ตอนที่แล้วบทที่ 133 : ดันเจี้ยนสำรวจ (2-1)
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 135 : ดันเจี้ยนสำรวจ (3-2)

บทที่ 134 : ดันเจี้ยนสำรวจ (2-2)


บทที่ 134 : ดันเจี้ยนสำรวจ (2-2)

ก่อนเข้าไป ฉันก็เจอกระดานข่าวข้างทางเข้า

มีการติดประกาศจับต่างๆ ไว้บนกระดาน คนร้ายที่แทงบาทหลวงแล้วหลบหนีไป พวกโจรที่ปล้นพ่อค้าเร่ขายของ เรื่องหมาป่าสองหัว แม้กระทั่งก็อบลินกลายพันธุ์

และภาพเหมือนที่โดดเด่นที่สุดก็ประดับอยู่ที่นั่น

หญิงสาวผมสีเงินสวมมงกุฏ รูปร่างหน้าตาของเธอค่อนข้างจาง แต่ฉันก็จำได้

“ยัยเด็กนั้น…”

จำนวนเงินรางวัลของป้ายแตกต่างกัน

แม้ว่าจะรวมรางวัลค่าหัวของป้ายประกาศที่ต้องการทั้งหมด แต่ดูเหมือนว่ามันก็ไม่อาจเทียบรางวัลค่าหัวของเธอได้เลย

ใต้ภาพนั้นมีการระบุข้อกล่าวหาไว้

“ข้อกล่าวหา: คนบาป อัญเชิญปีศาจ นอกรีต”

นอกจากนี้ ยังมีการระบุข้อกล่าวหาต่างๆ เช่น การดูหมิ่นราชวงศ์ การลอบสังหาร การลอบวางเพลิง การโจรกรรม และการข่มขืน ไว้ด้วย

ในตอนท้ายมีเขียนไว้ว่าเธอจะต้องถูกปลดออกจากสถานะราชวงศ์ของเธอเนื่องจากก่ออาชญากรรมที่ชั่วร้ายในฐานะทายาทสายเลือดอันยิ่งใหญ่

“พี่ชายจะล่าแม่มดเหมือนกันเหรอ?”

ฉันหันไปมอง

เด็กหนุ่มแบกเป้มองมาที่ฉัน กระเป๋าเป้เปิดออกบางส่วน มันเต็มไปด้วยป้ายประกาศจับ

“ความฝันของพี่ดูยิ่งใหญ่นะ แต่มันจะไม่เกิดขึ้นหรอก แม้แต่คนที่มีอำนาจมากที่สุดในทวีปก็ไม่สามารถหาเธอเจอได้ ก็นะ ถ้าพี่เป็นนักล่าค่าหัว พี่ต้องรู้เรื่องนี้อยู่แล้วใช่ไหม?”

ด้วยท่าทางที่คุ้นเคย เด็กชายหยิบป้ายประกาษออกมาและเริ่มติดไว้บนกระดาน

“ทำไมเรียกสาวน้อยคนนั้นว่าแม่มด?”

"ได้ข่าวมาว่าเธอมีพลังประหลาด พวกเขาบอกว่าเธอควักหัวใจของทารกแรกเกิดออกมาเพื่อเป็นเครื่องบูชายันเป็นโหลเลยนะ แถมเธอยังใช้มนตร์ดำต้องห้ามอีก”

“มนตร์ดำต้องห้าม?”

“พวกเขาบอกว่ามันเรียกสิ่งมีชีวิตที่ชั่วร้ายออกมา แต่ผมไม่รู้รายละเอียดหรอก”

หลังจากติดป้ายประกาศเสร็จแล้ว เด็กชายก็หันกลับมา

ฉันคว้าไหล่ของเขา

"เดี๋ยว"

"หา? อะไร ผมยุ่งอยู่นะ"

“ฉันอยากฟังเรื่องนี้ เล่าให้ฟังหน่อย”

“ผมทำงานที่นี่ ผมยังมีงานที่ต้องทำอีกเยอะที่จะต้องทำให้ถึงยอดของวันนี้นะ”

ฉันยื่นเหรียญทองให้เขา

ดวงตาของเด็กชายเบิกกว้างในขณะที่เขารับเหรียญทอง

“อะ อะไรเนี่ย…?”

“เล่าทุกอย่างให้ฉันฟัง”

“อ่าฮ่าฮ่า มันดูค่อนข้างเยอะมากเลยนะครับ… แต่…”

“ถ้าไม่อยากได้มัน ก็ช่างซะเถอะ”

ฉันเอื้อมมือไปหยิบเหรียญทองกลับมา

เด็กชายส่ายหัวและจับเหรียญทองไว้แน่น

“ได้ครับ ได้ครับ...”

“จะคุยที่ไหนเหรอครับ?”

“ข้างในนั้น”

"ได้สิ เวลาทั้งหมดของผมให้พี่เลย!"

เด็กชายเดินโซเซเข้าไปในและพึมพำกับตัวเอง

ฉันเดินตามเขาเข้าไปข้างใน ห้องพร้อมแล้ว ฉันจึงหาที่นั่งสำหรับสองคน เรานั่งที่โต๊ะมุมชั้นสองของโรงแรม

“พี่อยากฟังเรื่องไหนก่อน?”

เด็กชายยิ้มและเก็บเหรียญทองไว้ในกระเป๋า

เขากัดมันแล้วใช้ฝ่ามือเช็ดเบา ๆ

เมื่อมองดูทหารและเด็กชาย ดูเหมือนว่าสิ่งนี้มันจะมีค่ามากสำหรับพวกเขา แต่สำหรับเรา มันก็แค่หนึ่งพันเหรียญทองเท่านั้น

“บอกฉันเรื่องแม่มดคนนั้น”

ฉันพูดขณะจิบเครื่องดื่มรสชาติแปลกๆ

เด็กชายเริ่มอธิบายอย่างละเอียด

“เธอชื่อเฟรียซิส อัล แลงเนอร์ เธอเสียตำแหน่งไปแล้ว ดังนั้นตอนนี้จึงเหลือแค่เฟรียซิสเท่านั้น เธอเคยเป็นทายาทของจักรวรรดิและมีสิทธิ์ในการครองบัลลังก์…”

ข้อมูลพื้นฐานเหมือนกับสิ่งที่ฉันรู้

ทว่ามีความคลาดเคลื่อนเล็กน้อยในบางส่วน

“แต่นายบอกว่าผ่านมาปีหนึ่งแล้วใช่ไหม?”

“ใช่แล้วครับ เมื่อปีที่แล้วก็ได้มีออกคำสั่งประกาศจับ พี่เห็นแล้วนิ”

เด็กชายหยิบป้ายประกาศจับออกมาจากกระเป๋าของเขา

ที่ด้านล่างของป้ายประกาศจับ มีตราประทับที่มีไม้กางเขนและสิ่งที่ดูเหมือนปีกอยู่

'เมื่อปีก่อน'

ยังไม่ถึงสัปดาห์เลยตั้งแต่ฉันแยกจากยัยนี้บนชั้น 15

ฉันเคยเห็นตราประทับบนป้ายประกาศจับนี้มาก่อน มันเป็นสัญลักษณ์ที่จารึกไว้บนชุดเกราะของพวกที่ฉันฆ่า

ฉันถามเด็กชายคนนี้ถึงเรื่องที่เกี่ยวข้องกับเจ้าหญิงอีกสองสามอย่าง แต่เขาตอบว่าเขาไม่รู้อะไรเลยนอกจากสิ่งที่เขาพูดไปแล้ว ฉันเองก็ไม่ได้คาดหวังข้อมูลเพิ่มเติมจากเด็กเพียงคนเดียว

ฉันนำข้อมูลทั้งหมดมาพิจารณา

เฟรียซิสถูกประกาศจับทันทีหลังจากหนีออกจากเมือง เธออาจจะร่อนเร่ไปตามสถานที่ต่างๆ ในปีที่ผ่านมา ดูเหมือนเธอจะมีชีวิตอยู่ที่ไหนสักแห่ง หากเธอถูกจับและสังหาร ป้ายประกาศจับนี้คงจะไม่เผยแพร่ต่อไปแล้ว

"เรื่องต่อไป"

ฉันพูด

แน่นอนว่าฉันไม่ได้วางแผนที่จะจบเรื่องคุยแค่เรื่องนี้

“ครับ?”

“มีสัตว์ประหลาดบุกรุกเมืองนี้บ้างไหม?”

“การบุกรุก… อ๋อ การบุกรุก อา!”

เด็กชายปรบมือของตน

“ก่อนหน้านั้นผมอยู่ที่อื่น ผมก็เลยไม่ค่อยรู้ แต่ผมได้ยินข่าวลือว่ามีฝูงก็อบลินรุมเข้ามาในเมือง อาจจะประมาณสองปีที่แล้วมั้งครับ?”

"ไงต่อ?"

“พวกเขาสามารถขับไล่พวกมันได้ ผมได้ยินมาว่ามีผู้คนจำนวนมากเสียชีวิต แต่ต้องขอบคุณทางโบสถ์ สิ่งต่างๆ จึงคลี่คลายอย่างดี”

สองปีผ่านไปแล้ว

หลังจากยืนยันว่าไม่มีใครอยู่ใกล้ๆ เด็กชายก็กระซิบบอกฉัน

“นี่เป็นข่าวลืออีกเรื่องหนึ่ง มีคนบอกว่าผู้บงการเบื้องหลังการบุกรุกคือแม่มด โดยปกติแล้วสัตว์ประหลาดจะไม่มีเคลื่อนไหวเป็นกลุ่มใหญ่แบบนี้หรอกครับ”

ฉันหัวเราะเบาๆ

ทุกสิ่งที่ไม่ดีล้วนถูกโยนไปให้ยัยเด็กนั้นหมดเลย

“มีเหตุการณ์ผิดปกติอื่นๆ เกิดขึ้นอีกไหม?”

“ก็…ก็นิดหน่อย”

“อะไรก็ได้ แค่บอกฉันมา”

“มีการระบาดของโรคระบาด สัตว์ประหลาดกำลังอาละวาด ดูเหมือนอากาศจะเย็นลงทุกวัน แน่นอนว่าสิ่งที่แปลกประหลาดที่สุดคือดันเจี้ยนครับ”

เด็กชายเปิดปากของเขา

“ผมว่ามันน่าจะเป็นเมื่อไปกี่ปีก่อน จู่ๆ ซากปรักหักพังโบราณก็เริ่มปรากฏขึ้นทั่วทั้งทวีป เราเรียกสถานที่เหล่านั้นว่าดันเจี้ยน แต่สถานที่เหล่านี้แปลกมาก คนธรรมดาไม่สามารถเข้าไปได้เพราะกำแพงที่มองไม่เห็น”

กำแพงที่มองไม่เห็น

ฉันรู้ว่ามันคืออะไร

“ดูเหมือนว่าจะมีคนที่เข้าได้และคนที่เข้าไม่ได้ด้วย”

"จริงสิครับ มีข่าวลือว่าสุดทางของดันเจี้ยน มีหินประหลาดอยู่ หากได้รับหินนั้นจะได้รับพลังพิเศษ”

"พลัง…"

มีหินเพียงก้อนเดียวที่สามารถให้พลังพิเศษได้

ศิลาต้นกำเนิด

มันเป็นศิลาที่เอาไว้ปลดล็อกความสามารถที่ 3 ของฮีโร่

“งั้นดันเจี้ยนก็น่าจะมีที่นี่เหมือนกันสินะ”

"หือ? พี่รู้ได้ยังไง…?"

“ใครๆ ก็รู้”

ทหารรับจ้างเยอะขนาดนี้

หลังจากดื่มเสร็จฉันก็ลุกขึ้นจากที่นั่ง

"นำทางฉันที ที่นายเล่ามายังไม่คุ้มหนึ่งเหรียญทองเลยนะ”

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด