ตอนที่ 14
เขานั่งอยู่บนขอบโซฟากับนางแล้วกล่าว.
"เท้า."
“ไม่เป็นไร ถ้าเจ้าปล่อยไว้—”
"เท้า."
ด้วยคำพูดที่เด็ดเดี่ยวของเขา โมลิเทียก็ยกเท้าของนางขึ้นและกลืนเสียงของนางไป. คิ้วของเขากระตุกเมื่อเขาถอดรองเท้า ซึ่งเผยให้เห็นเท้าเปล่าของนางเต็มไปด้วยบาดแผล.
ขณะที่เขามองดูเท้าของนางอย่างอ่อนโยน เขาก็ค่อยๆ เปิดปากออก.
“…ไม่มีใครแกล้งเจ้าจริงๆเหรอ?”
"ไม่มี."
ใครล่ะจะกล้าแกล้งเจ้าสาวในงานแต่งงานของนาง? ทว่า ความสงสัยของดยุคก็ไม่ได้ลดลงเลย.
"จริงหรือ? เจ้าไม่ได้ปกป้องคนคนนั้นอยู่ ใช่ไหม?”
"มันเป็นความจริง. ก็แค่บาดแผลเพราะข้าไม่ได้ลองรองเท้าใหม่ล่วงหน้าเฉยๆ”
“ปกติแล้ว พวกทาสไม่ได้ทำให้ล่วงหน้าก่อนเหรอ?”
“……..”
ปากของนางปิดแน่น นางไม่มีแม้แต่คนรับใช้ที่จะขอสิ่งง่ายๆแบบนั้น แม้กระทั่งเปลี่ยนเสื้อผ้าทุกคืนก็ทำเองตลอด.
โชคดีที่ดยุคไม่ได้สังเกตเห็น เขากำลังง่วนอยู่กับแผลแทนการฟังคำตอบอยู่. หลังจากบดยาสมุนไพรแล้ว ตัวยาก็กลายเป็นของเหลวข้นๆ แล้วใช้สำลีก้อนวางลงบนบริเวณที่มีอาการ ทำให้เท้าของนางสะดุ้ง.
“ถ้ามันเจ็บก็บอกข้าทันทีล่ะ เพราะข้าไม่เคยรักษาบาดแผลของใครเลย”
เขากล่าวเพิ่มในขณะที่เคลื่อนไหวอย่างระมัดระวังในทุกการกระทำ. โมลิเทียพยักหน้าเล็กน้อยกับคำพูดของเขา แต่ความเจ็บปวดระดับนี้คุ้นเคยกับนางดี. นางสะดุ้งอยู่บ้างแต่ก็ไม่ได้พูดอะไรจนผ้าพันแพลสีขาวเหมือนผิวของนางถูกพันขึ้นไปเรื่อยๆ.
เท้านั้นหลุดออกจากมือทันทีที่ผ้าพันแผลหมด. ดวงตาของเขาจับจ้องอยู่ที่เท้าของนาง ขณะที่นางดิ้นอย่างน่าละอาย.
“…ขอบคุณที่เจ้าช่วยพันแผลให้.”
ขณะโมลิเทียกล่าวเช่นนั้น ดวงตาของเขาก็ไม่รอดพ้นจากเท้าของนาง. ขาเปล่าๆที่ถูกเปิดเผยระหว่างการรักษาดึงดูดสายตาของเขาอย่างมาก.
เขารู้สึกตั้งแต่พบนางครั้งแรกแล้ว ผิวของนางขาวเป็นพิเศษ และทำให้เขารู้สึกยินดีเมื่อผิวขาวกลายเป็นสีแดงเนื่องจากความอาย.
นางยังขาวอยู่แบบนั้น ตั้งแต่การพบกันครั้งแรก. เขาไม่สามารถละสายตาไปจากนางได้ นางให้ภาพลวงตาว่าถ้าละสายตาสักพักนางก็จะหายไป.
และความรู้สึกที่ได้ฝังลึกเข้าไปในร่างกายของนาง…
เขาคิดทบทวนแล้วเคลื่อนไหวอย่างมีวิจารณญาณ จากนั้นเขาก็คว้านิ้วเท้าของนางไว้ในมือและเริ่มลูบไล้ขาของนาง.
“ดยุคคะ?”
“ภรรยาของข้าจะเรียกข้าว่าดยุคอีกนานแค่ไหนกัน?”
แม้ว่าพวกเขาจะอยู่ในที่มืดมิดเหมือนกลางคืน แต่ก็มีบางอย่างในดวงตาของเขา เมื่อตาของโมลิเทียสบกัน เขาก็ยิ้ม.sh.
“เจ้าอยากจะเดิมพันไหม?”
"เดิมพัน?"
“ใช่ เดิมพัน”
โมลิเทียเบิกตากว้างเมื่อได้รับข้อเสนออย่างกะทันหัน
“เรากำลังเดิมพันอะไร?”
“ถ้าเจ้าเรียกชื่อข้าก่อนก็ชนะไป. ว่าไงล่ะ ง่ายใช่มั้ย?”
ริมฝีปากของนางเม้มกับคำพูดของเขา โมลิเทียไม่เคยเรียกชื่อใครโดยไม่ลังเลเลย แม้ว่าจะเป็นน้องชายของนางก็ตาม.
สำหรับนางผู้ไม่เคยมีเพื่อนอย่างจริงจัง “ชื่อ” นั้นดูอึดอัดเกินไป แม้กระทั่งผู้ชายที่แสดงให้นางเห็นทุกอย่างมาแล้ว.
“แล้วถ้าข้าไม่ทำล่ะ…?”
“ข้าก็จะทำตามใจจนกว่าเจ้าจะเรียกชื่อข้า”
"เจ้าจะทำอะไร?"
ปากของนางหยุดเมื่อมือของเขาสอดเข้าไปในกระโปรงของนาง นิ้วที่เข้ามาทำให้ผิวหนังของนางร้อนขึ้น.
"แบบนี้."
“…นี่มันห้องพักนะ.”
โมลิเทียชี้ให้เห็นสถานการณ์โดยรอบ เขาหัวเราะกับคำพูดของนาง.
“มันก็แค่ห้องพักเงียบๆ อย่างน้อยก็ไม่มีใครที่เข้าร่วมงานเลี้ยงต้อนรับที่หรูหราอยากมาที่นี่”
ถึงตอนนี้ทุกคนคงยุ่งอยู่กับการนินทาคู่บ่าวสาวที่หายไปจากงานเลี้ยง. อีกอย่าง, ท่านเคานต์ก็ไม่ใช่สิ่งที่เขาสนใจแต่แรกแล้วด้วย.
"แต่ถึงอย่างงั้น…"
ปากของนางค้นหาข้อแก้ตัว. ทุกครั้งที่เขายกนิ้วขึ้นที่ต้นขา ดวงตาของนางก็จะค้นหาข้อแก้ตัวอย่างสิ้นหวังมากขึ้น.
“เจ้าไม่อยากเรียกเหรอ?”
มือของเขาแตะที่ต้นขาด้านในของนาง. กล้ามเนื้อของนางตึงขึ้นด้วยความตึงเครียดขณะที่นางออกแรงกดอย่างแรง.
“ก็ข้าไม่ได้สนใจอยากจะเรียกนี่?”
นางจะสนใจทำไม? หมึกที่เซ็นทะเบียนสมรสยังไม่แห้งเลยด้วยซ้ำ.
“ตอนนี้เราไม่ใช่คู่รักกันเหรอ? มันเป็นเรื่องลับๆ เกี่ยวกับคู่แต่งงานใหม่ บางครั้งพวกเขาก็ทำตัวบ้าบิ่นกันบ้าง”