากค้าง
“มาเริ่มหลอมกระดูกกัน”
เพ่ยเหลียนเสวี่ยไม่เข้าใจว่าเย่อันผิงหมายถึงอะไร นางเอียงหัว’เอ๊ะ?”
วินาทีต่อมา นางเห็นเย่อันผิงกลั้นหายใจและบิดข้อมือขวานางสุดแรง
เปราะ
ข้อมือขวานางบิดผิดรูป
“….”
เพราะตัวนางแข็งไปหมด เพ่ยเหลียนเสวี่ยจึงไม่เจ็บ แต่พอเห็นแขนขวาโดนบิด รูม่านตานางก็หดลง ปากเปิดกว้าง จากนั้นก็….”
“กรี้ดดดดดด!!!”
เย่อันผิงยกมือ“อย่าร้อง ยังเหลือกระดูกอีก 35 ชิ้นให้หัก”
“ฮึกหกก!!”
เพ่ยเหลียนเสวี่ยอยากนหี แต่ขาแข็ง นางขยับตัวไม่ได้ นางได้แต่มองเด็กชายหักกระดูกนางและดึงพวกมันกลับที่เดิม
สาวใช้กลัวจนรีบวิ่งไปแจ้งประมุข
ตามคาด เย่อันผิงโดนตีจนก้นลาย แต่ เขาไม่ยอมลดละ หลังจากนั้น เขากลับโหดกว่าเดิม
เขาหักเข่านาง 50 ครั้ง โยนนางเข้าทะเลสาบน้ำแข็งสามวันสามคืน โยนนางตกหน้าผาร้อยเมตร ส่งนางเข้ารังสัตว์อสูร…
…
ใบเมเปิ้ลในสำนักเปลี่ยนสี ฤดูหนาวเปลี่ยนเป็นฤดูใบไม้ร่วง และใบไม้ร่วงก็เป็นใบไม้ผลิ ดังนั้น สิบปีจึงผ่านไปไวในพริบตา
เพ่ยเหลียนเสวี่ยกับเย่อันผิงโตเป็นหนุ่มเป็นสาวแล้ว
ในห้องนอนของเย่อันผิง กระจกสัมฤทธิ์บนโต๊ะแต่งตัวสะท้อนใบหน้าหล่อเหลา
ดวงตาคู่นั้นเป็นสีดำและสุขุม เปล่งแสงเสน่ห์ ผิวของเขาขาวเนียน
พอมองใบหน้าในกระจก เย่อันผิงก็ชม“จะมีผู้ชายที่มีทั้งร่องรอยของมังกรและหง์ในโลกนี้ได้ไง?”
สาวใช้ข้างเขาที่กำลังหวีผมถอนหายใจ“นายน้อย ท่านอายุ 15 แล้ว ข้ารู้สึกว่าท่านควรแสดงบารมีบ้าง”
“เจ้าคิดว่าชายในกระจกหล่อมากไหม เสี่ยวเตี๋ย?”
“นายน้อยหล่อมากเจ้าค่ะ แต่ทุกเช้า ข้าน้อยต้องฟังเขาทุกวัน หลังฟังมาสิบปี หูของข้าน้อยก็ชินแล้ว”
เย่อันผิงยิ้ม“เจ้ารู้ไหม?ถ้าเจ้าเอาแต่บอกว่าเขาหล่อ งั้นคนนั้นก็จะหล่อจริงๆ”
“มีเรื่องแบบนั้ด้วยหรือ?”เสี่ยวเตี๋ยเอียงหัวอย่างสับสน
“ดูน้องสาวแสนสวยของข้าสิ ไม่ใช่เพราะข้าชมนางว่าสวยทุกวันเหรอ?”
“..”
เสี่ยวเตี๋ยถอนหายใจ.“นายน้อย ไม่ใช่ว่าคุณหนูเพ่ยสวยอยู่แล้วหรือ?”
“ไม่มีทาง!”เย่อันผิงโบกมือ“ถ้าไม่ใช่ตัวละครสนับสนุนด้วยซ้ำ ถ้าไม่ใช่เพราะข้าพูดชมทุกวัน นางจะสวยกว่าตัวเอกไปได้ไง?”
“นายน้อย ท่านพูดอีกแล้ว ตัวเอกตัวสนับสนุนอะไรกัน?ท่านอ่านนิยายมากเกินไปแล้ว ประมุขจะตีท่านเอาได้นะ!”
“เจ้าไม่เข้าใจ ในหนึ่งหรือสองเดือน เพ่ยเหลียนเสวี่ยจะฆ่าปรมาจารย์ของสำนักพิษมารและช่วยสำนักร้อยดอกบัวเราไว้’
“ท่านพูดเรื่องนี้มาเป็นสิบปีแล้ว”เสี่ยวเตี๋ยเม้มริมฝีปาก“สำนักพิษมารอยู่ทางตะวันออก ห่างจากเรานับพันลี้”
เย่อันผิงส่ายหัว หยุดอธิบายและยืน“เอาเม็ดยารักษามาให้ข้าเพิ่ม วันนี้ข้าจะไปสู้กับน้องข้า”