CD บทที่ 436 คลี่คลายคดีฆาตกรรมวัว
“เฮ้! เธอหมายความว่าอะไร!? ทำไมต้องไปดูที่เกิดเหตุด้วย!?” หลี่เอ๋อร์กั๋วพูดอย่างหัวเสีย “ดูพูดเข้าสิ ทำเหมือนว่ามันไม่ใช่เรื่องใหญ่โตอะไร เธอรู้ไหมว่าวัวของฉันมีมูลค่าเท่าไร!? เธอมีปัญญาจ่ายรึเปล่า!? หรือที่ทำเป็นพูดพล่ามเพราะตั้งการเบี้ยวค่าชดเชยของฉัน!”
เหมี่ยวอิงสังเกตจากด้านหลัง เธอมองเห็นได้ชัดเจนว่าแก้มของจ้าวหยู่ขยับ อาจเป็นเพราะเขากัดฟันและเตรียมพร้อมที่จะโจมตี
อย่างไรก็ตาม ความอดทนของจ้าวหยู่มีมากจนเหมี่ยวอิงคาดไม่ถึง เธอไม่คิดว่าจ้าวหยู่จะยังยิ้มและพูดอย่างใจเย็นว่า
"ลุงเอ๋อร์กั๋ว ฉันไม่รู้ว่าวัวของคุณมีค่าเท่าไหร่ แต่พอดีฉันนำเงินติดตัวมาด้วย ฉันไม่แน่ใจว่ามันพอชดเชยให้คุณได้มั้ย?”
ขณะที่เขาพูด จ้าวหยู่ก็เปิดประตูรถและหยิบกระเป๋าใส่เงินสดหนึ่งล้านหยวนออกมา เพื่อสร้างความประทับใจให้มากขึ้น ในขณะที่เอื้อมมือเข้าไปในกระเป๋าเพื่อหยิบเงินสด เขาได้จงใจปล่อยกระเป๋าใส่เงิน ทำให้ธนบัตรหลายใบตกลงบนพื้น!
“เอ้ย!”
“ว้าว!”
“โอ้พระเจ้า!”
ทุกคนที่เห็นเงินต่างก็อุทานด้วยความตกใจ ไม่มีใครคาดคิดว่าจ้าวหยู่จะนำเงินมามากมายขนาดนี้ มันเป็นภาพที่ทำให้ต้องอ้าปากค้างและทำให้เกิดเสียงฮือฮาในหมู่ฝูงชน
หลี่เอ๋อร์กั๋วจ้องมองอย่างไม่วางตา เขาไม่อยากจะเชื่อสายตาของตัวเองเลย
“มะ… มันเยอะมาก…”
“ลุงเอ๋อร์กั๋ว ฉันรู้ว่าวัวส่วนใหญ่ในหมู่บ้านของเรามีราคาไม่เกินสองหมื่นหยวน” จ้าวหยู่ก้มลงหยิบเงินจากพื้นดินและยิ้มอย่างพึงพอใจ “ถ้าฉันจะชดเชยคุณสักห้าหมื่นหยวน มันก็ควรจะเกินพอใช่ไหม?”
"อะไรนะ? ห้าหมื่นหยวน?” หลี่เอ๋อร์กั๋วกลืนน้ำลายอย่างแรง
ในความเป็นจริง วัวของเขามีมูลค่าเพียงประมาณหนึ่งหมื่นหยวนเท่านั้น เมื่อได้ยินข้อเสนอของจ้าวหยู่ที่จะชดเชยเขาห้าหมื่นหยวน เขาก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกดีใจมาก เขายิ้มกว้างและพูดว่า
“เยี่ยม… ฉันไม่ได้คิดว่าเจ้าอ่อนจะรวยขนาดนี้! เอาล่ะ ในเมื่อเราเป็นเพื่อนบ้านเก่า ฉันจะรับห้าหมื่นหยวนไว้ก็ได้ ฮ่าฮ่าฮ่า!”
"ดี!" เมื่อจ้าวหยู่รวบรวมเงินทั้งหมดเสร็จแล้ว เขาก็ชี้ไปที่สวนข้างบ้านแล้วพูดว่า “เอาล่ะ เราไปดูที่เกิดเหตุก่อน ฉันอยากจะค้นหาข้อมูลเพิ่มเติมว่าวัวตายได้อย่างไร ก่อนที่ฉันจะชดเชยให้คุณ”
“แน่นอน… แน่นอน…” หลี่เอ๋อร์กั๋วได้รับอิทธิพลจากเงินอย่างง่ายดาย จึงตอบด้วยน้ำเสียงอ่อนน้อมถ่อมตน
จ้าวหยู่ยื่นกระเป๋าที่บรรจุเงินให้เหมี่ยวอิงแล้วหันกลับไปเดินไปที่สวน
“เดี๋ยวสิ! เสี่ยวหยู่! ลูกอย่าให้เงินพวกเขานะ! เรื่องทั้งหมดนี้ฟังดูน่าสงสัยมาก!” แม่ของจ้าวหยู่ต้องการรีบไปหยุดเขา แต่เหมี่ยวอิงที่มีไหวพริบเฉียบแหลมหยุดเธอไว้
“ไม่ต้องห่วงค่ะ คุณป้า จ้าวหยู่เขามีแผนการบางอย่างในใจ เรามาดูกันว่าเขาจะแก้ไขปัญหาได้ยังไงดีกว่าค่ะ” เหมี่ยวอิงยิ้มและพูดปลอบใจอีกฝ่าย ดังนั้นแม่ของจ้าวหยู่จึงค่อย ๆ สงบลง
ที่ดินตรงบริเวณข้างบ้านจของครอบครัวจ้าวหยู่ถูกซื้อครั้งแรกในราคาต่ำมากเมื่อห้าปีที่แล้ว แต่ราคาของที่ดินกลับเพิ่มขึ้นเป็นทวีคูณ เนื่องจากการปรับขึ้นของที่ดินในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา
หลังจากซื้อที่ดินแล้ว ครอบครัวของจ้าวหยู่ไม่มีเงินเหลือที่จะสร้างบ้านหลังใหม่ พ่อของจ้าวหยู่จึงเริ่มปลูกผักบนพื้นดิน และค่อย ๆ เปลี่ยนให้เป็นสวนผักเล็ก ๆ
บังเอิญฝั่งตรงข้ามของสวนผักคือบ้านของหลี่เอ๋อร์กั๋ว ระยะห่างระหว่างโรงเลี้ยงวัวในบ้านของหลี่เอ๋อร์กั๋วและสวนผักนั้นใกล้กันมาก
เมื่อจ้าวหยู่เข้าใกล้สวนผัก เขาเห็นฉากตรงหน้าซึ่งงมันตรงกับที่หลี่เอ๋อร์กั๋วพูด มีกุญแจล็อคอยู่ที่ประตูรั้ว แต่กุญแจถูกเปิดออกแล้ว
ก่อนที่จ้าวหยู่จะก้าวเข้าไปในสวนผัก เขาได้ตรวจสอบตัวล็อคประตู เขาสังเกตเห็นว่าสามารถดึงล็อคออกได้อย่างง่ายดายโดยไม่ต้องใช้ลูกกุญแจ
"เห็นมั้ย! กุญแจมันพังไปตั้งนานแล้ว!“พ่อของจ้าวหยู่ชี้แจงอย่างรวดเร็ว”ใคร ๆ ก็สามารถเปิดประตูรั้วเข้าไปง่าย ๆ นอกจากนี้ฉันปลูกผักเพียงบางส่วนเท่านั้นและไม่มีค่าอะไร บางครั้งฉันก็ไม่ได้ล็อคประตูรั้วด้วยซ้ำ!”
“เฮ้! หยุดหาข้อแก้ตัวได้แล้ว!” หลี่เอ๋อร์กั๋วโต้กลับ “เมื่อฉันมาถึงเมื่อเช้า ฉันเห็นได้ชัดเจนว่ากุญแจยังล็อคอยู่เลย!”
จ้าวหยู่สังเกตทางเข้าประตูอย่างระมัดระวัง ก่อนที่จะก้าวเข้าไปในสวนผัก เขาเห็นวัวสีเหลืองตัวใหญ่นอนอยู่ในทุ่งผักตรงทางเข้าสวน และคอของวัวก็ถูกเชือด เลือดไหลซึมออกมาจากรอยแผล และผืนดินที่อยู่รอบ ๆ ก็เปื้อนสีแดงด้วยเลือด กลิ่นเลือดลอยอบอวลไปทั่ว
"โธ่!" จ้าวหยู่ก้มลงแล้วพูดว่า "น่าเสียดายที่ต้องเสียวัวตัวใหญ่นี้ไป!"
“มันคือวัวหลู่ซื่อพันธุ์แท้!” หลี่เอ๋อร์กั๋วโพล่งขึ้นมา “มันทำให้ใจฉันปวดร้าวที่ต้องเห็นวัวของฉันตายไป!”
"เอาล่ะ!" จ้าวหยู่สังเกตเหตุการณ์อย่างรอบคอบ และเริ่มวิเคราะห์ว่า “นี่เป็นวัวตัวใหญ่มาก ถ้ามันตายไปแล้วก่อนที่จะมาอยู่ตรงที่เกิดเหตุ การขนย้ายมันมาที่นี่คงจะเป็นเรื่องยากลำบากมาก แสดงว่าต้องมีคนนำวัวมาที่นี่เพื่อฆ่ามัน ดังนั้นที่นี่คือที่เกิดเหตุของคดีนี้”
เมื่อได้ยินการวิเคราะห์ของจ้าวหยู่ ทุกคนก็รู้สึกตื่นตัวมาก เนื่องจากมีผู้คนจำนวนมากเกินไป ผู้ที่ไม่สามารถเข้าไปได้จึงต้องเขย่งเท้าและมองเข้าไปด้านในจากรั้ว
“รอยเท้าจากสถานที่เกิดเหตุถูกเหยียบจนไม่สามารถนำมาใช้อ้างอิงได้แล้ว และการแยกลายนิ้วมือออกมาก็คงเป็นเรื่องยากเช่นกัน” จ้าวหยู่พึมพำกับตัวเอง เขาสวมถุงมือสีขาวและตรวจดูวัวที่ตายแล้ว
“อืม…” จ้าวหยู่ส่ายหัวแล้วพูดว่า “ดูสิ! มีรอยบุบตามผิววัวเยอะมาก รอยบุบเหล่านี้คงถูกทิ้งไว้โดยคนที่คุกเข่าตรงนี้ นี่แสดงให้เห็นว่าน่าจะมีคนสี่ถึงห้าคนจับวัวไว้ เพื่อที่วัวจะได้ไม่ดิ้นรนเพื่อดึงดูดความสนใจ และให้หนึ่งในนั้นทำการเชือดคอมัน!”
ขณะที่เขากำลังพูด จ้าวหยู่หันไปทางบาดแผลกรีดที่คอของวัว เขากล่าวเสริมว่า
“บาดแผลตัดอย่างประณีต นี่แสดงให้เห็นว่าฆาตกรมีประสบการณ์ในการฆ่าวัว นอกจากนี้ คุณจะเห็นว่าไม่มีรอยเปื้อนหรือคราบเลือดกระจายอยู่รอบ ๆ นี่ยังแสดงให้เห็นว่าตอนวัวกำลังจะตายต้องมีคนคอยจับมันอยู่”
หลี่เอ๋อร์กั๋วและคนอื่น ๆ ตั้งใจฟัง แต่ไม่เข้าใจอย่างถ่องแท้ว่าจ้าวหยู่หมายถึงอะไร จ้าวหยู่คลำดูรอบๆ ตัวของวัว จากนั้นเขาง้างปากของวัวออกมาดู
โดยไม่คาดคิด หลังจากมองดูไม่กี่ครั้ง เขาก็พูดด้วยน้ำเสียงประหลาดใจว่า
"ว้าว! ฉันเจออะไรเข้า! มาดูสิ! ปากวัวมีตุ่มพองจำนวนมาก และยังมีแผลที่ผิวหนังซึ่งเกิดจากการแตกของตุ่มพองด้วย นี่เป็นสัญญาณของการติดเชื้อแบคทีเรียอย่างชัดเจน ลุงเอ๋อร์กั๋ว วัวของลุงติดโรค!”
"ห๊ะ?"
เมื่อได้ยินสิ่งนี้ ทั้งหลี่เอ๋อร์กั๋วและภรรยาของเขาก็อดไม่ได้ที่จะตัวสั่น
“นี่…” หลี่เอ๋อร์กั๋วกล่าวในการปฏิเสธครั้งแรก “เธอต้องเข้าใจผิดแน่ ๆ วัวของเรามีสุขภาพแข็งแรงอยู่เสมอ มันจะป่วยได้อย่างไร?”
"ใช่ ๆ!" ภรรยาของหลี่เอ๋อร์กั๋วสนับสนุนอย่างรวดเร็ว
"ไม่เป็นไร!" จ้าวหยู่กล่าวว่า “ฉันเป็นนักสืบที่รับผิดชอบคดีอาญา ถ้าฉันสามารถคลี่คลายคดีลักพาตาเมียนหลิง รวถึงคดีพิเศษอื่น ๆ ได้ กะอีแค่คดีฆาตกรรมวัวธรรมดานี้ ฉันสามารถคลี่คลายได้อย่างแน่นอน
ฉันจะขอให้ผู้เชี่ยวชาญด้านเทคนิคของสถานีตำรวจของเรามาทดสอบดูว่าวัวป่วยดีมั้ย? ลุงเอ๋อร์กั๋ว ถ้าวัวของคุณไม่ได้ป่วย นี่คงเป็นเรื่องเข้าใจผิด มันหมายความว่าวัวที่ตายตัวนี้ไม่ใช่วัวของคุณ”
“ไม่ มัน… มันอาจจะป่วย!” ภรรยาของหลี่เอ๋อร์กั๋วรีบพูดขึ้นมาทันควัน "เมื่อไม่นานมานี้ วัวดูกระสับกระส่ายเล็กน้อย แต่… เกี่ยวอะไรกับการที่ครอบครัวของเธอขโมยและการฆ่าวัวด้วย?”
“มันจะไม่สำคัญได้ยังไง?” จ้าวหยู่พูดอย่างรวดเร็ว “มันยังชัดเจนไม่พอเหรอ? วัวอาจจะตายในบ้านของคุณ และคุณจงใจพามันมาที่บ้านของเราเพื่อฆ่ามัน โดยวางแผนที่จะรีดไถเงินจากเรา มันไม่มากเกินไปเหรอ!?”
“จ้าวหยู่ แกกำลังใส่ร้ายฉัน!” หลี่เอ๋อร์กั๋วตะโกน “อย่างที่แกพูด เราต้องการหลักฐานในคดีนี้ ตอนนี้ไม่มีหลักฐานในสิ่งที่แกเพิ่งพูดมาเลย ไม่ว่ายังไงครอบครัวของแกจะต้องรับผิดชอบ!”
“ใจเย็น ๆ ฟังฉันก่อน!” จ้าวหยู่ยกมือขึ้นแล้วพูดว่า “อันที่จริง มีหลักฐานมากมายที่นี่ คุณไม่เห็นเหรอ? โดยทั่วไปเมื่อคุณฆ่าวัว คุณจะต้องใช้เชือกมัดวัวก่อน อย่างไรก็ตาม ในกรณีนี้ มันเกี่ยวข้องกับวัวป่วย ดังนั้นจึงไม่เห็นร่องรอยใด ๆ เลยที่วัวถูกมัดไว้ล่วงหน้า”
“อีกนัยหนึ่ง การจะฆ่าวัว มันต้องใช้ความพยายามอย่างมากในการจับวัวไว้ เพื่อป้องกันไม่ให้วัวดิ้น มันต้องมีรอยบุบหลงเหลืออยู่ ดังนั้นทันทีที่ฉันพาเพื่อนร่วมงานจากแผนกนิติเวชมาทำการทดสอบ ฉันก็สามารถหาฆาตกรตัวจริงเจอแล้ว”
"ห๊ะ?" หลี่เอ๋อร์กั๋วสะดุ้งและหยุดชั่วขณะหนึ่ง หลังจากนั้นเขาก็ถามว่า “เป็นไปได้อย่างไร? มีรอยบุบเพียงไม่กี่รอย เธอก็จะหาฆาตกรตัวจริงได้ยังไง?”
"ได้แน่นอน!" จ้าวหยู่ยืนยันว่า “การทดสอบสามารถจับคู่ตัวอย่าง DNA และสะเก็ดผิวหนังได้อย่างง่ายดาย เมื่อถึงเวลาตรวจสอบ ครอบครัวของฉันจะให้ความร่วมมือในการสอบอย่างแน่นอน แล้วครอบครัวของคุณล่ะจะร่วมมือด้วยใช่ไหม?”
“มันทำได้จริงเหรอ?” หลี่เอ๋อร์กั๋วไม่เชื่อ เขาพูดด้วยน้ำเสียงขาด ๆ หาย ๆ “แน่นอน เราจะให้ความร่วมมือ แต่มันจะยุ่งยากหรือเปล่า?”
"อะไรนะ? คุณกังวลเรื่องความยุ่งยากงั้นเหรอ? ฮ่าฮ่าฮ่า!“จ้าวหยู่หัวเราะและพูดว่า”อันที่จริง ฉันมีหลักฐานเด็ดอยู่นะ อยากรู้ว่ามันคืออะไร?”
ขณะที่จ้าวหยู่พูด เขาก็หันไปทางร่างของวัวแล้วพูดว่า
"ฉันรู้แล้วว่าฆาตกรซ่อนอาวุธสังหารไว้ที่ไหน คุณจะเชื่อที่ฉันพูดมั้ย?”