1251 - วิหารบรรพชนจงโจว
1251 - วิหารบรรพชนจงโจว
“แท่นบูชาห้าสีช่างเป็นแท่นบูชาห้าสีจริงๆ!” ทุกคนต่างตกตะลึงและมองไปยังจี้จื่อเยว่
“มันควรจะอยู่ในจงโจว”
จี้จื่อเยว่ค้นหาจากคัมภีร์โบราณและค้นพบเบาะแสบางอย่าง ฉากในความฝันนั้นคล้ายกับสถานที่ในจงโจวมาก ยิ่งนางค้นหามากเท่าไร นางก็ยิ่งหวาดกลัวมากขึ้นเท่านั้น
ในจงโจวครั้งหนึ่งมีราชวงศ์อมตะเรียกว่า “การเปลี่ยนแปลงช่วงนิรันดร์(อวี้หัว)” หากยังมีอยู่ก็อาจเป็นราชวงศ์แรกในโลก ในเวลานั้นราชวงศ์ที่ยิ่งใหญ่อีกสี่ราชวงศ์ยังไม่ปรากฏ พื้นที่ส่วนใหญ่ของจงโจวอยู่ภายใต้การปกครองของพวกเขา
จากคำว่า “การเปลี่ยนแปลงชั่วนิรันดร์” เรายังสามารถอนุมานได้ว่าผู้คนในราชวงศ์นี้กำลังแสวงหาความหมายที่แท้จริงของความเป็นอมตะ และทุกสิ่งก็มีไว้เพื่อประโยชน์ของการเป็นอมตะ
อย่างไรก็ตาม มันพังทลายลงในชั่วข้ามคืนและถูกลบออกจากโลกนี้ ราวกับว่ามันไม่เคยมีอยู่จริง หากไม่ใช่ว่าตระกูลจี้เป็นหนึ่งในดินแดนศักดิ์สิทธิ์ที่เก็บสะสมคัมภีร์โบราณมากที่สุดอาจจะไม่มีใครรู้เรื่องนี้เลย
จี้จื่อเยว่ค้นหาแผนที่เก่าๆ ที่ถูกเก็บไว้ในตำราโบราณ เพราะว่าแท่นบูชาห้าสีในความฝันตั้งอยู่ติดกับวิหารบรรพชนของราชวงศ์อวี้หัว
“ราชวงศ์อวี้หัวแข็งแกร่งมาก พวกเขามีแท่นบูชาห้าสี?” ผังป๋อรู้สึกประหลาดใจอย่างยิ่ง หากไม่มีจักรพรรดิผู้ยิ่งใหญ่ดำรงอยู่มันไม่มีทางที่พวกเขาจะสร้างแท่นบูชาห้าสีขึ้นได้
“ข้าได้ยินมาว่านี่เป็นราชวงศ์ศักดิ์สิทธิ์ที่ทรงพลังอย่างยิ่ง ตอนนั้นพวกเขาเป็นอันดับหนึ่งในจงโจว แม้ว่าพวกเขาจะมีจักรพรรดิผู้ยิ่งใหญ่ดำรงอยู่แต่สุดท้ายจุดจบของพวกเขาก็เหลือเพียงขี้เถ้ากองหนึ่งเท่านั้น” จักรพรรดิดำกล่าว
“ถ้าเจ้าต้องการออกไปจริงๆ เจ้าสามารถไปที่ซากปรักหักพังอวี้หัวและค้นหาดูที่นั่นบางทีเจ้าอาจจะค้นพบความลับที่ซ่อนอยู่ก็ได้”
จี้จื่อเยว่กล่าวเบาๆ นางไม่ต้องการให้เขาเดินทางไกล แต่นาง ยังคงบอกทุกอย่างโดยไม่ได้ปิดบังอะไร
เย่ฟ่านไม่รู้จะพูดอะไรได้ เขาอยากพาหญิงงามที่อยู่ตรงหน้าเดินทางไปกับเขาด้วย อย่างไรก็ตามดูเหมือนนางจะไม่ต้องการแยกจากครอบครัวตนเอง
จี้จือเยว่ฝืนยิ้มและบอกว่านางจะมองขึ้นไปบนท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยดวงดาวทุกคืนเพื่อสวดภาวนาให้เขา และเมื่อทุกอย่างอยู่ในตำแหน่งที่ควรจะเป็นแล้วนางจะเดินทางไปตามหาเขาด้วยตนเอง
หม้ออสูรกลืนสวรรค์หลุดออกจากมือของจี้จื่อเยว่ และปลดปล่อยแสงเซียนให้ไหลออกมาเชื่อมต่อกับแหวนทองแดง
มีเส้นแสงระหว่างทั้งสองเชื่อมต่อกัน จากนั้นภาพที่ทำให้ทุกคนตกใจก็ปรากฏขึ้น
“เจ้ายังจำการปรากฏตัวของเด็กหญิงตัวเล็กๆ ในความฝันได้หรือไม่?” เย่ฟ่านถาม
จี้จื่อเยว่ส่ายหน้า ฉากเหล่านั้นพร่ามัวเกินไป โดยเฉพาะใบหน้าของเด็กหญิงตัวเล็กๆที่ถูกปกคลุมไปด้วยความมืด
นางจำได้เพียงว่าเด็กหญิงตัวเล็กๆ คนนั้นมีดวงตากลมโตอย่างยิ่ง นางไว้ผมเปียสองข้างและเอาแต่ร้องไห้อยู่ตลอดเวลา สิ่งที่ชัดเจนที่สุดคือรองเท้าเก่าขาดซึ่งทำให้นิ้วเท้าของนางโผล่พ้นออกมาข้างนอก
ความว่างเปล่าสั่นไหวและภาพที่พร่ามัวก็ปรากฏขึ้นที่เบื้องหน้าของพวกเขา แท่นบูชาห้าสีปรากฏขึ้นจริงๆ! เด็กหญิงตัวน้อยทำรองเท้าหายและรีบวิ่งไปข้างหน้าเพียงเพื่อรับศพของพี่ชาย
จากนั้นภาพเหตุการณ์ทั้งหมดก็หยุดชะงักงันและทุกสิ่งทุกอย่างได้ถูกปกคลุมด้วยความมืด และในหูของทุกคนก็มีเสียงดังขึ้นว่า
“ข้าไม่ต้องการเป็นอมตะ ข้าแค่เชื่อว่าเจ้าจะกลับมาอีกครั้ง”
ทุกคนตกใจอย่างถึงที่สุด นี่คือคำพูดของจักรพรรดินีผู้โหดเหี้ยมหรือเปล่า สาเหตุที่นางไม่ยอมตายและต่ออายุตัวเองถึงสี่ครั้งเป็นเพราะนางเชื่อว่าเด็กหนุ่มคนนั้นจะกลับมาหรือไม่?
หากไม่มีวงแหวนศักดิ์สิทธิ์ที่แวววาวอยู่ที่นี่เกรงว่าด้วยความคลุ้มคลั่งในใจของนาง จักรพรรดินีผู้โหดเหี้ยมอาจทำลายโลกใบนี้ไปแล้วก็ได้
ความรุ่งโรจน์ของสถานะจักรพรรดินีนั้นไม่อาจเทียบได้กับช่วงเวลาอันขมขื่นในวัยเด็กของนาง แม้ว่านางจะอยู่ยงคงกระพัน แต่นางก็ไม่สามารถลืมเลือนอดีตได้
ในท้ายที่สุดทุกอย่างยังคงสลายไป เหลือเพียงหน้าตาบูดบึ้งที่มีคราบน้ำตา ดูเหมือนจะร้องไห้แต่ไม่ได้ร้องไห้ และดูเหมือนจะยิ้มแต่ไม่ได้หัวเราะ มันเป็นการขึ้นๆลงๆ ของอารมณ์มนุษย์อย่างแท้จริง
สุดท้ายแหวนทองแดงในมือจี้จื่อเยว่ก็สูญเสียความแวววาวและจมลงในร่างกายของนาง ชิ้นส่วนร่างกายของจักรพรรดินีผู้โหดเหี้ยมก็แยกออกจากหม้ออสูรกลืนสวรรค์และสูญเสียความแวววาวโดยสิ้นเชิง
จักรพรรดินี้ผู้น่าเกรงขาม ชิ้นส่วนความทรงจำที่โหดเหี้ยมทำให้ผู้คนรู้สึกซับซ้อนและเข้าใจยาก พวกเขาไม่รู้จริงๆ ว่า ความรู้สึกของนางในตอนนั้นเป็นเช่นไร
“ทำไมข้าถึงรู้สึกว่าตัวข้ามีบางสิ่งบางอย่างมากมายที่เชื่อมต่อกับจักรพรรดินีผู้โหดเหี้ยม” เย่ฟ่านกล่าวกับตัวเอง
วัตถุศักดิ์สิทธิ์มากมายที่อยู่ในตัวของเขาล้วนมีความเกี่ยวข้องกับจักรพรรดินีผู้โหดเหี้ยม อย่างแรกคือปราณปฐพีต้นกำเนิดที่เขาได้รับจากวังทองแดง
ถัดไปคือของเหลวศักดิ์สิทธิ์ของมังกรที่แท้จริงซึ่งเป็นยาเซียนประจำตัวของจักรพรรดินีผู้โหดเหี้ยมเมื่อสองแสนกว่าปีก่อน เขาได้รับของเหลวศักดิ์สิทธิ์ของมังกรที่แท้จริงสองครั้งและเขายังไม่ได้ใช้มันแม้แต่ครั้งเดียว
นอกจากนี้ยังมีแผนภูมิอมตะซึ่งได้มาจากรังมังกรแห่งความโกลาหล แม้ว่านี่จะเป็นสมบัติประจำตัวของจักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์โต้วจ้านแต่สุดท้ายผู้ที่ได้ครอบครองมันอย่างยาวนานที่สุดก็คือจักรพรรดินีผู้โหดเหี้ยมเมื่อสองแสนกว่าปีก่อน
“มีอะไรผิดปกติกับข้า” ยิ่งเย่ฟ่านคิดถึงเรื่องนี้มากเท่าไร เขาก็ยิ่งหวาดกลัวมากขึ้นเท่านั้น
ในเวลาเดียวกัน เขาก็นึกถึงคนที่เขารู้จัก ต้วนเต๋อได้รับฝาหม้ออสูรคืนสวรรค์ จี้จื่อเยว่ได้รับแหวนที่มีค่าที่สุดในชีวิตของจักรพรรดินีผู้โหดเหี้ยม ปู่ของตู้เฟยมีหม้ออสูรคืนสวรรค์ และหลี่เสี่ยวม่านได้รับมรดกแห่งความโหดเหี้ยม
สิ่งนี้ดูเหมือนจะก่อตัวเป็นตาข่ายที่บีบรัดเข้าหาลำคอเย่ฟ่าน ความสัมพันธ์กับจักรพรรดินีผู้โหดเหี้ยมที่ไม่อาจตัดขาดทำให้เขารู้สึกหายใจไม่ออก
สองวันต่อมา เย่ฟ่าน ผังป๋อ จี้จื่อเยว่ จักรพรรดิดำ และคนอื่นๆ ข้ามความว่างเปล่าและมาถึงจงโจว
ซากปรักหักพังอวี้หัวค่อนข้างใหญ่ กล่าวกันตามตรงครึ่งหนึ่งของจงโจวก็คือส่วนหนึ่งของซากปรักหักพังอวี้หัวนี้
ในเวลานั้น ไม่มีราชวงศ์ศักดิ์สิทธิ์อื่นๆ ทุกชีวิตในจงโจวจึงอยู่ภายใต้การบัญชาของราชวงศ์อวี้หัวโดยสมบูรณ์
วิหารบรรพชนลึกลับตั้งอยู่ใจกลางแกนกลางของเส้นเลือดมังกร ที่มีขนาดใหญ่โตมโหฬาร
เดิมทีเย่ฟ่านคิดว่าศาลบรรพชนของราชวงศ์อันยิ่งใหญ่นี้จะต้องตั้งอยู่ในจุดที่เส้นเลือดมังกรที่มีความบริสุทธิ์ที่สุด อย่างไรก็ตามดูเหมือนว่าเส้นเลือดมังกรนั้นจะถูกทำลายไปตั้งแต่เมื่อสองแสนปีก่อนแล้ว
เมื่อเหตุการณ์ในอดีตของจักรพรรดินีผู้โหดเหี้ยมได้รับการเปิดเผย ปริศนาเรื่องการล่มสลายของราชวงศ์อวี้หัวจึงไม่ใช่สิ่งที่น่าสงสัยอีกต่อไป
มีเพียงจักรพรรดิผู้ยิ่งใหญ่เท่านั้นจึงจะสามารถกวาดล้างดินแดนศักดิ์สิทธิ์ที่ปกครองทั่วทั้งจงโจวทั้งหมดออกไปในการโจมตีเพียงครั้งเดียว
ใจกลางดินแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งนี้ไม่มีหญ้าแม้แต่ต้นเดียว ทุกสิ่งถูกปกคลุมไปด้วยความมืดมิดราวกับเป็นดินแดนแห่งความตาย
เหตุการณ์ร้ายในอดีตผ่านมาถึงสองแสนปีแต่ดินแดนแห่งนี้กลับไม่สามารถฟื้นฟูความอุดมสมบูรณ์กลับคืนมาอีกครั้ง พลังนี้แสดงให้เห็นถึงความแข็งแกร่งของจักรพรรดิผู้ยิ่งใหญ่อย่างแท้จริง
“ครั้งหนึ่งมันเคยเป็นเส้นเลือดมังกรที่ยาวที่สุดในจงโจว ความหนาของมันมากกว่าภูเขาหลายพันลูกรวมกันเสียอีก!” ต้วนเต๋อกล่าว
สำหรับเขาที่มีความชำนาญในด้านการขุดสุสานและซากปรักหักพังมากที่สุดย่อมสามารถมองเห็นความลับที่ซ่อนอยู่ในเรื่องนี้ได้อย่างชัดเจน
เมื่อทุกคนบินอยู่บนท้องฟ้าลมหายใจของพวกเขาแทบจะขาดห้วง หากสังเกตดีๆ จะเห็นว่าดินแดนศักดิ์สิทธิ์อันกว้างใหญ่นี้ได้ถูกกดลงไปที่พื้นจนเป็นรูปฝ่ามือขนาดใหญ่ที่มีความกว้างใหญ่มากกว่าแสนลี้
“มีใครบางคนทำลายดินแดนแห่งนี้ด้วยการโจมตีจากฝ่ามือข้างเดียวเท่านั้น ภายใต้การโจมตีของฝ่ามือที่มีขนาดใหญ่กว่าแสนลี้นี้มันได้สร้างแรงสั่นสะเทือนไปทั่วทั้งจงโจวและทำลายชีวิตของผู้คนมากมายสุดคณานับ”
จักรพรรดิดำทอดถอนใจไม่รู้ว่ามีคนกี่คนที่ตายจากการโจมตีครั้งนั้น จักรพรรดินีผู้โหดเหี้ยมดุร้ายและบ้าคลั่งมากเพียงใดไม่จำเป็นต้องบรรยายเป็นคำพูด
ครึ่งวันต่อมา พวกเขาเดินทางลึกเข้าไปในใจกลางจงโจวก่อนจะมาถึงดินแดนแห้งแล้งที่ยังคงมืดมนและปกคลุมไปด้วยหมอกสีดำราวกับยมโลก
“ข้างหน้ามีอาคารโบราณ!”
ข้างหน้ามีวิหารซึ่งค่อนข้างเก่าคร่ำคร่า แต่ลักษณะของมันเห็นได้ชัดว่าเพิ่งผ่านการทำความสะอาดครั้งใหญ่มา
“เวลาผ่านไปถึงสองแสนปีแล้ว วิหารบรรพชนของราชวงศ์อวี้หัวไม่ได้ถูกทำลายหรือ? ข้าเคยผ่านมาที่นี่เช่นกันแต่มันไม่เป็นแบบนี้?” ต้วนเต๋อกล่าวกับตัวเองด้วยความสงสัย
“พวกเจ้าเป็นใคร? ถอยออกไปเดี๋ยวนี้”
ทันใดนั้นเสียงตะโกนก็ดังออกมาจากวิหารโบราณ ในเวลาต่อมาทหารเกราะเหล็กขบวนหนึ่งได้ปรากฏตัวขึ้นพร้อมกับทวนยาวในมือ
คนเหล่านี้ล้วนเป็นเซียนเทียมขั้นสองทั้งหมด ด้วยจำนวนหลายสิบคนของพวกเขามันจึงกลายเป็นภัยคุกคามอันยิ่งใหญ่สำหรับกลุ่มเย่ฟ่าน
………