1249 - การมาถึงของเรือรบทองแดง
1249 - การมาถึงของเรือรบทองแดง
วิธีการสร้างชีวิตที่สองนี้ยังมีข้อเสียอันยิ่งใหญ่อยู่ นั่นคือร่างอวตารที่เกิดขึ้นมานั้นจะมีวิญญาณที่มีความรู้สึกนึกคิดเป็นของตัวเอง
ในโลกนี้ไม่มีใครอยากเป็นตัวสำรองของผู้อื่น ดังนั้นวิญญาณของร่างอวตารย่อมมีความมุ่งมาดปรารถนาที่จะทำลายวิญญาณเดิมเพื่อให้กลายเป็นร่างจริง
“ชีวิตที่สองของบรรพชนจระเข้คือสิ่งที่เรียกว่าทารกในครรภ์ศักดิ์สิทธิ์ มันเกี่ยวข้องกับหลี่เสี่ยวม่าน ตราบใดที่เราฆ่านางได้อันตรายทั้งหมดก็จะหมดไป” เย่ฟ่านกล่าว
ในขณะนี้อู๋จงเทียนและเจียงฮ่วยเหรินได้รับการช่วยเหลือจากภูเขาจิ่วโหยวแล้ว พวกเขารอคอยอยู่ในหมู่บ้านเทียนจื่อ และเมื่อทุกคนได้พบกันเหล่าพี่น้องก็เต็มไปด้วยความตื่นเต้นยินดี
พวกเขาทั้งสองคนถูกค่ายกลปิดผนึกกักขังไว้ ย้อนกลับไปในตอนนั้น พวกเขาถูกล่าจนต้องหลบหนีเข้าไปในภูเขาโบราณและไม่มีทางออก
ทั้งสองคนรู้ดีว่าจะต้องมีใครบางคนมาช่วยอย่างแน่นอน ดังนั้นพวกเขาจึงสงบใจและนั่งสมาธิอย่างเงียบๆรอคอยเป็นเวลาหลายปี
เมื่อเพื่อนเก่ามาพบกัน ย่อมมีเรื่องให้พูดคุยกันไม่รู้จบ พวกเขาพูดคุยกันอย่างมีความสุขพร้อมดื่มสุราและหวนนึกถึงอดีตไปพร้อมกัน
หนึ่งเดือนต่อมา สถานการณ์ที่เกิดจากความวุ่นวายของจักรพรรดิเผ่าพันธุ์มนุษย์ก็สงบลงในที่สุดและไม่ส่งเสียงดังเหมือนเมื่อก่อน หลายคนเริ่มคิดแทนที่จะไล่ตามบางสิ่งครั้งแล้วครั้งเล่า
ทันทีที่พายุของจักรพรรดิผู้ยิ่งใหญ่ผ่านไป การสังหารหมู่ในเทือกเขาเทียนต้วนก็กลายเป็นประเด็นสำคัญของการสนทนาของผู้คน
ไม่มีใครรู้ว่ามีผู้เสียชีวิตกี่คนในการต่อสู้ครั้งนี้ แน่นอนว่าผู้ที่ได้รับการสูญเสียอย่างหนักย่อมหนีไม่พ้นวังพิภพและอเวจี ความสูญเสียในครั้งนี้ทำให้ความแข็งแกร่งของพวกเขาลดลงไปกว่าครึ่ง
“มีการวางแผนตั้งแต่แท่นบูชาห้าสี ทุกสิ่งทำโดยจักรพรรดิผู้ยิ่งใหญ่ของมนุษย์เพื่อล่อศัตรูเข้ามาในไห ภัยพิบัติครั้งนี้มีคนตายมากกว่าสองหมื่นคน”
เทือกเขาเทียนต้วนปกคลุมไปด้วยเลือด ภูเขาหลายลูกถูกย้อมด้วยสีแดงฉาน เมื่อเวลาผ่านไปมันทำให้ดินแดนอันยิ่งใหญ่แห่งนี้กลายเป็นสีดำสนิท
“ทุกสิ่งเป็นเท็จ เย่ฟ่านไม่มีเจตนาที่จะจากโลกนี้ เขาเพียงหลอกล่อศัตรูออกมากำจัดเท่านั้น”
ในการต่อสู้ครั้งนี้ ผู้คนที่ถูกฆ่ามากมายนับไม่ถ้วน อวัยวะของพวกเขากระจายทั่วภูเขากลายเป็นอาหารเลี้ยงสัตว์ป่า เหตุการณ์ครั้งนี้สั่นสะเทือนจิตใจของผู้คนอย่างรุนแรง เพราะมันเป็นการฆาตกรรมหมู่ที่มีคนตายมากที่สุดในรอบหลายหมื่นปี
“การต่อสู้ครั้งนั้นทำให้ผู้คนเกิดความหวาดกลัวอย่างยิ่ง ในโลกที่ไม่มีสิ่งมีชีวิตระดับปราชญ์เข้าแทรกแซงจะมีใครสามารถเอาชนะร่างศักดิ์สิทธิ์เซียนโบราณได้”
นี่คือเสียงของใครหลายๆ คน ร่างกายของพวกเขาสั่นสะท้านด้วยความหวาดกลัวเมื่อตระหนักได้ว่าตัวเองโชคดีแค่ไหนที่ไม่ได้เข้าไปในภูเขาครั้งนั้น
เย่ฟ่านเอาชนะเผ่าพันธุ์โบราณ กวาดล้างยอดฝีมือจากวังอเวจีและพิภพ สังหารยอดฝีมือจากทะเลสาบหยวนหู สังหารสตรีศักดิ์สิทธิ์อเวจี บดขยี้บุตรศักดิ์สิทธิ์พิภพ ความแข็งแกร่งที่เขาแสดงออกมานั้นไม่มีเซียนเทียมขั้นสามคนใดจะเปรียบเทียบได้
“เทียนหวงจื่อ ลูกผู้ชายที่แท้จริงควรรักษาสัญญา ข้านักพรตตงเทียนและนักพรตหยวนซื่อรอเจ้าอยู่ในเมืองศักดิ์สิทธิ์ การต่อสู้ระหว่างเย่ฟ่านและหยวนกู่จบลงหลายเดือนแล้ว เจ้าควรนำเดิมพันของเจ้าออกมาชำระได้สักที”
ในเวลานี้ภายในเมืองศักดิ์สิทธิ์เต็มไปด้วยความวุ่นวาย นักพรตสองคนส่งเสียงร่ำร้องตะโกนไปทุกที่ คำพูดของเขาสร้างความอับอายให้กับสิ่งมีชีวิตโบราณเป็นจำนวนมาก
การต่อสู้ในสนามรบโบราณซีเซี่ยจบลงไปกว่าครึ่งปีแล้ว แต่เทียนหวงจื่อกลับหลีกเลี่ยงที่จะจ่ายเดิมพัน เหตุการณ์นี้นับเป็นสิ่งที่ไร้ยางอายอย่างยิ่ง
ในเวลาเดียวกันนั้นภายนอกของทุ่งดวงดาวเป่ยโต้ว เรือโบราณที่ถูกปิดผนึกส่งเสียงสั่นสะเทือนจากโลหะกระทบกัน ในเวลาต่อมาคลื่นพลังชีวิตที่แข็งแกร่งได้โหมกระหน่ำขึ้นสู่ท้องฟ้าได้กวาดไปทั่วรัศมีหลายล้านลี้
หากเย่ฟ่าน หลี่เทียน และเอี๋ยนอี้ซีอยู่ที่นี่ พวกเขาจะต้องประหลาดใจอย่างแน่นอน มันเป็นเรือโบราณลึกลับที่เคยไปเยือนทุ่งดวงดาวโบราณจื่อเว่ยนั่นเอง
“คลื่นพลังของจักรพรรดิผู้ยิ่งใหญ่ ในทุ่งดวงดาวเป่ยโต้วยังมีจักรพรรดิผู้ยิ่งใหญ่อยู่อีกหรือ นี่เป็นเรื่องที่น่าสนใจจริงๆ” เสียงพึมพำดังมาจากภายในเรือโบราณลึกลับ
เมืองศักดิ์สิทธิ์ยังคงเหมือนเดิม กำแพงถูกหล่อเหมือนเหล็กอันแข็งแกร่งยังคงเปล่งประกายด้วยแสงเย็นเยียบ นี่คือศูนย์กลางของโลกอำพรางสวรรค์แห่งทุ่งดวงดาวเป่ยโต้วอย่างไม่ต้องสงสัย
ตอนนี้เผ่าโบราณในภาคเหนือของตงหวงได้ฟื้นคืนชีพขึ้นมาแล้วและสถานที่แห่งนี้ก็เจริญรุ่งเรืองมากขึ้น คำพูดของนักพรต หยวนซื่อและนักพรตตงเทียนแพร่กระจายอย่างรวดเร็ว
หัวใจต้นชาโบราณแห่งการรู้แจ้งเป็นสมบัติอันล้ำค่า มันสามารถทำให้ผู้บ่มเพาะพัฒนาความแข็งแกร่งได้อย่างรวดเร็วโดยใช้ความพยายามเพียงครึ่งเดียว
สิ่งที่สำคัญที่สุดคือมันสามารถช่วยให้เจ้าเข้าใกล้เต๋าแห่งสวรรค์พิภพได้อย่างง่ายดายด้วยเหตุนี้ผู้ที่ได้ครอบครองมันจะมีโอกาสพิสูจน์เต๋าได้สำเร็จมากขึ้น
ใบหน้าของเทียนหวงจื่อดูซีดเซียว แต่เขาได้ลั่นวาจาไปแล้ว หากเขาที่เป็นทายาทของจักรพรรดิอมตะละเมิดสัญญามันจะกลายเป็นรอยแปดเปื้อนอันยิ่งใหญ่ในหัวใจของเขา และเขาจะประสบความล้มเหลวในการพิสูจน์เต๋าในอนาคต
สุดท้ายผู้พิทักษ์ซึ่งเป็นราชาผู้ยิ่งใหญ่ของเขาได้เดินทางมาที่โรงน้ำชาเล็กๆ ในเมืองศักดิ์สิทธิ์ เขามองดูเย่ฟ่านและผังป๋ออย่างลึกซึ้งก่อนจะทิ้งจี้หยกไว้
ที่หยกมีลักษณะเป็นวัตถุทรงกลมและชัดเจน สิ่งที่อยู่ภายในใสเหมือนน้ำค้างมันคือหัวใจของต้นชาแห่งการรู้แจ้งอย่างแน่นอน เพียงมองจากภายนอกก็ทำให้จิตใจของผู้คนสั่นสะเทือนอย่างรุนแรงแล้ว
ในอดีตจักรพรรดิอมตะแกะสลักโลงศพจากลำต้นของต้นชาแห่งการรู้แจ้งและทำการขัดเกลาหัวใจต้นชาเพื่อมอบให้กับทายาทของตัวเอง สิ่งนี้ยังมีประโยชน์มากกว่าใบชาแห่งการรู้แจ้งหลายร้อยเท่า
“ไม่คิดว่าสุดท้ายเทียนหวงจื่อจะทนรับต่อความเจ็บปวดในจิตใจและส่งสมบัติชิ้นนี้ออกมาจริงๆ”
ผังป๋อหัวเราะและถือมันไว้ในอุ้งมือและเฝ้าดูอย่างระมัดระวัง เขาสัมผัสกับความเชื่อมโยงของสวรรค์และพิภพได้อย่างง่ายดาย
“ข้าไม่ต้องการมัน เจ้าเก็บไว้เถอะ”
เมื่อเย่ฟ่านเห็นผังป๋อยื่นวัตถุนี้มาเขาก็ปฏิเสธมันอย่างเรียบง่าย เย่ฟ่านมีเมล็ดโพธิ์อยู่แล้วซึ่งเมล็ดโพธิ์ของเขามีประโยชน์มากกว่าหัวใจต้นชาแห่งการรู้แจ้งอย่างแน่นอน
ในตอนนี้เย่ฟ่านยืนอยู่ด้านหน้าประตูของอาณาจักรเซียนเทียมขั้นสามแล้ว เขาจำเป็นต้องพึ่งพาตัวเองเพื่อให้ตระหนักถึง “ตัวตนเต๋า” ซึ่งแม้แต่เมล็ดโพธิ์ก็ยังไม่สามารถช่วยเหลือในเรื่องนี้ได้
ผังป๋อและเย่ฟ่านร่วมชีวิตและความตายเดินทางเข้าสู่โลกใบนี้เป็นเวลากว่ายี่สิบปี ในความเป็นจริงพวกเขาเป็นเพื่อนรักกันมากกว่าครึ่งศตวรรษแล้ว ดังนั้นน้ำใจของพี่น้องระหว่างพวกเขาจึงไม่จำเป็นต้องพูดอะไรมาก
“คำทำนายของหมอดูศักดิ์สิทธิ์แม่นแค่ไหน เราจะสามารถกลับสู่โลกได้จริงๆ หรือ?” ผังป๋อถาม
ทั้งสองไปเยี่ยมเพื่อนฝูงมากมายในช่วงนี้เพราะมันมีโอกาสสูงที่พวกเขาจะกลับโลกที่จากมาเมื่อใดก็ได้
“มันยากที่จะกล่าว อาจต้องใช้เวลาสองสามเดือน สองสามปี หรือกระทั่งหลายสิบปี เจ้าควรรู้ว่าชีวิตของหมอดูศักดิ์สิทธิ์นั้นยืนยาวหลายพันปี ไม่นานสำหรับเขาอาจเป็นเมื่อใดก็ได้”
เย่ฟ่านขมวดคิ้ว ชั่วขณะต่อมา พวกเขาก็หายตัวไปในความว่างเปล่า ทั้งสองคนพยายามหลีกเลี่ยงไม่ให้ผู้คนพบตัว ไม่เช่นนั้นพวกเขาจะถูกสอบถามถึงเรื่องของจักรพรรดิผู้ยิ่งใหญ่ตลอดเวลา
“ให้ตายเถอะ นกโง่ตัวนี้กัดข้าอีกแล้ว!” จักรพรรดิดำตะโกนด้วยความโกรธในหมู่บ้านเทียนจื่อ
จี้จื่อเยว่ยิ้มและลูบไล้เฟิ่งหวงตัวน้อยที่มีขนยาวเบาๆ ในขณะนี้มันเติบโตจนมีขนาดเทียบเท่ากับมือที่ละเอียดอ่อนของนางแล้ว
“จิ๊บ จิ๊บ…”
มันส่งเสียงร้องเบาๆ กระพือปีกขณะแช่อยู่ในน้ำผสมกับน้ำพุศักดิ์สิทธิ์เก้าทวาร ในปัจจุบันมันแทบจะดื่มของเหลวชนิดนี้แทนน้ำอยู่แล้ว
ทุกคนรู้ดีถึงศักยภาพของนกตัวนี้ ในไม่ถึง 100 ปีข้างหน้าอย่างแย่สุดมันจะต้องเป็นเซียนอสูรอย่างแน่นอน
หลังจากที่ตระกูลจี้รู้ว่าจี้จื่อเยว่มีตัวอ่อนเซียนอสูรอยู่กับตัว พวกเขาก็ตั้งใจที่จะบ่มเพราะมันโดยไม่สนใจค่าใช้จ่ายใดๆ และขอให้จี้จื่อเยว่นำวัสดุอันยิ่งใหญ่ที่สุดของสวรรค์พิภพมามอบให้เย่ฟ่านเพื่อแลกเปลี่ยนกับน้ำพุศักดิ์สิทธิ์เก้าทวาร
นี่คือชิ้นเนื้อที่มีขนาดใหญ่พอๆ กับข้อนิ้วเท่านั้น มันเปล่งประกายแวววาวสดใสราวผลึก มีคลื่นแห่งความเป็นอมตะแผ่ออกมาอย่างชัดเจน
สิ่งนี้เพียงสัมผัสถึงก็ทำให้สีหน้าของทุกคนเปลี่ยนไปอย่างรุนแรงแล้ว
เย่ฟ่าน ผังป๋อ วานรศักดิ์สิทธิ์ และจักรพรรดิดำร่างกายสั่นสะท้านด้วยความกลัวเมื่อมองเห็นสิ่งนี้ และเรื่องที่แปลกประหลาดมากที่สุดคือแม้แต่หม้ออสูรกลืนสวรรค์ก็ยังปรากฏตัวออกมาข้างนอกด้วยตนเอง
“อย่าบอกนะว่า…นี่คือเลือดเนื้อของจักรพรรดิผู้ยิ่งใหญ่!?” หลี่เทียนกลืนน้ำลายอย่างหนัก
………..