บทที่ 134 : ดันเจี้ยนสำรวจ (2-2)
บทที่ 134 : ดันเจี้ยนสำรวจ (2-2)
ก่อนเข้าไป ฉันก็เจอกระดานข่าวข้างทางเข้า
มีการติดประกาศจับต่างๆ ไว้บนกระดาน คนร้ายที่แทงบาทหลวงแล้วหลบหนีไป พวกโจรที่ปล้นพ่อค้าเร่ขายของ เรื่องหมาป่าสองหัว แม้กระทั่งก็อบลินกลายพันธุ์
และภาพเหมือนที่โดดเด่นที่สุดก็ประดับอยู่ที่นั่น
หญิงสาวผมสีเงินสวมมงกุฏ รูปร่างหน้าตาของเธอค่อนข้างจาง แต่ฉันก็จำได้
“ยัยเด็กนั้น…”
จำนวนเงินรางวัลของป้ายแตกต่างกัน
แม้ว่าจะรวมรางวัลค่าหัวของป้ายประกาศที่ต้องการทั้งหมด แต่ดูเหมือนว่ามันก็ไม่อาจเทียบรางวัลค่าหัวของเธอได้เลย
ใต้ภาพนั้นมีการระบุข้อกล่าวหาไว้
“ข้อกล่าวหา: คนบาป อัญเชิญปีศาจ นอกรีต”
นอกจากนี้ ยังมีการระบุข้อกล่าวหาต่างๆ เช่น การดูหมิ่นราชวงศ์ การลอบสังหาร การลอบวางเพลิง การโจรกรรม และการข่มขืน ไว้ด้วย
ในตอนท้ายมีเขียนไว้ว่าเธอจะต้องถูกปลดออกจากสถานะราชวงศ์ของเธอเนื่องจากก่ออาชญากรรมที่ชั่วร้ายในฐานะทายาทสายเลือดอันยิ่งใหญ่
“พี่ชายจะล่าแม่มดเหมือนกันเหรอ?”
ฉันหันไปมอง
เด็กหนุ่มแบกเป้มองมาที่ฉัน กระเป๋าเป้เปิดออกบางส่วน มันเต็มไปด้วยป้ายประกาศจับ
“ความฝันของพี่ดูยิ่งใหญ่นะ แต่มันจะไม่เกิดขึ้นหรอก แม้แต่คนที่มีอำนาจมากที่สุดในทวีปก็ไม่สามารถหาเธอเจอได้ ก็นะ ถ้าพี่เป็นนักล่าค่าหัว พี่ต้องรู้เรื่องนี้อยู่แล้วใช่ไหม?”
ด้วยท่าทางที่คุ้นเคย เด็กชายหยิบป้ายประกาษออกมาและเริ่มติดไว้บนกระดาน
“ทำไมเรียกสาวน้อยคนนั้นว่าแม่มด?”
"ได้ข่าวมาว่าเธอมีพลังประหลาด พวกเขาบอกว่าเธอควักหัวใจของทารกแรกเกิดออกมาเพื่อเป็นเครื่องบูชายันเป็นโหลเลยนะ แถมเธอยังใช้มนตร์ดำต้องห้ามอีก”
“มนตร์ดำต้องห้าม?”
“พวกเขาบอกว่ามันเรียกสิ่งมีชีวิตที่ชั่วร้ายออกมา แต่ผมไม่รู้รายละเอียดหรอก”
หลังจากติดป้ายประกาศเสร็จแล้ว เด็กชายก็หันกลับมา
ฉันคว้าไหล่ของเขา
"เดี๋ยว"
"หา? อะไร ผมยุ่งอยู่นะ"
“ฉันอยากฟังเรื่องนี้ เล่าให้ฟังหน่อย”
“ผมทำงานที่นี่ ผมยังมีงานที่ต้องทำอีกเยอะที่จะต้องทำให้ถึงยอดของวันนี้นะ”
ฉันยื่นเหรียญทองให้เขา
ดวงตาของเด็กชายเบิกกว้างในขณะที่เขารับเหรียญทอง
“อะ อะไรเนี่ย…?”
“เล่าทุกอย่างให้ฉันฟัง”
“อ่าฮ่าฮ่า มันดูค่อนข้างเยอะมากเลยนะครับ… แต่…”
“ถ้าไม่อยากได้มัน ก็ช่างซะเถอะ”
ฉันเอื้อมมือไปหยิบเหรียญทองกลับมา
เด็กชายส่ายหัวและจับเหรียญทองไว้แน่น
“ได้ครับ ได้ครับ...”
“จะคุยที่ไหนเหรอครับ?”
“ข้างในนั้น”
"ได้สิ เวลาทั้งหมดของผมให้พี่เลย!"
เด็กชายเดินโซเซเข้าไปในและพึมพำกับตัวเอง
ฉันเดินตามเขาเข้าไปข้างใน ห้องพร้อมแล้ว ฉันจึงหาที่นั่งสำหรับสองคน เรานั่งที่โต๊ะมุมชั้นสองของโรงแรม
“พี่อยากฟังเรื่องไหนก่อน?”
เด็กชายยิ้มและเก็บเหรียญทองไว้ในกระเป๋า
เขากัดมันแล้วใช้ฝ่ามือเช็ดเบา ๆ
เมื่อมองดูทหารและเด็กชาย ดูเหมือนว่าสิ่งนี้มันจะมีค่ามากสำหรับพวกเขา แต่สำหรับเรา มันก็แค่หนึ่งพันเหรียญทองเท่านั้น
“บอกฉันเรื่องแม่มดคนนั้น”
ฉันพูดขณะจิบเครื่องดื่มรสชาติแปลกๆ
เด็กชายเริ่มอธิบายอย่างละเอียด
“เธอชื่อเฟรียซิส อัล แลงเนอร์ เธอเสียตำแหน่งไปแล้ว ดังนั้นตอนนี้จึงเหลือแค่เฟรียซิสเท่านั้น เธอเคยเป็นทายาทของจักรวรรดิและมีสิทธิ์ในการครองบัลลังก์…”
ข้อมูลพื้นฐานเหมือนกับสิ่งที่ฉันรู้
ทว่ามีความคลาดเคลื่อนเล็กน้อยในบางส่วน
“แต่นายบอกว่าผ่านมาปีหนึ่งแล้วใช่ไหม?”
“ใช่แล้วครับ เมื่อปีที่แล้วก็ได้มีออกคำสั่งประกาศจับ พี่เห็นแล้วนิ”
เด็กชายหยิบป้ายประกาศจับออกมาจากกระเป๋าของเขา
ที่ด้านล่างของป้ายประกาศจับ มีตราประทับที่มีไม้กางเขนและสิ่งที่ดูเหมือนปีกอยู่
'เมื่อปีก่อน'
ยังไม่ถึงสัปดาห์เลยตั้งแต่ฉันแยกจากยัยนี้บนชั้น 15
ฉันเคยเห็นตราประทับบนป้ายประกาศจับนี้มาก่อน มันเป็นสัญลักษณ์ที่จารึกไว้บนชุดเกราะของพวกที่ฉันฆ่า
ฉันถามเด็กชายคนนี้ถึงเรื่องที่เกี่ยวข้องกับเจ้าหญิงอีกสองสามอย่าง แต่เขาตอบว่าเขาไม่รู้อะไรเลยนอกจากสิ่งที่เขาพูดไปแล้ว ฉันเองก็ไม่ได้คาดหวังข้อมูลเพิ่มเติมจากเด็กเพียงคนเดียว
ฉันนำข้อมูลทั้งหมดมาพิจารณา
เฟรียซิสถูกประกาศจับทันทีหลังจากหนีออกจากเมือง เธออาจจะร่อนเร่ไปตามสถานที่ต่างๆ ในปีที่ผ่านมา ดูเหมือนเธอจะมีชีวิตอยู่ที่ไหนสักแห่ง หากเธอถูกจับและสังหาร ป้ายประกาศจับนี้คงจะไม่เผยแพร่ต่อไปแล้ว
"เรื่องต่อไป"
ฉันพูด
แน่นอนว่าฉันไม่ได้วางแผนที่จะจบเรื่องคุยแค่เรื่องนี้
“ครับ?”
“มีสัตว์ประหลาดบุกรุกเมืองนี้บ้างไหม?”
“การบุกรุก… อ๋อ การบุกรุก อา!”
เด็กชายปรบมือของตน
“ก่อนหน้านั้นผมอยู่ที่อื่น ผมก็เลยไม่ค่อยรู้ แต่ผมได้ยินข่าวลือว่ามีฝูงก็อบลินรุมเข้ามาในเมือง อาจจะประมาณสองปีที่แล้วมั้งครับ?”
"ไงต่อ?"
“พวกเขาสามารถขับไล่พวกมันได้ ผมได้ยินมาว่ามีผู้คนจำนวนมากเสียชีวิต แต่ต้องขอบคุณทางโบสถ์ สิ่งต่างๆ จึงคลี่คลายอย่างดี”
สองปีผ่านไปแล้ว
หลังจากยืนยันว่าไม่มีใครอยู่ใกล้ๆ เด็กชายก็กระซิบบอกฉัน
“นี่เป็นข่าวลืออีกเรื่องหนึ่ง มีคนบอกว่าผู้บงการเบื้องหลังการบุกรุกคือแม่มด โดยปกติแล้วสัตว์ประหลาดจะไม่มีเคลื่อนไหวเป็นกลุ่มใหญ่แบบนี้หรอกครับ”
ฉันหัวเราะเบาๆ
ทุกสิ่งที่ไม่ดีล้วนถูกโยนไปให้ยัยเด็กนั้นหมดเลย
“มีเหตุการณ์ผิดปกติอื่นๆ เกิดขึ้นอีกไหม?”
“ก็…ก็นิดหน่อย”
“อะไรก็ได้ แค่บอกฉันมา”
“มีการระบาดของโรคระบาด สัตว์ประหลาดกำลังอาละวาด ดูเหมือนอากาศจะเย็นลงทุกวัน แน่นอนว่าสิ่งที่แปลกประหลาดที่สุดคือดันเจี้ยนครับ”
เด็กชายเปิดปากของเขา
“ผมว่ามันน่าจะเป็นเมื่อไปกี่ปีก่อน จู่ๆ ซากปรักหักพังโบราณก็เริ่มปรากฏขึ้นทั่วทั้งทวีป เราเรียกสถานที่เหล่านั้นว่าดันเจี้ยน แต่สถานที่เหล่านี้แปลกมาก คนธรรมดาไม่สามารถเข้าไปได้เพราะกำแพงที่มองไม่เห็น”
กำแพงที่มองไม่เห็น
ฉันรู้ว่ามันคืออะไร
“ดูเหมือนว่าจะมีคนที่เข้าได้และคนที่เข้าไม่ได้ด้วย”
"จริงสิครับ มีข่าวลือว่าสุดทางของดันเจี้ยน มีหินประหลาดอยู่ หากได้รับหินนั้นจะได้รับพลังพิเศษ”
"พลัง…"
มีหินเพียงก้อนเดียวที่สามารถให้พลังพิเศษได้
ศิลาต้นกำเนิด
มันเป็นศิลาที่เอาไว้ปลดล็อกความสามารถที่ 3 ของฮีโร่
“งั้นดันเจี้ยนก็น่าจะมีที่นี่เหมือนกันสินะ”
"หือ? พี่รู้ได้ยังไง…?"
“ใครๆ ก็รู้”
ทหารรับจ้างเยอะขนาดนี้
หลังจากดื่มเสร็จฉันก็ลุกขึ้นจากที่นั่ง
"นำทางฉันที ที่นายเล่ามายังไม่คุ้มหนึ่งเหรียญทองเลยนะ”