ตอนที่ 1466 คนจีน ..อ่อนน้อมถ่อมตน!
เดิมที เจ้าชายพอตเตอร์ ตั้งใจจะหัวเราะเยาะ หลินฟาน แต่กลับถูก หลินฟาน ตอบโต้กลับมาอย่างสบายๆ โดยบอกว่าข่าวของ เจ้าชายพอตเตอร์ นั้นล้าหลัง
“เจ้าชายพอตเตอร์ คงจะอ่านนิตยสารแนวสตรีทเมื่อสมัยยี่สิบปีก่อน..”
ภาษาที่ตลกขบขันนี้ทําให้ทุกคนในห้องนี้อดที่จะหัวเราะไม่ได้..
เจ้าชายพอตเตอร์ ทรงชักสีหน้าออกมาเล็กน้อยแล้ว หากไม่ใช่เพราะครูสอนพิเศษที่เข้มงวดของราชวงศ์ และเกรงว่าหากเปลี่ยนเป็นคนอื่น คงจะเก็บอาการในตอนนี้เอาไว้ไม่อยู่แล้ว..
“ฉันต้องขอโทษด้วย คุณหลิน ที่คุณบอกว่าประเทศจีน มีเศรษฐกิจเป็นอันดับสองนั้น แต่การที่ฉันเห็น ..คุณหลิน ตอนนี้ นั่นกลับทำให้ฉันรู้สึกไม่เห็นด้วย” เจ้าชายพอตเตอร์ ตรัสพร้อมกับยิ้มหัวเราะออกมาเบาๆ
คําพูดนี้ก็สร้างความเสียหายได้มากพอ กล่าวได้ว่าเขาได้ยกคำพูดของอีกฝ่ายมาทับถมอีกฝ่าย
ทุกคนอดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมาอีกครั้ง
ราชินี รู้สึกว่า เจ้าชายพอตเตอร์ เสียมารยาท และดูจะมากเกินไปเล็กน้อยแล้ว ซึ่งนี่มันขัดกับการศึกษาที่ดีของราชวงศ์
“พอตเตอร์ เราคิดจะทำอะไร?” ราชินี มองอย่างไม่พอใจไปที่ เจ้าชายพอตเตอร์ และเตือนเขาว่าอย่างพูดไม่ดีกับ คุณหลิน ในลักษณะที่หยาบคายเช่นนี้
หลินฟาน ยิ้มแล้วพูดว่า : “ไม่เป็นไรครับ จริงๆ แล้วมันดูไม่สำคัญ เจ้าชายพอตเตอร์ เองแค่เข้าใจผิดเกี่ยวกับประเทศจีนของเราเท่านั้น เขาไม่เข้าใจจีน นี่ก็จะไปโทษเขาก็ไม่ได้ มันก็ดูเหมือนราวๆ กับว่าถ้าผมไม่ได้นั่งอยู่ที่นี่ ผมก็จะไม่มีทางรู้เลยว่า เจ้าชายพอตเตอร์ เป็นมกุฎราชกุมารจริงๆ”
“คุณ!” เจ้าชายพอตเตอร์ โกรธมาก คําพูดของ หลินฟาน ดูไม่เกรงใจเขาจริงๆ!
หลินฟาน กล่าวว่า : “เจ้าชายทรงโปรดสงบสติอารมณ์ลงหน่อยเถอะ ผมหมายความว่า ถ้าหาก เจ้าชาย ไปที่ประเทศจีนของเรา คุณก็จะมีความเข้าใจเกี่ยวกับประเทศจีนของเรามากขึ้น แทนที่จะมาได้ยินเพียงแค่ข่าวลือ และไม่ต้องพูดถึงหากจะเห็นเพียงแค่ผิวเผิน อีกอย่างพวกเราชาวจีนมีคุณธรรมอย่างหนึ่ง ก็คือรักษาความอ่อนน้อมถ่อมตนในการเป็นมนุษย์ ขยันหมั่นเพียร และประหยัดในการใช้ชีวิต จะว่าไปแล้ว เราเคยยากจนมาก่อนจริงๆ ดังนั้นเราจึงรู้ดีว่าชีวิตที่ดีนั้นหาได้ยาก และเรารู้วิธีที่จะหวงแหนมัน นั่นจึงทำให้เรายังคงรักษานิสัยการใช้ชีวิตที่ดีไว้ เช่นเสื้อผ้า เราเองก็มีความสามารถที่จะซื้อได้อย่างเต็มที่อย่างพวกแบรนด์เนมในต่างประเทศ, ถ้าหาก เจ้าชาย ได้ไปก็จะรู้ว่า สถานการณ์การขายสินค้าฟุ่มเฟือยต่างๆ ในขณะนี้, ประเทศจีนล้วนเป็นตลาดที่สำคัญที่สุด, แน่นอนข้อมูลนี้ไม่ได้โกหก และมันก็เพียงพอที่จะพิสูจน์ให้เห็นถึงกำลังซื้อของเรา แต่ในขณะเดียวกันเมื่อเราซื้อแบรนด์เนม เรามักจะเน้นย้ำถึงจิตวิญญาณของการไม่สิ้นเปลือง ตัวอย่างเช่น เสื้อผ้าที่ผมใส่นี้ ไม่ใช่ว่าเพราะผมไม่มีเงินจ่ายเพื่อหาซื้อเสื้อผ้าใหม่ แต่ผมแค่ประหยัดก็เท่านั้น”
เจ้าชายพอตเตอร์ ตรัสว่า : “ฉันไม่ได้อยากจะเปิดโปงคุณจริงๆ คุณหลิน.. แม้ว่าสิ่งที่คุณพูดจะเป็นความจริง และหลายคนในจีนจะมีความสามารถซื้อแบรนด์เนมได้จริงๆ แต่ในจำนวนคนเหล่านี้ แน่นอนว่ามันไม่นับรวมถึงคุณด้วยใช่ไหม? ฉันอยากจะขอถามคุณว่า คุณหลิน คุณทํางานอะไร? นั่นเพราะฉันเห็นว่าคุณดูเหมือนจะไม่ได้ทํางาน ดูสิคุณเองดูมีเวลาว่างที่จะวิ่งมาถึงอังกฤษของเรา ในตอนนี้นั้นฉันจึงคิดว่า คุณ.. ว่างงานใช่ไหม?”
เขารู้สึกว่าตัวเองมีอารมณ์ขันมาก และหัวเราะไปกับคำพูดของตัวเอง
แต่.. อย่างไรก็ตาม กับพระราชสหายของเขากลับรู้สึกว่าคําพูดของเขานั้นดูมากเกินไป และไม่ได้หัวเราะตามเขา
แค่นี้มันก็เพียงพอแล้วที่จะรู้สึกอึดอัด ทั้งนี่มันยังดูจะเป็นเรื่อง น่าอายมาก…
ชาวตะวันตกก็แบบนี้ ชอบล้อเลียนคน แต่ต้องทำแบบมีอารมณ์ขัน เพื่อให้ทุกคนได้หัวเราะ สนุกสนานไปกับมัน, ส่วนการเยาะเย้ยแบบตรงไปตรงมานั้น จะถูกมองว่าเข้าข่ายเลือกปฏิบัติ
อาจกล่าวได้ว่า ..นี่คือความหน้าซื่อใจคดอย่างหนึ่ง
หลินฟาน กล่าวว่า : “คนๆ หนึ่งมีเวลาว่างมากมายนั้น เขาอาจจะว่างงานจริงๆ หรือบางทีเขาอาจจะเป็นสมาชิกของราชวงศ์ที่ไม่ต้องมาเหน็ดเหนื่อยทำงานตั้งแต่เกิด..”
พรวด!
จอห์น พาร์กินสัน อดที่จะหัวเราะไม่ได้ หลินฟาน เหน็บแนมประชดประชันได้ตรงจุดเกินไปจริงๆ ซึ่งนี่ทำให้เขาอดที่จะหัวเราะไม่ได้ ในที่เกิดเหตุตอนนี้มีสมาชิกราชวงศ์ที่ไม่ต้องทํางานจริงๆ ซึ่งมันตลกมาก..
จอห์น พาร์กินสัน รู้ตัวอีกทีก็รู้สึกว่าตนเองเสียมารยาท พร้อมกล่าวขอโทษทันทีว่า : “ผมขอโทษ”
หลินฟาน กล่าวต่อไปว่า : “และส่วนผมไม่ใช่ทั้งสองแบบ ผมเป็นอีกแบบหนึ่ง ผมมีงาน แต่ด้วยที่ว่าผม.. มีพื้นที่ และเวลา และเพราะว่างจากการทำงาน ผมจึงมีอิสระมากขึ้น อยากทำก็ทำ หรือไม่อยากทำก็ยังได้”
เจ้าชายแฮร์รี่ ก็ทรงตรัสแย่งว่า : “โลกนี้มีงานที่ดีขนาดนี้ด้วยเหรอ? ขอเดานะ คุณหลิน คุณ... เป็นเจ้าของกิจการ?”
และมันคงมีแต่การเป็นเจ้านายตนเองเท่านั้น ถึงจะพูดได้ว่าตนเองมีอิสระ อยากทำก็ทำ ไม่อยากทำก็ยังได้
หลินฟาน พยักหน้า : “ใช่.. ผมเป็นเช่นนั้นจริงๆ”
“เจ้าของกิจการอย่างคุณ หรือว่าคุณขายไข่ชา?” เจ้าชายพอตเตอร์ ยังคงเยาะเย้ยต่อไป ดูเหมือนว่าเขาจะมุ่งมั่นที่จะทําให้ หลินฟาน อับอาย หรือบางทีเขาอาจจะรู้สึกสบายใจขึ้นได้ก็ต่อเมื่อได้เห็น หลินฟาน ดูมีสีหน้าอับอาย…
ราชินี ตรัสเตือนอีกครั้ง : “พอตเตอร์?”
หลินฟาน กล่าวว่า : “ในจีนของเรามีเจ้าของกิจการมากมายที่ขายไข่ชา และร่ำรวยขึ้นมาจากการทำงานหนัก แน่นอนว่าพวกเขาน่าทึ่ง และน่านับถือมาก แต่บริษัทของผมไม่ได้ขายไข่ชา เราเป็นบริษัทเทคโนโลยี”
อ่า?
ทุกคนประหลาดใจมาก
หลินฟาน เป็นเจ้าของบริษัทเทคโนโลยีจริงๆ เหรอ?
นี่คือไม่สามารถตัดสินใจได้จากชุดของ หลินฟาน จริงๆ!
เจ้าชายแฮร์รี่ ดูเหมือนจะสนใจมาก : “คุณหลิน บริษัทของคุณทําเกี่ยวกับเทคโนโลยี? พวกคุณทําเทคโนโลยีในด้านไหน เพราะฉันเองก็มีความสนใจในเรื่องเทคโนโลยีใหม่ๆ เหมือนกัน”
หลินฟาน กล่าวว่า : “อันนี้.. กล่าวแค่ว่าขอบเขตธุรกิจของเรานั้นค่อนข้างกว้าง ตอนนี้ธุรกิจหลักของเราในปัจจุบัน ก็ได้แก่ การบิน และอวกาศ การวิจัย และพัฒนาชิป การพัฒนารถยนต์พลังงานใหม่ ฯลฯ”
ดวงตาของ เจ้าชายแฮร์รี่ เปล่งประกายออกมา : “นี่มันฟังดูยอดเยี่ยมมาก!”
หลินฟาน ยิ้มแล้วพูดว่า : “มันก็โอเคได้อยู่นะ..”
เจ้าชายพอตเตอร์ กลับไม่เชื่อว่า หลินฟาน เป็นเจ้าของบริษัทเทคโนโลยี? ยังพัฒนาชิป และรถยนต์พลังงานใหม่ หรือแม้แต่ สายการบิน ..ก็ด้วย?
มันเป็นไปได้ยังไง!
เจ้าชายพอตเตอร์ ตรัสว่า : “คุณหลิน พูดแบบนี้แล้ว บริษัทของคุณคงมีขนาดใหญ่มาก แน่นอนว่าต้องมีมูลค่าตลาดกว่า 100 ล้านหยวนหรือไม่ อืมม ถ้าเช่นนั้น... หากมองจากอัตราแลกเปลี่ยนเป็นเงินยูโรแล้วเป็นมูลค่าเท่าไหร่กัน ใช่.. มันถึง 10 ล้านยูโรไหม?”
บริษัทเทคโนโลยีที่มีมูลค่าตลาดเพียง 10 ล้านยูโร นี่ไม่ใช่ว่าให้พวกเขาหัวเราะเยาะจนฟันโยกเลยหรือยังไง ส่วนในเรื่องสายการบินนั้น กลัวว่าแค่ล้อของเครื่องบินก็ยังซื้อไม่ได้เลยด้วยซ้ำ
หลินฟาน กล่าวว่า : “บริษัทของเรามีขนาดไม่ใหญ่จริงๆ เพราะธุรกิจใหม่ของเราจํานวนมากนั้นยังอยู่ในช่วงเริ่มต้น ซึ่งยังไม่สามารถเทียบได้กับยักษ์ใหญ่ในอุตสาหกรรมบางราย และยังคงต้องไล่ตาม ปัจจุบันมูลค่าตลาดของเราอยู่ที่ 300,000 ล้านกว่าหยวน หากแลกเปลี่ยนเป็นยูโร... อืมม.. ใช่ คงจะประมาณกว่าสามหมื่นล้านยูโรได้”
คนจีน ..อ่อนน้อมถ่อมตน!
อ่า?
แต่ทุกคนที่อยู่ปัจจุบันในห้องนี้ ได้กลายเป็นหินไปโดยตรงแล้ว..
สามหมื่นกว่าล้านยูโร!
โอ้.. พระเจ้า หลินฟาน เป็นเจ้าของบริษัทมูลค่ากว่าสามหมื่นล้านยูโร!
นี่ก็มากเกินไปแล้ว มูลค่าตลาดนี้ มากกว่าความมั่งคั่งของสมาชิกราชวงศ์ทั้งหมดรวมกันอีก...
ตอนแรกคิดว่า หลินฟาน เป็นทองสัมฤทธิ์ ใครจะไปรู้ว่าแท้จริงแล้ว คนอื่นเป็น ราชา!
ไหนเล่า.. ความเหนือกว่าในด้านความมั่งคั่งของ เจ้าชายพอตเตอร์ ในตอนนี้ มันได้ถูกบดขยี้เป็นชิ้นๆ ลงไปในทันที
ปรากฎว่า หลินฟาน เป็นคนที่รวยที่สุดในที่นี่!
หาก หลินฟาน เป็นเจ้าของบริษัทที่มีมูลค่าตลาดกว่าสามหมื่นล้านยูโรจริงๆ ทุกสิ่งที่ หลินฟาน พูดนั้นก็ดูถูกต้อง และเต็มไปด้วยปรัชญาอย่างมากแล้ว
อีกทั้งตัวของ หลินฟาน ยังสะท้อนให้เห็นถึงความอ่อนน้อมถ่อมตน ความขยันหมั่นเพียร และความประหยัดของชาวจีนออกมาได้อย่างสมบูรณ์แบบ
ชั่วขณะหนึ่ง สมาชิกราชวงศ์เหล่านี้ที่สวมเสื้อผ้าที่ดูปราณีตงดงาม ใช้เครื่องใช้บนโต๊ะอาหารอันทรงเกียรติ และรับประทานอาหารเย็นที่เลิศรส ต่างก็รู้สึกเขินอายต่อหน้า หลินฟาน
การมีเงิน นี่มันดีจริงๆ..
“โอ้.. ใช่แล้ว เมื่อพูดถึงเงิน ผมเองจําเรื่องหนึ่งได้” หลินฟาน ยิ้มแล้วกล่าวว่า : “ผมได้ยินมาว่าธุรกิจของครอบครัวสมิธก็เกี่ยวข้องกับสมาชิกราชวงศ์ด้วย เจ้าชายพอตเตอร์ คุณพอจะรู้อะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้มาบ้างไหม?”
เดิมที หลินฟาน ไม่ได้วางแผนที่จะพูดถึงเรื่องนี้จริงๆ แต่ด้วยความที่ เจ้าชายพอตเตอร์ เดินหน้าออกมาด้วยตัวเอง หลินฟาน ก็ไม่คิดเกรงใจอะไรเช่นกัน
เจ้าชายพอตเตอร์ รู้สึกเหมือนถูกเหยียบหางทันที, และไม่ต้องพูดถึงเลยว่าตอนนี้เขามันรู้สึกอึดอัดมากแค่ไหน
“ฮ่าฮ่าๆ ฉันไม่รู้ว่า คุณหลิน กำลังพูดถึงเรื่องอะไร!” แน่นอนว่า เจ้าชายพอตเตอร์ ไม่ยอมรับว่าเขาได้มีการติดต่อทางธุรกิจกับสมิธ เพราะนี่มันจะกลายมาเป็นเรื่องที่เสียหน้ามาก ขาดทุนไม่พอยังจะต้องมาเสียหน้าอีก ในเรื่องนี้เขายอมรับไม่ได้
หลินฟาน ร้องโอ้ แล้วกล่าวว่า : “งั้น.. บางทีผมอาจจะได้ยินมาผิด อีกอย่างในเรื่องนี้ดูเหมือนจะมีคนที่กําลังพบกับ ‘การสูญเสียครั้งใหญ่’ อยู่ อืมม.. หากไม่ใช่ทุกคนในที่นี่ เพียงเท่านี้ ผม.. ก็สบายใจได้แล้ว”