ตอนที่ 1
มีปัญหาอย่างหนึ่งในบ้านของเคานต์คลีเมนซ์ นั่นคือ ลูกสาวคนโตของเขา โมลิเทีย เคลเมนซ์. เคานต์ยังคงคร่ำครวญถึงเงินจำนวนมหาศาลที่เขาได้ใช้ไป เพราะเธอป่วยอยู่บนเตียงตลอดเวลา
หากมีวิธีที่ทำให้เธอดีขึ้น ทัศนคติของเขาที่มีต่อเธออาจจะดีกว่านี้ แต่น่าเสียดายที่โมลิเทียมีร่างกายที่อ่อนแอ และการเจ็บป่วยบ่อยครั้งของเธอทำให้ความรักของพ่อแม่ของเธอค่อยๆ หมดลงไป.
เธอใช้เวลาอยู่บนเตียงมากกว่าอยู่นอกมัน และเธอนอนป่วยอยู่บนเตียงนั้นในขณะที่ลูกขุนนางคนอื่นๆ เปิดตัวในสังคม. ยิ่งเธอป่วยนานเท่าไหร่ คนมาเยี่ยมก็ยิ่งน้อยลงและเธอก็ยิ่งใช้เวลาอยู่คนเดียวมากขึ้นด้วย. เนื่องจากเป็นบุคคลที่แทบไม่มีใครรู้จัก จึงมีข่าวลือมากมายเกี่ยวกับตัวเธอ.
เมื่อใดก็ตามที่เขาเห็นใบหน้าที่ซีดเซียวของเธอ ท่านเคานต์ไม่สามารถพูดอะไรที่ดีกับโมลิเทียได้เลย, และเขาก็ตราหน้าเธอด้วยการดูถูก เช่น "ยัยเด็กต้องคำสาป". มันทำให้เคานต์ต้องประสบกับความทุกข์ทรมานจากเสียงนินทามากขึ้น และทำให้เขาเกลียดเธอมากยิ่งขึ้นไปอีก. เคานต์ที่ไม่อยากเห็นใบหน้าขาวโพลนและว่างเปล่าของโมลิเทีย จึงกักขังเธอไว้ในห้อง.
สำหรับโมลิเทียแล้ว ความอบอุ่นในครอบครัวนั้นอยู่ไกลเกินเอื้อมนัก และเธอก็โดดเดี่ยวมาโดยตลอด. การปฏิเสธของพ่อแม่ของเธอทำให้เธอได้รับการปฏิบัติอย่างเย็นชาโดยสมาชิกในครอบครัวคนอื่นๆด้วย แม้ว่าเธอจะเป็นถึงลูกสาวของเคานต์ก็ตาม เธอก็ไม่ได้ดีไปกว่าเศษฝุ่นเลย.
ทุกคนมักลังเลเสมอเมื่อจะมีปฏิสัมพันธ์กับโมลิเทีย. ทุกคนต่างคิดว่า 'ใครจะรู้ล่ะว่าเธอจะต้องตายเมื่อไหร่' โมลิเทียเห็นด้วยกับความรู้สึกเหล่านั้น เพราะความเจ็บป่วยของเธอรู้สึกเหมือนกับความตายสำหรับเธอ แต่ตอนนี้ เธอทำลายความคาดหวังนับไม่ถ้วนเกี่ยวกับการเสียชีวิตก่อนวัยอันควรของเธอนั่นไปหมดแล้ว เพราะ เธออายุมากพอที่จะแต่งงานได้แล้วในตอนนี้.
แต่ถึงกระนั้น การตอบสนองโดยรอบเธอก็ยังคงเย็นชา แม้ว่าเธอจะเป็นลูกสาวของเคานต์ที่น่านับถือ แต่ก็ไม่มีใครขอแต่งงานกับเธอเลย. ไม่จำเป็นต้องเดาเหตุผลด้วยซ้ำ. เคาท์เคลเมนซ์โกรธจัดจึงเรียกโมลิเทียให้มาหา.
“แกมันไร้ค่า!” เสียงของเขาดังไปทั่วบ้าน
เด็กที่ไร้ประโยชน์ตั้งแต่แรกเกิด ไม่สามารถช่วยเหลือพ่อของเธอได้อะไรซักอย่างเลยในตอนนี้. ลูกคนแรกของเขาต้องแต่งงานอย่างดีเพื่อให้ลูกๆ ที่เหลือได้มีโอกาสบ้าง แต่โมลิเทียไม่สามารถทำเช่นนั้นได้เลย.
“ข้ามีลูกแบบเจ้าได้ยังไงกันนะ!” เคานต์ตะโกนออกมา.
การจ้องมองของเขาแทงทะลุใจของโมลิเทีย และใบหน้าที่ขาวผิดปกติของเธอก็ยิ่งซีดลงไปอีก.
“เหตุใดครอบครัวของเราจึงต้องทนทุกข์กับความอัปยศอดสูเช่นนี้มานานหลายปีด้วย?”
ศีรษะของโมลิเทียจมลงไปอีกจากการดุอย่างไม่หยุดยั้งของพ่อของเธอ 'เคานต์เคลเมนซ์ผู้ทรงเกียรติ' นั่นคือสิ่งที่พวกเขาเรียกว่าเคานต์ในแวดวงสังคม.
เขาพยายามที่จะหาตำแหน่งยืนของเขาในการเมือง แม้ว่าตำแหน่งของเขาจะยังคงไม่มั่นคง แต่ก็มีวิธีที่จะเติมเต็มช่องว่างนั้น: การแต่งงานทางการเมืองยังไงล่ะ. ความผูกพันในชีวิตสมรสระหว่างสองครอบครัวก็เหมือนกับการทำสัญญากัน. เป็นโอกาสในการกระชับความสัมพันธ์และสร้างผลประโยชน์ร่วมกัน.
ฟีเลียส เคลเมนซ์ ซึ่งเป็นเคานต์คนปัจจุบันก็เคยทำเช่นเดียวกัน. เขาแต่งงานกับภรรยาก็เพื่อผลประโยชน์ของครอบครัว. ความสัมพันธ์ของเขากับภรรยาไม่ได้ถูกละเลย แต่มันก็เป็นความสัมพันธ์ทางธุรกิจด้วย. ความเห็นของฟีเลียสไม่แตกต่างจากความเห็นของพ่อแม่ของเขาเลย. แต่งงาน, มีลูก, แล้วให้ลูกแต่งงานกับครอบครัวที่ดีๆ. สำหรับเคานต์แล้ว ลูกของเขาก็เป็นเพียงแค่ส่วนขยายของสัญญาเท่านั้น.
เขาทุบหมัดลงบนโต๊ะอย่างแรง
“มีอะไรผิดปกติกับครอบครัวของข้ารึไงกัน? จะไม่มีใครขอมือเจ้าแต่งงานเลยหรือไง!”
โมลิเทียก็อารมณ์เสียเช่นกัน เธออยากแต่งงานด้วยซ้ำ.
เคานต์มองดูลูกที่ไร้ประโยชน์ของเขาอย่างช่วยไม่ได้: ร่างที่ไร้เลือดและมีริมฝีปากที่หนา.เขาไม่เห็นเสน่ห์ในตัวเธอเลย.
“แต่ก็ยังดีที่มีข้อเสนอมาหนึ่ง” เขากล่าว
ด้วยคำพูดของเคานต์ ทำให้โมลิเทียเงยหน้าขึ้นมา. ขอแต่งงาน. เธอหลับตาลงแล้วคิดว่านี่อาจเป็นทางเดียวของเธอที่จะออกจากบ้านหลังนี้ไปได้.
“มีจดหมายมาจากดยุคแห่งลิเนริโอเพื่อขอแต่งงาน” เคานต์กล่าว
“ดยุคแห่งลิเนริโอ....” โมลิเทียพึมพำ.
ทันทีที่เธอได้ยินชื่อ โมลิเทียก็หน้าซีดลงทันที. แสงที่เธอคิดว่าเธอได้พบก็ดับลงในชั่วขณะเดียว. เธอมองไปที่เคานต์และส่ายหัวปฏิเสธ.
“ลูกคงได้ยินผิดไปใช่หรือไม่ – ท่านพ่อคงไม่ได้หมายถึงดยุคแห่งลิเนริโอคนนั้นใช่หรือไม่?” โมลิเทียถาม
“ใช่ คนนั้นแหละ.” เคาท์คลีเมนซ์กล่าว