ตอนที่แล้วSW-ตอนที่ 30 แวร์ไวน์
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปSW-ตอนที่ 32 ออกจากถิ่นทุรกันดาร

SW-ตอนที่ 31 สูญเสียความทรงจำ


‘ดยุค?’ อเล็กซ์ คิดอย่างประหลาดใจ ‘หรือก็คือโลกนี้อย่างน้อยประเทศนี้ก็ดำเนินธุรกิจบนพื้นฐานของชนชั้นสูง เท่าที่ฉันจำได้ ดยุค มีตำแหน่งที่ค่อนข้างสูงในสายบังคับบัญชา’

‘นอกจากนี้เขายังบอกว่าเขาเป็นจอมเวทย์ระดับสูง เขากล่าวว่าแหล่งมานามีความสำคัญสำหรับผู้ฝึกหัดในการเป็นจอมเวทย์ ถ้าให้ฉันเดา เด็กฝึกหัด คงสะท้อนถึงจอมเวทย์ในอาณาจักรพลังที่หนึ่ง ในขณะที่ จอมเวทย์ผู้เชี่ยวชาญ คือจอมเวทย์ในอาณาจักรพลังที่สอง อาณาจักรพลังที่สามก็คือจอมเวทย์ที่แท้จริง ส่วนอาณาจักรพลังที่สี่ก็คือจอมเวทย์ระดับสูงก็เป็นได้’

ตามที่เขาพูด เม่นและปลาหมึกยักษ์คือสิ่งมีชีวิตในอาณาจักรพลังที่สาม ด้วยความจริงที่ว่าเขาสามารถจัดการพวกมันได้หากจะอธิบายว่าเขาอยู่เหนือกว่าอาณาจักรพลังที่สี่ก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร

‘เป็นเรื่องแล้ว! ให้ตายเถอะ ฉันไม่อยากจะเชื่อเลยว่าจะฉันจะทักทายเขาด้วยคำว่า ‘โย่’ !’ อเล็กซ์ คิด

“ผมขอโทษสำหรับการดูหมิ่นก่อนหน้านี้ของผมด้วย ดยุคแวร์ไวน์” อเล็กซ์ กล่าวพูดด้วยน้ำเสียงที่เคารพ

ดยุคแวร์ไวน์ ยิ้มเล็กน้อย “เธอรู้หรือไม่ว่า ว่ามันเป็นธรรมเนียมที่จะเรียกดยุคว่า ท่านลอร์ด” เขากล่าว

“ผมต้องขอโทษด้วย ท่านลอร์ด” อเล็กซ์ตอบกลับ “ผมไม่เคยเจอขุนนางคนไหนมาก่อน ดังนั้นได้โปรดยกโทษให้กับความประมาทเลินเล่อของผมก่อนหน้านี้ด้วย”

ที่น่าประหลาดใจก็คือ ดยุคแวร์ไวน์ หัวเราะเล็กน้อย

“เธอดูไม่ค่อยเข้ากับคนอื่นสักเท่าไหร่ถูกมั้ย?” ดยุคแวร์ไวน์ กล่าวถาม

“ครับ หวังว่าคุณจะช่วยยกโทษให้” อเล็กซ์ตอบกลับ

ดยุคแวร์ไวน์ หัวเราะอีกครั้ง

“เอาเถอะ ท่าทางการแสดงออกของเธอมันดูล้าหลังไปแล้ว ไม่มีใครในปัจจุบันพูดแบบนั้นอีกแล้ว แต่ด้วยตำแหน่งของฉัน เรียกฉันว่า ท่าน ก็พอ” ดยุค ตอบกลับด้วยรอยยิ้ม

ดยุคแวร์ไวน์ ค่อนข้างเย็นชาต่อ อเล็กซ์ในตอนแรก แต่หลังจากที่เขาเห็นว่า อเล็กซ์ค่อนข้างไร้เดียงสา และ ดูอ่อนไหว อารมณ์ของเขาก็ดูสดใสขึ้นมาเล็กน้อย

เพราะมันเป็นเรื่องยากที่จะเห็นเด็กคนหนึ่งที่ไม่พยายามเลียรองเท้าเพื่อให้ได้รับความกรุณา

“อะ ครับ” อเล็กซ์ตอบอย่าง เก้ๆ กังๆ และ ไม่รู้ว่าเขาจะพูดอะไรดี

“ว่าแต่เธอชื่ออะไรล่ะหนุ่มน้อย?” ดยุคแวร์ไวน์ กล่าวถาม

“ผม อ๊ากก!” อเล็กซ์ พยายามจะพูด แต่ก่อนที่เขาจะนึกถึงชื่อของเขา ความเจ็บปวด ก็แล่นมาจากใจของเขา จนทำให้เขาคว้าศีรษะข้างหนึ่งด้วยความเจ็บปวด

ดยุคแวร์ไวน์ รู้สึกประหลาดใจที่เห็นการกระทำของ อเล็กซ์ เพราะมันดูเจ็บปวดอย่างแท้จริง แม้แต่เส้นเลือดของเขาก็ดูเหมือนจะโผล่ออกมาจากด้านข้างศีรษะของเขา นี่เป็นสัญญาณของความเจ็บปวดและความตึงเครียด ที่ไม่สามารถเสแสร้งได้

“เธอได้รับบาดเจ็บอะไรมาหรือเปล่า?” ดยุคแวร์ไวน์ กล่าวถามอย่างเป็นทางการ เห็นได้ชัดว่าชายหนุ่มไม่ได้รับบาดเจ็บสาหัส ซึ่งเป็นสาเหตุว่าทำไมเขาถึงไม่กังวลเกี่ยวกับเขามากนัก

“เอ่อ ไม่ มันเป็นเพียงแค่สิ่งที่เกิดขึ้นเป็นครั้งคราว” อเล็กซ์ตอบขณะที่เขาสูดหายใจเข้าลึกๆ

“ผมชื่อ ซาง” อเล็กซ์ตอบกลับ

“ซาง?” ดยุคแวร์ไวน์ พูดซ้ำด้วยความสนใจ “ฉันไม่เคยได้ยินชื่อนี้มาก่อน แล้วสกุลของเธอล่ะ หรือว่า นั่นคือชื่อสกุลของเธอ?”

“นั่นคือชื่อของผม” อเล็กซ์ตอบกลับด้วยน้ำเสียงที่พ่ายแพ้

เขาไม่อยากจะละทิ้งชื่อเก่าของเขาจริงๆ แต่เขาไม่สามารถทำอะไรได้

แต่เขาจะจำชื่อเก่าของเขาได้อีกนานแค่ไหนกัน?

ตอนนี้ อเล็กซ์ไม่พยายามคิดถึงชื่อจริงของเขา เพราะเมื่อเขาคิดถึงมัน เขาก็จะรู้สึกเจ็บปวด

นั่นหมายความว่า จะไม่มีใครพูดหรือนึกถึงชื่อของ อเล็กซ์ ตลอดครึ่งปีที่ผ่านมา แม้แต่เขา

เมื่อ อเล็กซ์ ต้องการแนะนำตัวเอง จิตใจของเขาก็จะมุ่งไปยังส่วนที่อยู่ในใจ ซึ่งเป็นที่ตั้งของชื่อจริงของเขาโดยอัตโนมัติโดยที่เขาไม่ได้คิดอะไรเลย

มันเหมือนกับประตูที่ปิดอยู่ ที่เต็มไปด้วยกระแสไฟฟ้าที่ทรงพลัง

อเล็กซ์ รู้ว่ามีอะไรอยู่หลังประตู แต่เมื่อใดก็ตามที่เขาแตะมัน เขาก็จะรู้สึกเจ็บปวด

เกี่ยวกับเรื่องที่ว่าเขาจะใช้เวลานานแค่ไหนในการลืมสิ่งที่อยู่หลังประตู เขาก็ไม่สามารถประมาณได้

และ เขาก็ไม่รู้ว่าอีกนานเท่าไหร่ ประตูนั้นจะหายไปท่ามกลางความสับสน

อเล็กซ์ รู้ว่าเขายังรู้จักชื่อของเขา แต่จริงๆ แล้ว เขาจำชื่อของเขาไม่ได้จริงๆ เพราะเขาคิดไม่ออก

ความรู้สึกนี้มันค่อนข้างยากที่จะอธิบาย

“ซาง คือชื่อเต็มของผม ผมไม่มีชื่อสกุล และ มีแค่ชื่อ ซาง เท่านั้น” อเล็กซ์กล่าว

ดยุคแวร์ไวน์ ลูบเคราของเขาด้วยความสนใจ “มีแซ่เดียว หรือว่าเธอจะมาจากครอบครัวชาวนา หรือ ชนชั้นล่าง?” เขากล่าวถาม

อเล็กซ์ ถอนหายใจ

“ผมไม่คิดว่าผมมีครอบครัว” อเล็กซ์ กล่าว “ตั้งแต่มาถึงโลกนี้ผมก็อยู่ตัวคนเดียว”

คำเหล่านี้ฟังดูแตกต่างกันมากสำหรับแต่ละคน

สำหรับ อเล็กซ์ มันคือความจริง เพราะร่างกายนี้อาจถูกสร้างขึ้นจากความว่างเปล่า ตามหลักเหตุและผล ร่างกายนี้ไม่มีครอบครัว และ เขายังไม่เคยพบมนุษย์คนไหนเลยตั้งแต่มาถึงโลกนี้ เพราะงั้นเขาจึงอยู่ตัวคนเดียว

อย่างไรก็ตาม คำเหล่านี้ สามารถถูกตีความได้แตกต่างออกไปตามแต่ละคน

บางคนอาจคิดว่า ซาง ทะเลาะกับครอบครัวในอดีต และ แยกทางจากครอบครัว

บางคนอาจคิดว่าครอบครัวของ ซาง ทั้งหมดนั้นเสียชีวิตแล้ว

บางคนอาจคิดว่า ซาง นั้นคือเด็กกำพร้า

บางคนอาจคิดว่า ซาง นั้นคือเด็กเอาแต่ใจที่จมปลักอยู่กับความทุกข์ยาก

นั่นก็ขึ้นกับว่า ดยุคแวร์ไวน์ นั้น ตีความคำพูดของ อเล็กซ์ ว่าอย่างไร

เขาไม่แน่ใจ แต่เขาเดาว่า ซาง อาจจะสูญเสียครอบครัวไปในอดีต

“นั่นก็คงจะพออธิบายได้ว่าทำไมเธอถึงไม่มีชื่อสกุล แล้วใครเป็นคนตั้งชื่อเธอว่า ซาง ล่ะ?” ดยุคแวร์ไวน์ กล่าวถาม

“เป็นชายคนหนึ่ง ผมคุยกับเขาอยู่สักพัก และ เขาก็ตั้งชื่อให้ผม ในเมื่อผมไม่มีชื่ออื่นที่สามารถใช้ได้ ผมก็เลยยอมรับการตั้งชื่อของเขา” อเล็กซ์ กล่าวพูดบนพื้นฐานแห่งความจริง

บางทีพระเจ้าอาจจะเป็นที่รู้จักในโลกของเขา?

บางทีพระเจ้าอาจจะไม่ได้รับความนิยมมากนักในโลกนี้?

จะเป็นอย่างไรถ้ามีคนรู้จักกับพระเจ้าและพยายาม บีบบังคับ อเล็กซ์ เพื่อค้นหาข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับพระเจ้า?

ดังนั้น อเล็กซ์ จึงไม่ต้องการเอ่ยนามพระเจ้าออกไป

เพราะมีตัวแปรที่ไม่รู้จักมากเกินไป

ดยุคแวร์ไวน์ ลูบเคราของเขาด้วยความคิด “มันฟังดูเป็นเรื่องราวที่ดูค่อนข้างน่าเหลือเชื่อ แต่ฉันไม่สามารถสัมผัสได้ถึง การพูดเท็จใดๆ จากเธอเลย”

“เพราะไม่มีเหตุผลที่ผมต้องโกหกท่าน” อเล็กซ์ กล่าว

ดยุคแวร์ไวน์ พยักหน้า

“ว่าแต่ ทำไมเธอถึงมาอยู่ที่สวนของฉันได้?” เขากล่าวถาม

“เอ่อ เรื่องนี้มันก็ค่อนข้างตอบยาก” อเล็กซ์ กล่าว “เท่าที่ผมจำความได้เกี่ยวกับโลกนี้ และ ถิ่นทุรกันดารนี้ มันเหมือนกับว่านี่คือสถานที่เริ่มต้นของผม และ ผมก็ไม่รู้อะไรเกี่ยวกับโลกภายนอก นอกเหนือจากสวนแห่งนี้”

“อย่างไรก็ตาม ผมคิดว่าผมรู้เหตุผลที่ว่าทำไมผมถึงมาอยู่ที่นี่”

“ผมคิดว่าผมตั้งใจที่จะฝึกฝนในถิ่นทุรกันดารแห่งนี้ เพื่อที่จะแข็งแกร่งมากขึ้น ก่อนที่จะกลับเข้าสู่สังคมมนุษย์อีกครั้ง” อเล็กซ์ กล่าว

เขาได้ตัดสินใจเลือกทำเป็นความจำเสื่อม และ การฝึกฝน ผสมผสานกัน

คำตอบของเขาคลุมเครือมากพอที่ ทนายความสามารถตีความคำพูดของ อเล็กซ์ ได้หลายวิธี ซึ่งทำให้เขาหลุดพ้นจาก ข้อสงสัย มากมาย ในอนาคต

ดยุคแวร์ไวน์ เลิกคิ้ว และ ลูบเคราของเขาต่อไป

จากนั้น เขาก็พูดคำพูดที่ฟังดูสับสนมากยิ่งขึ้น

เพราะเขากำลังร่ายคาถาอีกครั้ง

อเล็กซ์ รู้สึกกังวลมากขึ้น เพราะเขาไม่รู้ว่าคาถานั้นคืออะไร

เมื่อดยุคร่ายถาคาเสร็จ อเล็กซ์ ก็รู้สึกว่ามีมานาบางอย่างเข้ามาในหัวของเขา

การร่ายเวทย์นั้นใช้เวลาไม่เกิน 1 วินาที

หลังจากนั้นไม่กี่วินาที มานาก็ออกจากจิตใจของ อเล็กซ์ อีกครั้ง

สิ่งนี้ทำให้ สีหน้าของ ดยุคแวร์ไวน์ เปลี่ยนเป็นความกังวล

“มีบางอย่างผิดปกติเกิดขึ้นกับจิตใจของเธอ” ดยุคแวร์ไวน์ กล่าว “แต่ฉันไม่มีความรู้มากพอในสาขาเวทมนตร์จิตใจ กายวิภาค หรือ สาขาอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องเพื่อระบุปัญหา”

“แต่ฉันสามารถบอกได้ว่ามีบางอย่างไม่ถูกต้องเมื่อฉันจะลองมองดูจิตใจของเธอ”

ดวงตาของ อเล็กซ์ เบิกกว้างขึ้น

“ท่านสามารถอ่านใจผมได้งั้นเหรอ?!” อเล็กซ์ กล่าวถามด้วยความตกใจ

ดยุคแวร์ไวน์ ส่ายหัวช้าๆ “ไม่ๆ ฉันไม่มีพลังมากพอที่จะทำเช่นนั้น และ ฉันก็ไม่ได้เชี่ยวชาญด้านเหล่านี้ด้วย ส่วนคาถาที่ฉันใช้ เป็นแค่การส่งมานาเข้าไปผ่านจิตใจของเธอ และ หลังจากรู้ว่ามันเป็นรูปแบบใด ก็ ค่อยออกมา”

“ฉันไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับจิตใจ ของเธอ แต่ฉันสามารถสรุปบางสิ่งได้ตามลักษณะที่เห็น ดูเหมือนว่า มานาบางส่วนที่ไหลออกมาจะดูแตกต่างไปจากที่คาดไว้ ซึ่งก็หมายความว่ามีบางสิ่งบางอย่างปิดกั้นจิตใจของเธออยู่ ซึ่งมันทำให้ฉันไม่สามารถค้นหาได้”

“หรือก็คือผมความจำเสื่อม?” อเล็กซ์กล่าวถาม

“คงเป็นอย่างนั้น” ดยุคแวร์ไวน์ตอบกลับ “จิตใจของเธอดูเปลี่ยนไป บางทีเธออาจจะโดนกระทำโดยบุคคล หรือได้รับบาดเจ็บ หรืออะไรก็ตาม”

อเล็กซ์ ดูกังวล แต่จริงๆ แล้ว เขากลับมีความสุขข้างใน

นี่เป็นข้อแก้ตัวที่สมบูรณ์ที่เขาต้องการ!

ด้วยเหตุนี้ เขาสามารถพูดได้เต็มปากว่าเขาสูญเสียความทรงจำ และ แม้แต่แพทย์หรือจอมเวทย์ผู้ทรงพลังก็สามารถยืนยันคำพูดของเขาได้

มันค่อนข้างสมบูรณ์แบบ!

“ผมจะฟื้นคืนความทรงจำของผมได้มั้ย?” อเล็กซ์ กล่าวถาม

“น่าจะยาก” ดยุคแวร์ไวน์ตอบกลับ “แต่หากเธออยากจะลอง เธอก็จะต้องหาใครสักคนที่เชี่ยวชาญด้านเวทมนตร์จิตใจ หรือ จิตวิญญาณ แต่ จอมเวทย์เหล่านี้ จะสามารถเรียกใช้ได้เฉพาะกับคนที่ร่ำรวยเท่านั้น ซึ่งแม้แต่ฉัน ก็ยังรู้สึกหนักทางด้านภาระทางการเงินที่จะเรียกใช้คนแบบนั้น”

อเล็กซ์ ถอนหายใจอีกครั้ง แต่จริงๆ แล้วเขามีความสุขมากจริงๆ เพราะไม่มีใครสามารถเปิดเผยข้อแก้ตัวของเขาได้

“ยังไงก็ตาม เธอบอกว่าเธอต้องการที่จะแข็งแกร่งขึ้นงั้นสินะ?” ดยุคแวร์ไวน์ กล่าวถาม

อเล็กซ์ พยักหน้า “ครับท่าน” อเล็กซ์ ตอบ “ถึงแม้ว่าผมจะไม่สามารถฝึกฝนเวทมนตร์ได้ แต่ผมก็ไม่อยากเป็นคนธรรมดาเช่นกัน ผมอยากที่จะแข็งแกร่งขึ้น!”

ดยุคแวร์ไวน์พยักหน้า

“ฉันคิดว่าตัวเธอในอดีตตัดสินใจได้ชาญฉลาดเป็นอย่างมาก” เขากล่าว “ถึงแม้ว่าฉันจะไม่รู้ว่าเธอมาอยู่ในดินแดนของฉันได้ยังไง แต่ไม่ว่าจะเป็นกรณีใดก็ตาม เธอก็มาอยู่ในดินแดนที่ดีที่สุดสำหรับเป้าหมายของเธอ”

“ท่านหมายความว่ายังไง?” อเล็กซ์ กล่าวถาม

“เพื่อนสนิทของฉัน เป็นฟิสที่ทรงพลังที่สุดในโลก และ เขาก็มีสถาบันศึกษาสำหรับนักรบ และ อาชีพที่คล้ายกันซึ่งอยู่ไม่ไกลจากที่นี่ ข้าสันนิษฐานว่าก่อนที่เธอจะสูญเสียความทรงจำ บางทีเธอคงคิดจะมาฝึกฝนประสบการณ์การต่อสู้ที่นี่ก่อนที่จะไปสมัครเรียนที่สถาบันศึกษา”

“นั่นก็เพราะ การสอบเข้าของสถาบันศึกษาค่อนข้างยากด้วยเหตุผลบางประการ”

อเล็กซ์ เริ่มไม่มั่นใจเล็กน้อย และตอบกลับ “หรือว่าผมควรฝึกฝนมากกว่านี้เพื่อเตรียมสอบเข้า?”

ดยุคแวร์ไวน์ ส่งเสียงเย้ยหยันทันที

“ไม่ใช่ว่าเธอเคยสังหารหมีหอกน้ำแข็งระดับสูงหรอกเหรอ?”

“แค่นั้นก็เกินพอที่จะเข้าร่วมสถาบันศึกษาแล้ว”

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด