ตอนที่แล้วบทที่ 101 ไม่ได้รออยู่ (2)
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 103 คุณหล่อ เอาตามที่คุณพูดแล้วกัน!

บทที่ 102 จดหมายถึงซานต้า


ปฏิกิริยาแรกของหร่วนหลิวเจิงคือปฏิเสธ "แม่คะ ตอนนี้หนูยุ่ง แม่เห็นหนูมีเวลามีความรักตอนไหนคะ? แม่อย่ามัวแต่เป็นห่วงเรื่องพวกนี้เลยค่ะ!"

เผยซู่เฟินกลับไม่ยอมแพ้ "เจิงเอ๋อร์ ลูกก็อายุไม่น้อยแล้ว ถึงแม้ในสายตาแม่ลูกอายุสี่สิบแต่ก็ยังสวยดั่งบุปผา แต่คนอื่นเขาไม่ได้มองแบบนั้น ผู้ชายยิ่งไม่ได้มองแบบนี้ใหญ่! ลูกเองก็เคยพูดว่าจะไม่อยู่เป็นโสดไปจนตาย ถ้าไม่คิดจะอยู่เป็นโสด ยิ่งเริ่มเร็วก็ยิ่งดี ลูกไม่ได้อายุยี่สิบแล้วนะ"

หร่วนหลิวเจิงอึ้งกับคำพูดของเผยซู่เฟิน

"ยิ่งกว่านั้น เจิงเอ๋อร์ แม่ลองคิดแทนลูกแล้ว เราไม่ต้องแต่งกับคนรวยอะไร และไม่ขอให้มีสถานะทางสังคมอะไร แค่ใช้ชีวิตอย่างสงบมั่นคงไปตลอดก็พอแล้ว อาจารย์หาเงินไม่ได้มากก็จริง แต่เรื่องกินอยู่ไม่มีปัญหา ที่สำคัญที่สุดคือมั่นคง แถมหน้าที่การงานก็ดี มีชั่วโมงการทำงานแน่นอน ต่อไปลูกผ่าตัดยุ่งทั้งวัน อยู่กะดึกก็ยังมีคนคอยดูแลลูก มีคนดูแลครอบครัวดูแลลูก ลูกคิดว่าไง?"

หร่วนหลิวเจิงยังคงไม่พูดอะไร แต่อย่างไรก็ตาม ตามที่พูดก็ตรงกับที่ตัวเธอเคยคิดไว้ก่อนหน้านี้ หาใครสักคนที่ดีกับตัวเอง มีเวลาและพลังงานจะรับมือกับความยุ่งของเธอเช่นนี้

"เจิงเอ๋อร์ แม่ของลูกพูดก็มีเหตุผลนะ เป็นผู้หญิง สุดท้ายแล้วยังไงก็ต้องแต่งงาน สิ่งที่สำคัญที่สุดในการแต่งงานก็คือการใช้ชีวิต สุขสงบก็ดี อาจารย์ก็ดี เป็นตัวอย่างที่ดี น่าเคารพ ต่อไปก็ดีต่อการศึกษาของลูกๆ ด้วย" หร่วนเจี้ยนจงก็พูดขึ้น

หร่วนหลิวเจิงใช้ความคิด "งั้นก็ได้ค่ะ แม่นัดเวลาแล้วกันค่ะ"

"เอาเป็นวันคริสต์มาสเป็นไง? น้าลูกคิดเอาไว้แล้ว หนุ่มสาวอย่างพวกลูกชอบเทศกาลแบบนี้ โรแมนติก" เผยซู่เฟินพูด

เธอคำนวณดูแล้ว วันนั้นเป็นวันหยุดของเธอ "อืม ได้ค่ะ"

คืนนั้นเธอจัดกระเป๋าและมีกระดาษใบหนึ่งร่วงออกมา เธอเปิดดู ในนั้นมีอักษรสวยงามเขียนไว้: [email protected]

ยังจำได้ชัดว่าตอนที่เขาเขียนอีเมลแอดเดรสให้เธอและประโยคที่อ่อนโยน: จะถึงวันคริสต์มาสแล้ว ลองคิดดูว่าจะเขียนอะไรให้ซานตาคลอส

เธอหลุดขำและพับกระดาษลงอีกครั้งแล้ววางไว้ข้างๆ

เธอนั่งคิดอยู่หน้าคอมพิวเตอร์และเริ่มพิมพ์

ซานต้า สวัสดีค่ะ ฉันคือหลิวเจิง คุณยังจำได้ไหมคะ? ไม่ได้เขียนจดหมายถึงคุณมาหลายปี ไม่ใช่ว่าฉันลืมนะคะ แต่เป็นเพราะฉันรู้ว่าโลกนี้ไม่มีซานตาคลอส

ฉันโง่เกินไปรึเปล่าคะ? แม้แต่เด็กห้าขวบก็คงรู้ความจริงนี้ ส่วนฉัน จนถึงอายุยี่สิบห้าถึงจะเข้าใจ แต่ตอนนี้ฉันอายุสามสิบแล้ว ฉันยังเชื่อว่าซานต้ามีจริง ทุกคนมีซานต้าของตัวเองและซานต้าคนนี้แท้จริงแล้วก็คือตัวเอง

ซานต้า ปีนี้ฉันอยากได้ของขวัญอะไรงั้นเหรอ? ฉันอยากขอบคุณซานต้าจากใจของฉัน ขอบคุณเวลาอันแสนนาน ความดีทั้งหมด

เธอใส่อีเมลแอดเดรสและอ่านจดหมายของตัวเองอีกครั้งแล้วกดส่ง

เธอไม่มีคุณสมบัติจะเรียกร้องของขวัญจากเขาอีก ต่อให้เป็นครอบครัว เป็นพี่ชาย ยิ่งไปกว่านั้นเธอก็ไม่มีอะไรที่อยากได้ ตอนนี้ชีวิตที่เธอปรารถนาอยู่ในมือตัวเอง อนาคตสดใส เธอพอใจกับสถานการณ์ในปัจจุบันของตัวเองแล้ว

เมื่อเมล์ถูกส่งไปเธอก็ได้รับอีเมลตอบกลับอัตโนมัติว่าจดหมายถึงอ่านแล้วจากเขา แต่ว่าเขาไม่ได้ตอบกลับ เธอเองก็รู้ว่าเขาไม่มีทางตอบ "ซานต้า" ในอดีตก็ไม่เคยตอบกลับเช่นกัน

วันต่อมาตอนเจอเขาที่โรงพยาบาล แววตของเขานิ่ง เขาพาเธอและนักเรียนกลุ่มหนึ่งราวด์วอร์ดโดยไม่ได้พูดถึงเรื่องจดหมายเลย ทำเหมือนเมื่อคืนไม่ได้รับอีเมลแบบนั้น ส่วนเธอก็ติดตามเขาอยู่ข้างหลังด้วยจิตใจที่สงบนิ่ง

คุณป้าไช่อยู่ในห้องผู้ป่วยหนักและเฝ้าดูอาการอย่างราบรื่นและย้ายไปห้องคนไข้ปกติซึ่งกำลังค่อยๆ ฟื้นตัว

เหล่ยจื่อออกแถลงการณ์ในอินเทอร์เน็ตเพื่อขอโทษหนิงจื้อเชียนและโรงพยาบาลเป๋ยหย่าและชดใช้ค่าเสียหายสองแสนหยวนแล้ว เขาไม่มาที่โรงพยาบาลอีกและไม่เคยจะมาเยี่ยมคุณป้าไช่เลยสักครั้ง

หร่วนหลิวเจิงไม่ให้ค่าคนประเภทนี้ หากคนเราไม่กตัญญูต่อบุพการีแล้ว ยังจะรู้บุญคุณใครได้อีก? เธอรู้สึกแม้กระทั่งว่าการที่เขาสามารถชดใช้เงินสองแสนได้ถือเป็นปาฏิหาริย์แล้ว เธอคิดว่าคนหน้าเงินเช่นนี้จะชักดาบเสียอีก

ต่อมาเมื่อเธอพูดถึงเรื่องนี้ เขาก็ได้แต่พูดขึ้นเรียบๆ: ย่อมต้องมีคนทำให้เขาไม่สามารถชักดาบได้อยู่แล้ว

เธอเข้าใจขึ้นมา ก็ใช่ เหล่ยจื่อเป็นพวกโง่เขลาเบาปัญญา ชอบรังแกคนที่อ่อนแอกว่าและกลัวคนที่แข็งแกร่งกว่า สำหรับคนอย่างหนิงจื้อเชียนแล้ว ถนัดเรื่องจัดการพวกคนแบบนี้เป็นที่สุด

แต่ที่เธอไม่เคยคิดก็คือ ช่วงบ่าย เขาเรียกเจวียนจื่อมาและถามเลขที่บัญชีเธอ

เจวียนจื่อตกตะลึง "คุณหมอหนิง คุณจะเอาเลขที่บัญชีฉันไปทำไมคะ?"

"คดีที่ผมฟ้องพี่ชายคุณ ผมชนะ เขาโอนค่าเสียหายเข้าบัญชีผมแล้ว ผมจะโอนให้คุณ" เขาอธิบาย

เจวียนจื่อยังคงตกตะลึง รวมทั้งหร่วนหลิวเจิงและติงอี้ย่วนที่เดินผ่านออฟฟิศในตอนนั้นต่างก็ตกตะลึงและอดถามไม่ได้ "อาจารย์หนิง ทำไมถึงคืนให้ครอบครัวเขาล่ะคะ?"

"นั่นสิคะ" เจวียนจื่อก็พูดขึ้น "พี่ชายพี่สะใภ้ฉันไม่ใช่มนุษย์ เห็นแก่เงินยิ่งกว่าชีวิต ครั้งนี้ถือว่าเป็นบทเรียนสำหรับพวกเขา"

"ใช่ ผมต้องการจะให้บทเรียนกับพวกเขาจริง เงินที่ผมโอนให้คุณนี้ ไม่ได้ให้คุณเอาไปคืนเขา ผมแค่ได้ยินมาว่าพี่ชายคุณไม่เคยทำหน้าที่ลูกกตัญญูเลย คุณเองก็บอกว่าหลายปีนี้คุณส่งเงินกลับมาเขาก็เอาไปหมด ดังนั้นผมจึงถือโอกาสเอามันคืนมาให้คุณ เอาไว้ให้แม่คุณ" เขาหยิบกระดาษปากกาแล้วดันไปข้างหน้าเจวียนจื่อ "เขียนสิครับ"

เจวียนจื่อยังคงลังเล "แต่ว่า...นี่ไม่ใช่เงินชดใช้ที่ทำให้ต้องเสื่อมเสียชื่อเสียงเหรอคะ?"

"เขียนมาเถอะครับ" เขาไม่พูดมากอะไรอีก

เจวียนจื่อมองเขาอยู่นานพร้อมดวงตาที่มีน้ำตาเอ่อล้น

เขาเร่งเธออีกครั้ง ในที่สุดเจวียนจื่อก็เขียนเลขที่บัญชีลงไปในกระดาษ

เขาหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาและโอนเงินจำนวนนั้นให้เธอ "เดี๋ยวตรวจสอบด้วยว่าได้รับไหม"

จากนั้นโทรศัพท์มือถือของเจวียนจื่อก็มีข้อความแจ้งเตือน เธอหยิบโทรศัพท์มือถือพร้อมดวงตาแดงก่ำ "ขอบคุณ...ขอบคุณค่ะคุณหมอหนิง"

หนิงจื้อเชียนคาดไม่ถึงว่าเธอจะมีปฏิกิริยาต่อเขารุนแรงแบบนี้ เขาพยักหน้า "ไม่เป็นไรครับ"

เจวียนจื่อกลับยังไม่ไป มองเขาด้วยสายตาอึ้งๆ แม้แต่ติงอี้ย่วนกับหร่วนหลิวเจิงก็ยังรู้สึกว่าเป็นสายตาที่แปลกประหลาด ซึ่งหนิงจื้อเชียนเองก็รู้สึกถึงความผิดปกตินี้ "ไม่ทราบว่ายังมีอะไรอีกไหมครับ?"

"ไม่! ไม่มีแล้วค่ะ!" เจวียนจื่อรู้ตัวว่าตนเองเสียมารยาทแล้ว เธอกอดโทรศัพท์มือถือและรีบเดินออกไป และเช็ดน้ำตาในตอนที่ออกจากออฟฟิศ

ติงอี้ย่วนดึงหร่วนหลิวเจิงไปด้านข้างแล้วพึมพำเบาๆ "ทำไมฉันถึงรู้สึกว่าผู้หญิงคนนี้แปลกๆ เอาแต่มองอาจารย์หนิงอยู่ได้"

"นั่น..สิ..." เธอเองก็ยังไม่เข้าใจ

"เธอว่า..." ติงอี้ย่วนพริบตา "เขาหลงรักอาจารย์หนิงรึเปล่า?"

หร่วนหลิวเจิงตกใจกับการคาดเดานี้ "เป็นไปไม่ได้หรอก? !"

"ทำไมจะเป็นไปไม่ได้! เธอคิดดูสิ อาจารย์หนิงมีชื่อเสียงดี ใครๆ ก็บอกว่าเป็นหมอที่ดี ปฏิบัติต่อคุณป้าไช่อย่างมีคุณธรรม ครอบครัวพวกเขาทำตัวแย่ต่ออาจารย์หนิงขนาดนี้ อาจารย์หนิงยังปฏิบัติต่อพวกเขาเหมือนเดิม ตอนนี้ยังคืนเงินค่าเสียหายให้พวกเขาอีก แบบนี้ไม่ทำให้คนหลงสิแปลก! แถมยังมีเรื่องที่สำคัญที่สุดอีกอย่างนะ! อาจารย์หนิงหน้าตาหล่อกว่าดาราอีก! แค่ใบหน้านั้น อาจารย์หนิงก็อันตรายมากแล้ว!" ติงอี้ย่วนทำเหมือนเจอเข้ากับศัตรูเข้าให้แล้ว

หร่วนหลิวเจิงหัวเราะ "เป็นไปไม่ได้หรอก! จะว่าไป ต่อให้เขาชอบอาจารย์หนิงจริง อาจารย์หนิงก็ไม่ชอบเขาหรอก!" จะว่าไปคนชอบเขามีน้อยที่ไหน?

หลังจากติงอี้ย่วนได้ยินคำพูดนี้แล้วก็เห็นด้วยเป็นอย่างยิ่ง "ถูก เธอนี่พูดจาเข้าหู!"

"..." หร่วนหลิวเจิงได้แต่เงียบ

"ช่างเถอะ จะไปสนทำไมว่าเขาชอบหรือไม่ชอบ!" ใบหน้าของติงอี้ย่วนแสดงออกซึ่งความชื่นชมอีกครั้ง "วันนี้อาจารย์หนิงหล่อสุดๆ ที่แท้ก็เป็นพวกที่ไม่เห็นแก่เงิน ฉันนับถือคนแบบนี้ที่สุด" พูดจบก็เดินจากไปในพริบตา

หร่วนหลิวเจิงคิดย้อนกลับไปและรู้สึกว่าความเป็นไปได้ที่เจวียนจื่อจะชอบหนิงจื้อเชียนนั้นน้อยมาก แต่จะอธิบายพฤติกรรมแปลกๆ ของเธอได้อย่างไร? โดยเฉพาะวันนี้ต่อให้ตื่นเต้นที่หนิงจื้อเชียนโอนเงินให้เธอก็ไม่น่าจะเงอะงะขนาดนั้น?

เมื่อคิดไม่ออก เธอก็ขี้เกียจจะคิดแล้ว

เมื่อถึงเวลาเลิกงานเธอไม่มีรถและออกมาก่อนหนิงจื้อเชียนเหมือนกับที่เขาเคยบอกไว้ว่าพอเลิกงานก็วิ่งเร็วอย่างกับกระต่ายเพื่อไปสถานีรถไฟใต้ดิน

หลังจากถึงสถานีก็ยังห่างจากบ้านระยะหนึ่ง เธอแวะซูเปอร์มาร์เก็ตขนาดใหญ่แห่งหนึ่งและซื้อของใช้มากมายจนต้องหิ้วถุงเต็มสองมือแล้วเดินกลับบ้าน

ของค่อนข้างหนักเธอถือไปสักพักก็ถูกถุงพลาสติกรัดจนเจ็บมือ และรู้สึกเสียใจว่าน่าจะซื้อก่อนหน้านี้ซึ่งตอนนั้นยังมีรถเอาไว้ใส่ของได้

ระหว่างเดินอยู่ก็ได้ยินเสียงแตรรถเบาๆ เธอหันกลับไปมองโดยอัตโนมัติและเห็นรถคันหนึ่งขับตามมาแล้วมีคนคนหนึ่งโผล่หน้าออกมาจากรถ "คุณหมอหร่วน คุณจริงๆ ด้วย!"

เซวียเหว่ยหลิน

เปลี่ยนรถคันใหม่แล้ว

เซวียเหว่ยหลินพูดแล้วลงจากรถและเดินอ้อมไปด้านหน้าเธอ "คุณหมอหร่วน ถือของขนาดนี้ สู้ให้ผมไปส่งดีกว่านะ"

"ไม่ต้องหรอกค่ะ ขอบคุณค่ะ" เธอปฏิเสธด้วยความเคยชิน

"เฮ้ คุณหมอหร่วน ผมไม่ใช่เสือนะ? ทำไมพอเห็นผมทีไรก็ทำเหมือนเห็นงูพิษหรือสัตว์ดุร้ายแบบนั้น?" เซวียเหว่ยหลินเองก็มีดวงตาที่สวยซึ่งตอนนี้เต็มไปด้วยความน้อยใจและพินิจพิเคราะห์เธอ

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด