ตอนที่ 1465 โอ้.. คุณหลิน คุณไม่เต็มใจที่จะยอมรับรางวัลหรือ?
พระราชวังแพลตตินั่ม..
งานเลี้ยงอาหารค่ำยังคงดําเนินต่อไป ในเวลานี้ สมาชิกราชวงศ์ที่เกิดมาพร้อมกับเกียรติ และศักดิ์ศรีเหล่านี้ ล้วนตกตะลึงกับประสบการณ์ที่กล่าวได้ว่าเป็นตํานานของ หลินฟาน พวกเขาอาศัยอยู่ในโลกของเทพนิยายมาตั้งแต่เด็ก ใช้ชีวิตมาอย่างราบรื่น เสื้อมาค่อยชูมือ ข้าวมาค่อยอ้าปาก(ทำอะไรเองไม่เป็น มีคนทำให้หมด) ทั้งยัง.. ไม่เคยพบกับความพ่ายแพ้ และความสูญเสียใดในชีวิต พวกเขาจึงจะกล้าจินตนาการได้ที่ไหนว่า หลินฟาน เคยประสบพบเจอกับอะไรมาบ้าง
ในเรื่องนี้ สําหรับพวกเขา ..มันเป็นแค่เรื่องเพ้อฝัน เป็นเพียงแค่เรื่องเล่าในจินตนาการเท่านั้นจริงๆ
เจ้าชายแฮร์รี่ ในเวลานี้เป็นเหมือนกับเด็กขี้สงสัยที่อยากรู้อยากเห็นทุกสิ่งอย่างเป็นพิเศษ เขาได้ถามคำถามอยู่ตลอดเวลา หลินฟาน เองตอนนี้ก็ดูเหมือนจะกลายเป็นไอดอลของเขาแล้ว
หลินฟาน ก็อดทน และตอบคำถามไปทีละคน ทุกคนนั้นก็ฟังอย่างใจจดใจจ่อ และสายตาที่มอง หลินฟาน ก็เต็มไปด้วยความชื่นชม
มีเพียง เจ้าชายพอตเตอร์ เท่านั้น ที่เหมือนนั่งอยู่บนพรมเข็ม หัวเราะยิ้มอย่างฝืนใจมาโดยตลอด ไม่มีทาง เมื่อเรื่องอื้อฉาวของตระกูลสมิธ ถูกเปิดเผย เขาจะต้องพบกับการสูญเสียอย่างหนัก และเขาจะยังมานั่งนิ่งเฉยอยู่ได้ที่ไหน
กริ๊ง กริ้งๆ กริ๊งๆ...
จู่ๆ โทรศัพท์ของนายกรัฐมนตรีที่อยู่ข้างๆ ก็ดังขึ้น
จอห์น พาร์กินสัน รับสาย : “โอเค ผมเข้าใจแล้ว”
จอห์น พาร์กินสัน วางสาย และลุกขึ้นยืน และกล่าวกราบทูลต่อพระราชินี ว่า : “ฝ่าบาท ข้าพระองค์เพิ่งได้รับข่าว โทนี่ สมิธ ตอนนี้ได้ถูกจับกุม และถูกนําตัวเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมแล้ว”
ราชินี พยักหน้า และตรัสว่า : “เอาล่ะ ต่อไปเราจะปล่อยให้กฎหมายเป็นผู้ตัดสิน!”
จอห์น พาร์กินสัน กล่าวว่า : “ครับ ฝ่าบาท..”
ราชินี ทรงแย้มพระโอษฐ์ แล้วตรัสว่า : “มา ทุกคนกินดื่นต่อเถอะ คุณหลิน โทนี่ สมิธ ถูกจับกุมแล้ว ในที่นี่คุณเองสามารถวางใจได้แล้ว”
หลินฟาน ยิ้ม แล้วพูดว่า : “นี่เป็นเรื่องที่ควรค่าแก่การเฉลิมฉลองจริงๆ ผมขอดื่มให้เกียรติแก่ทุกคนหนึ่งแก้ว”
หลินฟาน หยิบแก้วไวน์ขึ้นมา
ทุกคนเองก็หยิบแก้วไวน์ขึ้นมาเพื่อเป็นการให้เกียรติ
สายตาของ หลินฟาน มองลงมาที่ เจ้าชายพอตเตอร์ แล้วพูดว่า : “เจ้าชายพอตเตอร์ สีหน้าของคุณดูเหมือนจะไม่ค่อยดีนัก คุณไม่สบายตรงไหนไหม ผมเป็นหมอ คุณสามารถบอกผมได้ ผมจะได้ช่วยวินิจฉัยให้กับคุณ”
ทุกคนมองไปที่ เจ้าชายพอตเตอร์ ในทันที
“ถ้า คุณหลิน ไม่พูดอะไร ฉันก็ยังไม่ทันได้สังเกต ท่านพ่อ สีหน้าของท่านดูไม่ค่อยดีจริงๆ ท่านพ่อ ท่านโอเคไหม?” เจ้าชายแฮร์รี่ ทรงถามอย่างเป็นกังวล และห่วงใย
ตอนนี้ เจ้าชายพอตเตอร์ รู้สึกไม่ค่อยสบายจริงๆ ส่วนใหญ่เขาไม่สบายใจมากกว่า และเสียใจกับการสูญเสียนี้ ..ของเขา
เขาไม่เคยคิดเลยว่าเขาที่ได้ออกมาดำเนินการมันด้วยตัวเองจะไม่สามารถช่วย โทนี่ สมิธ ได้ และในที่สุด ..โทนี่ สมิธ ก็ถูกจับกุม
และทั้งหมดนี้ มันก็เป็นเพราะ หลินฟาน!
ตอนนี้ หลินฟาน กลับยังมาถามเขาอีกว่า เขา ..ไม่สบายตรงไหนไหม หลินฟาน เป็นหมอที่เก่งมาก เขาไม่เห็นหรอกหรือว่าร่างกายของเขานั้นไม่มีปัญหาอะไร?
หรือเป็นไปได้ไหมที่ หลินฟาน กำลังถามคำถามอย่างรู้เท่าทัน? และเขารู้ดีว่าเขาไม่สบายใจในใจเรื่องใด แต่ยังกลับจะมาถามเขาอีก นี่คือ ..ไม่ใช่ว่าล้อเลียนเขา?
เจ้าชายพอตเตอร์ โกรธเป็นฟืนเป็นไฟขึ้นมาทันที เขาตรัสว่า : “ฉันไม่เป็นไร ฉันสบายดีมาก และก็คงต้องขอบคุณ คุณหลิน สำหรับความห่วงใยนี้ของคุณ”
หลินฟาน ยิ้มแล้วพูดว่า : “ไม่เป็นไรก็ดีแล้ว เจ้าชายพอตเตอร์ คุณเองต้องดูแลสุขภาพให้มากๆ นะ”
หลินฟาน พูดแบบนี้ฟังแล้วดูเหมือนจะเป็นห่วงสุขภาพของ เจ้าชายพอตเตอร์ แต่หากมองกลับกันนี่ก็ดูเหมือนกับกำลังแซว เพราะถึงอย่างไรตอนนี้ ร่างกายของ พระราชินี ก็กลับมาแข็งแรงดีอีกครั้ง, ถ้า เจ้าชายพอตเตอร์ ไม่ใส่ใจกับพระวรกาย เช่น ถ้าเขาโกรธจนตาย เขาก็ไม่สามารถอยู่รอดได้จนถึงวันที่จะได้ขึ้นสืบทอดราชบัลลังก์
คงมีน้อยคนนักที่จะเข้าใจในความหมายในคําพูดของ หลินฟาน แต่นายกรัฐมนตรีกลับเข้าใจดี จอห์น พาร์กินสัน รู้ดีว่า เจ้าชายพอตเตอร์ ต้องไม่พอใจมากในขณะนี้ อีกทั้ง หลินฟาน ยังพูดสิ่งนี้ออกไป นั่นยิ่งทำให้ เจ้าชายพอตเตอร์ ยิ่งไม่พอใจมากขึ้น
แม้ว่า จอห์น พาร์กินสัน จะกลับรู้สึกว่ามันน่าขบขันไปในขณะเดียวกัน แต่เขาก็อดไม่ได้ที่จะคิดเกี่ยวกับมัน วันนี้เขาได้เลือกยืนเคียงข้าง ราชินี แน่นอนนั่นเท่ากับว่าเขาได้สร้างความขัดแย้งกับ เจ้าชายพอตเตอร์ และต่อไป เจ้าชายพอตเตอร์ คงจะไม่ยอมหยุดอยู่เพียงแค่นี้แน่…
ลองคิดดูสิว่า ถ้าวันหนึ่ง เจ้าชายพอตเตอร์ ได้ขึ้นสืบทอดราชบัลลังก์ เขาจะยินยอมปล่อยเขา ..ไปไหม เมื่อถึงเวลานั้นต้องเกิดปัญหาขึ้นกับเขาแน่ๆ
ซึ่งเขาต้องทําอะไรบางอย่าง
เป็นไปได้ว่าต่อไปในอนาคตอาจจะเกิดมีการต่อสู้ขึ้นภายในราชวงศ์อังกฤษ..
“คุณหลิน ครั้งนี้คุณได้ช่วยเราเอาไว้ครั้งใหญ่ และยังช่วย ราชินี ของเราไว้ อีกทั้งยังช่วยเราไขคดีใหญ่นี้ได้อีก ฉันจึงอยากถาม คุณหลิน ว่าคุณต้องการรางวัลอะไร?”
เจ้าชายพอตเตอร์ ทรงยิ้มออกมาเล็กน้อย และมองไปที่ หลินฟาน
หลินฟาน กล่าวว่า : “ไม่.. ผมเพิ่งพูดไปแล้ว แค่พา โทนี่ สมิธ เข้าสู่กระบวนการยุติธรรม เพียงเท่านี้ผมก็พอใจมากแล้ว และผมก็ไม่ต้องการรางวัลอะไร”
เจ้าชายพอตเตอร์ ตรัสว่า : “โอ้.. คุณหลิน คุณไม่เต็มใจที่จะยอมรับรางวัลหรือ ฉันไม่รู้ว่า ราชินี ทรงคิดเห็นอย่างไร แต่โดยส่วนตัวแล้วฉันยินดีที่จะบริจาคเงินเพื่อช่วยซื้อเสื้อผ้าใหม่ให้กับคุณ คุณหลิน”
เจ้าชายพอตเตอร์ เห็นได้ชัดว่านี่เป็นการเยาะเย้ยในความยากจนของ หลินฟาน เพราะหลังจากที่เขาคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้แล้ว เจ้าชายพอตเตอร์ ก็ไม่รู้ว่าจะหัวเราะเยาะ หลินฟาน ในเรื่องใด ท้ายที่สุดก็คงมีแต่เรื่องเงินที่เขายังจะสามารถรักษาความเหนือกว่าจาก หลินฟาน เอาไว้ได้
ไม่ว่า หลินฟาน จะเก่งแค่ไหน แต่ก็ดูจากเสื้อผ้าของเขานี่สิ.. หลินฟาน เป็นคนยากจนอย่างเห็นได้ชัด และแม้แต่เสื้อผ้าที่ดีสักชิ้นก็ไม่มีปัญญาจะซื้อด้วยซ้ำ
เจ้าชายพอตเตอร์ ใช้คลื่นแห่งการเยาะเย้ยนี้ เพื่อพยายามทําให้ตัวเองรู้สึกสบายใจขึ้น การต่อสู้ของ หลินฟาน นั้น ทําให้เขาต้องสูญเสียเงินไปหลายร้อยล้าน ถ้าไม่ใช่เพราะว่าเขากังวลเกี่ยวกับ ราชินี แน่นอนว่าเขาจะไม่มีทางปล่อย หลินฟาน ไป
เดิมที หลินฟาน ไม่รู้ว่า เจ้าชายพอตเตอร์ เกี่ยวข้องอะไรกับครอบครัวสมิธ แต่เมื่อพอได้ยินคําเยาะเย้ยจากคําพูดของ เจ้าชายพอตเตอร์ หลินฟาน ก็รับรู้ได้แล้ว
หลินฟาน กล่าวว่า : “ขอบคุณ เจ้าชายพอตเตอร์ สําหรับความมีน้ำใจนี้ แต่ไม่จำเป็น และผมไม่ได้ต้องการมันจริงๆ อีกอย่างผมยังใส่ชุดนี้ได้อีกสักปี หรือสองปีได้มั้ง รอให้ชุดมันเสียก่อนแล้วค่อยเปลี่ยน”
โอ้?
ทุกคนรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย
ชุดของ คุณหลิน นั้นดูออกจะเรียบง่ายมาก อีกทั้งยังดูโทรมมากแล้ว แต่คาดไม่ถึงว่าเขายังต้องการที่จะใส่มันไปอีกปี หรือสองปี?
ในสายตาของสมาชิกราชวงศ์เหล่านี้ นี่เป็นเรื่องที่น่าเหลือเชื่อจริงๆ ประการแรก พวกเขาไม่สามารถใส่เสื้อผ้าราคาถูกที่ หลินฟาน ใส่ได้.. ประการที่สอง แม้แต่แบรนด์ดังที่พวกเขาใส่ ตราบใดที่มันล้าสมัย ก็ต้องเปลี่ยนให้ทันเวลา แทนที่จะทนใส่มันตลอดเวลา แล้วปล่อยให้มันเสียไปก่อนได้อย่างไร?
เจ้าชายพอตเตอร์ ตรัสว่า : “คุณหลิน คุณดูเหมือนจะประหยัดมากจริงๆ และคุณหลิน คุณเป็นคนจีน?”
หลินฟาน ตอบว่า : “ใช่”
เจ้าชายพอตเตอร์ ตรัสว่า : “ประเทศโลกที่สาม โอ.. เค ฉันเข้าใจแล้ว ฉันเองได้ยินมาว่าคนจีนอย่างพวกคุณไม่มีเงินซื้อไข่ชาด้วยซ้ำ ฉันเองก็ไม่รู้ว่า ‘ไข่ชา’ ที่ว่านี่คืออะไร แต่ที่นี่แน่นอนว่าคุณจะไม่ได้เห็นมัน”
ความหมายของเขาก็คือ ‘ไข่ชา’ ซึ่งเป็นอาหารระดับต่ำที่ไม่เป็นที่นิยม ทั้งยังไม่มีในประเทศอังกฤษด้วยซ้ำ แต่แล้ว.. ชาวจีนกลับไม่สามารถกินอาหารระดับต่ำเช่นนี้ได้ ดังนั้นมันจึงนำมาเปรียบเทียบได้ว่า ทำไม หลินฟาน ถึงไม่เต็มใจที่จะซื้อเสื้อผ้าใหม่สักชุดหนึ่ง
หลินฟาน ได้หัวเราะอยู่ในใจ เจ้าชายพอตเตอร์.. คนนี้หัวเราะเยาะเขาที่ยากจน เขาไม่สนใจที่จะรู้จักกับอีกฝ่ายเลยด้วยซ้ำ แต่นี่เขากับดึงประเทศจีนเข้ามาหัวเราะเยาะ ..ซึ่งแน่นอนว่าเขาทนไม่ได้
“อังกฤษไม่มีไข่ชา? อันนี้ผมไม่รู้จริงๆ” หลินฟาน กล่าวต่อว่า : “เพราะในประเทศจีน ไข่ชา ถือได้ว่าเป็นอาหารที่พบเห็นได้บ่อยมาก วิธีการทําก็ง่ายมาก อร่อย และไม่แพง ทั้งมันยังดูเป็นเรื่องธรรมดา คงเหมือนกับชาวตะวันตกอย่างพวกคุณที่ชอบดื่มกาแฟ ในตะวันตก กาแฟสามารถพบเห็นได้ทุกที่ ไม่ว่าจะเป็นคนจน หรือคนรวย ก็จะดื่มกาแฟ แต่แล้วมันก็ไม่มีใครคิดว่า กาแฟ เป็นของระดับสูงอะไร ถูกต้องไหม? ในทํานองเดียวกัน ไข่ชา ที่อยู่ในประเทศจีนของเรา ก็เป็นอาหารยอดนิยมเช่นกัน ตอนนี้ในประเทศจีนของเรา ด้วยการปรับปรุงมาตรฐานการครองชีพ นอกจากเราจะได้เพลิดเพลินไปกับอาหารตะวันออกของเราแล้ว เรายังได้กินอาหารนําเข้ามากมาย เช่น กาแฟ ซึ่งตอนนี้แพร่หลายมากในประเทศจีน ส่วนอังกฤษไม่มีไข่ชา ผมสามารถพูดได้แค่ว่า มันเป็นเรื่องที่น่าเสียดายอย่างหนึ่ง นี่คือมันช่างน่าเสียดายกับพวกคุณมาก เพราะไข่ชา มันดี และอร่อยมากจริงๆ!”
“ส่วนทาง เจ้าชายพอตเตอร์ ที่บอกว่าคนจีนอย่างเราไม่สามารถกินไข่ชาได้ คําพูดนี้ผมไม่รู้ว่า เจ้าชายพอตเตอร์ ได้ยินมาจากไหน แต่เรื่องนี้บอกได้แค่ว่ามันตลกพอๆ กับการบอกว่าชาวตะวันตกดื่มกาแฟไม่ได้ ถ้าผมบอกว่าคนอังกฤษดื่มกาแฟไม่ได้ พวกคุณก็ต้องคิดหาว่าผมเยาะเย้ยแน่ๆ เจ้าชายพอตเตอร์ ข่าวของคุณอาจจะค่อนข้างล้าหลังนะ เพราะท้ายที่สุดประเทศจีนของเราก็มีเศรษฐกิจใหญ่เป็นอันดับสองของโลก แล้ว.. เจ้าชายพอตเตอร์ นี่ก็คือคุณชอบไปหาอ่านนิตยสารแนวสตรีทเมื่อสมัยยี่สิบปีที่แล้วมา ใช่ไหม?”
หลินฟาน ไม่ถ่อมตัว ไม่หยิ่งผยอง ทั้งยังอธิบายออกไปอย่างใจเย็น
ทุกคนจึงอดที่จะหัวเราะไม่ได้ แต่ทางสีหน้าของ เจ้าชายพอตเตอร์ ก็เริ่มจะดูแย่ขึ้นมาเล็กน้อยแล้ว…