บทที่ 384: แผนการของโหลวเฉิง สำรวจเส้นทาง!
เมื่อสงครามสิ้นสุด ย่านการค้าก็กลับมาคึกคักดังเช่นที่เคยเป็น
จนถึงตอนนี้พวกพ่อค้าวานิชต่างก็รู้กันแล้วว่าไอ้ที่มาตีเมืองในครั้งนี้ไม่ใช่มอนสเตอร์แต่เป็นกลุ่มทหารรับจ้างจากเมืองใหญ่ ๆ ทั้งนั้น!
พวกเขาที่เดินทางค้าขายไปทั่วทั้งแผ่นดินย่อมได้รู้ได้เห็นได้ประสบการณ์อะไรมากมายมายนัก ดังนั้นจึงรู้ดีว่าสงครามในครั้งนี้หมายถึงอะไร
สามารถเอาชีวิตรอดจากการจู่โจมของทหารรับจ้างถึง 3 หมื่นคนโดยที่ไม่บาดเจ็บล้มตายกันเลยไม่พอยังสามารถจับตัวศัตรูมาได้อีกเพียบ นี่ก็สามารถพิสูจน์ความแข็งแกร่งของเมืองเชิ่งหลงให้เป็นที่ประจักษ์ชัดแจ้งได้แล้ว
ยิ่งไปกว่านั้นด้วยการอัปเกรดเมืองขึ้นเป็นเลเวล 5 ทำให้คุณสมบัติพิเศษของชาวเมืองเพิ่มพูนขึ้นไปเรื่อย ๆ และเชื่อว่าอีกไม่นานเหล่านักสู้ของเมืองเชิ่งหลงก็จะเริ่มก้าวหน้าขึ้นตามไป!
จากนี้ไปจะมีผู้พลเมืองที่มีพรสวรรค์ในการฝึกฝนเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ!
พ่อค้าวานิชที่แต่เดิมมีอะไรแอบแฝงก็เริ่มทำตัวดีขึ้น
กับเมืองเชิ่งหลงที่แข็งแกร่งถึงขนาดนี้จึงไม่เหลือใครที่กล้าทำตัวมีปัญหา!
หลังจากการต่อสู้ครั้งใหญ่ก็มีอะไรอีกหลายสิ่งหลายอย่างที่ต้องเคลียร์ให้เรียบร้อย พวกถังเจิ้นก็มือเป็นระวิงไป 3 วันเต็ม ๆ กว่าจะจบเรื่องจุกจิกทั้งหมด
สิ่งต่อไปที่ต้องทำคือการอัปเดตแผนผังของโหลวเฉิง
หลังจากที่โหลวเฉิงได้รับเลื่อนเป็นเลเวล 5 แล้วพื้นที่พักอาศัยก็ขยายตัวออกอีกรอบ ซึ่งไม่ว่าจะสุ่มเลือกแห่งไหนก็สามารถรองรับชาวเชิ่งหลงทั้งหมดได้ทั้งสิ้น
แต่เพื่อความสะดวกในการจัดการถังเจิ้นได้ย้ายชาวเมืองทั้งหมดให้ไปอาศัยอยู่ที่เมืองเสริมลำดับ 1 ซึ่งก็คืออาคารสีขาวสะอาดสะอ้านซึ่งเคยเป็นเมืองเฮยเหยี่ยนเก่า
หากไม่มีอะไรเกิดขึ้นล่ะก็นี่จะเป็นครั้งสุดท้ายแล้วที่ชาวเมืองจะย้ายที่อยู่
เมื่อเมืองเชิ่งหลงอัปเกรดขึ้นเป็นเลเวล 6 พื้นที่พักอาศัยก็จะขยายตัวไปอีกเป็นทวีคูณ แม้จะมีผู้พักอาศัยเพิ่มขึ้นเป็น 2 เท่าก็สามารถรองรับได้สบาย ๆ
ณ ตอนนี้เมืองเชิ่งหลงประกอบไปด้วยโหลวเฉิงเลเวล 5 จำนวน 5 แห่ง นอกจากเมืองเสริมลำดับ 1 ที่ใช้เป็นที่พักอาศัยแล้วก็ยังเหลือว่างอีก 4 แห่ง
ต้นมารดรที่เป็นเมืองรองนั้นพิเศษเกินไป เจ้าของบ้านต้นไม้อันงดงามตามกิ่งก้านสาขาล้วนแล้วแต่เป็นนักรบต้นมารดรทั้งสิ้น
ดังนั้นยกเว้นพวกลิซ่าแล้วชาวเชิ่งหลงคนอื่น ๆ ล้วนไม่มีคุณสมบัติที่จะอาศัยอยู่ที่นั่น เว้นแต่จะมีพรสวรรค์ด้านการฝึกฝน
ภายในหอคอยเวทมนตร์ป้องกันที่สร้างขึ้นใหม่นั้นในอนาคตจะอนุญาตให้เข้าได้เฉพาะนักรบเชิ่งหลงเท่านั้น โดยจะทำที่นี่เป็นสถานที่สำหรับฝึกฝนนักรบโดยเฉพาะ
ทางด้านเมืองหลักจะกลายเป็นสำนักงานและศูนย์วิจัยและเป็นอาคารหลักของเมืองเชิ่งหลงโดยแท้จริง
ส่วนสุดท้ายคือเมืองใต้ดินนั้นจะถูกใช้เป็นที่ตั้งของเส้นทางต่างโลกทั้ง 5 เส้นทาง และเมื่อถึงเวลาก็จะมีการเปิดให้คนภายนอกเข้าได้โดยเก็บค่าธรรมเนียม
อย่างเส้นทางต่างโลกของเมืองทรายโลหิตสิ เก็บค่าเข้าครั้งละตั้ง 1 หมื่นเม็ด ถือเป็นแหล่งทำเงินอันมหาศาลของแท้
ดังนั้นถังเจิ้นจึงไม่มีทางละทิ้งธุรกิจทำเงินไร้ต้นทุนเช่นนี้อย่างแน่นอน
อัปเกรดโหลวเฉิงในครั้งนี้เมืองเชิ่งหลงมีเส้นทางต่างโลก 5 เส้นทางที่นำไปสู่โลกที่แตกต่างกัน 5 ใบ หากจัดการได้ดีล่ะก็นอกจากรายได้จะมากมายไม่แพ้ย่านการค้าแล้วยังจะมากกว่าด้วย!
หลังจากเสร็จสิ้นพวกงานจุกจิกแล้วถังเจิ้นก็ไปยังเมืองใต้ดินคนเดียวและเลือกสถานที่ที่จะใช้ติดตั้งเส้นทางต่างโลก
เมืองใต้ดินที่อัปเป็นเลเวล 5 แล้วก็มีพื้นที่กว้างใหญ่ขึ้นอีกเยอะ มันใหญ่จนแม้แต่หลุมหลบภัยของเผ่าฉ่านจินเดิมไม่สามารถเอามาเปรียบเทียบได้อีกต่อไป
แม้เขาจะเอาเส้นทางต่างโลกทั้ง 5 เส้นทางใส่ไว้ในที่เดียวกันก็ยังคงมีพื้นที่เหลืออีกมากพอให้ใช้งาน
หลังจากที่เดินดูรอบ ๆ และคิดอย่างรอบคอบแล้วถังเจิ้นได้ตัดสินใจวางเส้นทางต่างโลกไว้ที่ชั้นใต้ดินที่ 3
เมื่อเลือกตำแหน่งที่เหมาะสมได้แล้วเขาก็หลับตาลง
ดวงไฟ 5 ดวงที่มีลักษณะยุบตัวเข้าด้านในอย่างต่อเนื่องได้ปรากฏขึ้นในจิตใจของถังเจิ้น และเมื่อเขาสั่งการด้วยความคิดพวกมันทั้งหมดก็ได้ปรากฏขึ้นในพื้นที่ใต้ดินอันกว้างใหญ่
ดวงไฟเหล่านี้ก็คือเส้นทางต่างโลกที่ยังไม่เปิด!
ถังเจิ้นใช้ความคิดควบคุมบัญชาการเอาพวกมันไปจัดวางในระยะห่างที่เท่า ๆ กันก่อนจะสั่งเปิดใช้งานพวกมันทั้งหมด
แล้วดวงไฟทั้ง 5 นี้ก็พองตัวขึ้นจากนั้นก็ขยายขนาดอย่างรวดเร็ว จนในไม่ช้ามันก็เริ่มกลายเป็นรูปเป็นร่าง
บริเวณขอบมีสายฟ้ากระพริบ ๆ อยู่ตลอดเวลาดูแล้วเหมือนห่วงไฟฟ้าขนาดใหญ่ 5 ห่วงที่ตรงกลางเป็นวังวนมืดมิด
หากมองแวบแรกจะรู้สึกเหมือนวังวนดังกล่าวมีแรงดึงดูดอันไร้ที่สิ้นสุดซึ่งสามารถดูดกลืนวัตถุใด ๆ ในโลกนี้ได้หมดไม่มียกเว้น
เส้นทางเริ่มเปิดออกด้วยความเร็วสูง ความผันผวนของมิติก็ยิ่งรุนแรง อากาศปั่นป่วนราวกับคลื่นลมทะเลคลั่ง
เส้นทางต่างโลกทั้ง 5 นี้ตั้งชื่อชั่วคราวโดยนับเลขจาก 1 ถึง 5 ซึ่งชื่อเฉพาะนั้นรอเข้าไปดูก่อนว่าข้างในเป็นโลกแบบไหนแล้วค่อยตั้งใหม่ก็ยังไม่สาย
ถังเจิ้นมองดูเส้นทางฯทั้ง 5 เงียบ ๆ ครู่หนึ่งจากนั้นก็เดินเข้าไปยังเส้นทางที่ 1!
********************************
หลังจากความรู้สึกขัดแย้งระหว่างเทเลพอร์ตหายไปแล้วร่างของถังเจิ้นก็ไปปรากฏตัวบนซากปรักหักพังแห่งหนึ่ง
เขามองไปรอบ ๆ ตัวและพบว่าแม้มันจะเป็นโลกที่ล่มสลายไปแล้วก็ตาม แต่กลับเต็มไปด้วยความเขียวขจี และซากปรักหักพังมากมายต่างก็ถูกพืชพรรณนานาชนิดปกคลุมไปหมดแล้ว
พอเปิดใช้มุมมองแผนที่ถังเจิ้นก็พบว่ามีมอนสเตอร์สีเขียว ๆ อยู่นับไม่ถ้วนท่ามกลางซากปรักหักพังซึ่งพวกมันล้วนแล้วแต่ประหลาดทั้งสิ้น
มอนสเตอร์ตัวที่อยู่ใกล้ถังเจิ้นที่สุดนั้นสูง 15 เมตรและดูเหมือนดอกไม้บอบบางที่มีใบขนาดใหญ่
มันยืนนิ่งอยู่ข้าง ๆ ซากปรักหักพัง ตัวดอกไม้ขนาดใหญ่นั้นสั่นไหวเล็กน้อยดูสวยงามมาก
แต่ก็เสียตรงนี่นี่เป็นการปลอมตัวของมอนสเตอร์ เมื่อมีเหยื่อเข้าไปใกล้มันก็จะแสดงธาตุแท้ของตนออกมาและจับเหยื่อกลืนเข้าไปทั้งตัวในอึกเดียว
‘ไหน ๆ ก็มาและ เทสต์ดูซักหน่อยดีกว่าว่ามอนมันเก่งไม่เก่ง!’
ถังเจิ้นวิ่งเข้าไปถึงตัวมันในไม่กี่ก้าวแล้วเอาปืนไรเฟิลอัตโนมัติออกมายิงใส่ไปนัดหนึ่ง
เสียงปืนดังขึ้นทำลายความเงียบสงบของโลก มอนสเตอร์ดอกไม้ขนาดมหึมาถูกลูกปืนไปก็น้ำแตกกระจายและเริ่มบิดตัวสะบัดไปมา
เทสต์ผลของปืนไรเฟิลเสร็จแล้วก็เก็บกลับไป
ไอ้ดอกไม้มันก็หันหน้ามาหาถังเจิ้นพยายามจะงับแต่ก็ไม่ถึง ดังนั้นมันเลยพ่นของเหลวเหนียว ๆ ใส่เขา
ของเหลวดังกล่าวดูเหมือนจะมีพิษร้ายแรง เพราะเมื่อสัมผัสกับหญ้าเขียว ๆ ก็มีควันดำ ๆ เหม็น ๆ โชยขึ้นมาเลย
แต่การโจมตีจากมอนสเตอร์เลเวล 5 มีหรือจะทำอะไรถังเจิ้นได้!
เขาหลบของเหลวนั่นอย่างง่ายดายแล้วคว้าก้อนหินจากพื้นมากำหนึ่ง หลังจากหลบอีก 2 ทีถังเจิ้นก็ปาหินใส่มันอย่างแรง
ก้อนหินกาก ๆ ตามพื้นเมื่อถูกถังเจิ้นปาก็ราวกับลูกปืนใหญ่ มันเจาะร่างของไอ้เจ้าดอกไม้จนต้องกรีดร้องออกมา
พรืด ๆ ๆ
พลังงานจลน์อันมหาศาลได้เข้าฉีกร่างของมัน กลีบดอกขนาดใหญ่ถูกซัดจนกระจาย
น้ำสีเขียวมรกตพุ่งออกมาจากรอยแผล มันดิ้นพราด ๆ บิดตัวอีกไม่กี่ทีทั้งก้าน ดอก และใบก็หลุดร่วงลงพื้นอย่างนุ่มนวล
จากการต่อสู้ครั้งนี้ถังเจิ้นได้ประเมินความแข็งแกร่งของมอนสเตอร์ดอกไม้แล้ว
เก็บลูกปัดสมองเสร็จก็เหลือบมองแผนที่แล้วรีบวิ่งไปยังตำแหน่งของมอนสเตอร์ตัวถัดไป
ห้านาทีต่อมาถังเจิ้นได้ฆ่ามอนสเตอร์เถาวัลย์ที่มีรูปร่างเหมือนงูเหลือมยักษ์ แล้วก็วิ่งไปยังสถานที่ต่อไปอีกครั้ง
ระหว่างทางถังเจิ้นขมวดคิ้วเล็กน้อยเพราะเขาเห็นมีซากปรักหักพังของอาคารที่ถูกพลังมหาศาลอะไรบางอย่างทำลาย
ดูจากความทรุดโทรมของซากอาคารเหล่านี้แล้วอย่างน้อย ๆ ต้องตากลมตากฝนมาหลายร้อยปีไม่อย่างนั้นคงไม่ทรุดโทรมหนักขนาดนี้
เขายังมีคำถามที่ยังไม่แล้วในใจอยู่เสมอนั่นก็คือโลกพวกนี้มันอยู่ที่ไหน แล้วมอนสเตอร์เหล่านี้มันมาจากไหน
ผ่านซากปรักหักพังของอาคารที่ทรุดโทรมดังกล่าวทำให้ถังเจิ้นสามารถสรุปได้ว่าอารยธรรมที่นี่ถูกทำลายไปหมดแล้ว
และคำถามก็คือฝีมือใคร
เพราะในโลกที่เส้นทางฯได้เชื่อมต่อนั้นไม่มีชาวพื้นเมืองเลย ราวกับว่าถูกเคลียร์จนสะอาดแล้วสงวนไว้ให้โหลวเฉิงเลเวล 5 ได้ฟาร์มลูกปัดสมองกันยังไงยังงั้น
ในใจถังเจิ้นเต็มไปด้วยคำถาม เขาเดินต่อไปตามซากปรักหักพังและเมื่อเขาพบกับมอนสเตอร์ระหว่างทางก็จะฆ่ามันซะ
หลังจากวิ่งไปได้ประมาณเจ็ดแปดร้อยกิโลเมตรและสังหารมอนสเตอร์ไปแล้วนับไม่ถ้วนสุดท้ายเขาก็หยุด
เหมือนกับเส้นทางต่างโลกของเมืองทรายโลหิตเลย คือโลกนี้ไม่มีมอนสเตอร์ตัวใดที่สูงกว่าเลเวล 7!
นอกจากนี้ถังเจิ้นยังไม่พบนักรบจากโหลวเฉิงแห่งอื่นเลยด้วยซึ่งทำให้ไม่ค่อยจะพอใจซักเท่าไหร่
ข้อมูลของโลกนี้เก็บรวบรวมมาได้เพียงพอแล้ว เพราะงั้นก็ไม่จำเป็นต้องอยู่ต่ออีก เขาจึงนำเฮลิคอปเตอร์ติดอาวุธออกมาแล้วบินกลับไปยังจุดที่มีเส้นทางฯตั้งอยู่
2 ชั่วโมงต่อมาเครื่องก็มาถึงที่หมาย
ถังเจิ้นเก็บเฮลิคอปเตอร์ติดอาวุธแล้วกลับไปยังเมืองเชิ่งหลง
ถังเจิ้นตั้งชื่อเส้นทางฯนี้ตามลักษณะของโลกว่า ‘โลกกรีนรูน’ (ซากปรักหักพังสีเขียว) และระบุระดับความอันตรายให้เป็น ‘ปกติ’
พักผ่อนซักพักก็ลุยต่อในเส้นทางฯที่ 2