บทที่ 107: ทำดีที่สุดแล้ว (2)
บทที่ 107: ทำดีที่สุดแล้ว (2)
เส้นตายคือพรุ่งนี้ วันพฤหัสบดีเวลา 01.00 น.
เมื่อพิจารณาว่าเลยเวลาบ่ายสามมาแล้ว มันจึงไม่มีเวลาที่จะมัวยืดยาด
"มาสรุปการสำรวจดันเจี้ยนกันที่นี่เถอะ เดี๋ยวฉันจัดการเรื่องรายงานเอง พวกเธอจะได้พักผ่อน"
ทั้งทราวิสและโมนิก้าดูสดใสขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัด
“โอ…ว้าว... นายเจ๋งที่สุดธีโอ! ขอบใจละกัน แม้ว่าฉันจะไม่ได้ทำอะไรเลยก็เถอะ... คราวนี้ฉันโชคดีจริงๆเลย”
"ขอบคุณนะ ธีโอ ฉันเป็นหนี้นายก้อนใหญ่เลย! ให้ฉันจะทำอะไรเพื่อตอบแทนนายดี? อยากได้อะไรไหม?"
อย่างน้อยพวกเกาะคนอื่นกินพวกนี้ ก็มีความรู้สึกผิดชอบชั่วดีนะ
น่ารักจัง
จากตำแหน่งในทีมแล้ว พวกเขาก็ได้ทำหน้าที่ของตัวเองเพียงแค่แบกอุปกรณ์ที่ใช้สอดแนมและทำบริเวณรอบข้างให้สว่าง
ฉันหัวเราะเบาๆ
"ก็ไม่มีอะไรที่ฉันต้องการเป็นพิเศษนะ ฉันมีเรื่องต้องจัดการแถวนี้หน่อย ฉันสัญญาว่าจะกลับมาก่อนที่การประเมินจะสิ้นสุดวันพรุ่งนี้
ขณะที่ฉันหันกำลังจะไป -
"นายกำลังจะไปที่ไหนน่ะ?"
ปิเอลคว้าชายเสื้อผ้าของฉันไว้
ฉันรู้สึกได้ถึงมือที่สั่นเทาของเธอ
อืม..ฉันคงต้องหาข้อแก้ตัวที่พอเป็นไปได้
"ฉันคิดว่าจะไปสำรวจบริเวณโดยรอบสักหน่อยน่ะ เพราะเราอยู่ใกล้ทางผ่านฟอสพาทิลแล้ว"
เป็นเหตุผลที่ฟังดูไม่เลวนะ
ทีมของฮีโร่ที่กำลังปฎิบัติงานก็มักจะสำรวจสภาพแวดล้อมเสมอ เมื่อไม่คุ้นเคยกับพื้นที่
"ฉันไปกับนายได้ไหม?"
ปิเอลถาม ขณะกำเสื้อของฉันไว้แน่น
ในที่สุดใบหน้าที่แดงก่ำและท่าทางที่บูดบึ้งของเธอ ก็ดูเหมาะสมกับเด็กอายุ 15 ปีสักทีนะ
ยังไงตอนนี้ เธอก็ไม่พยายามเปลื้องผ้าฉันหรือทำตัวผาดโผนแปลกๆแล้วล่ะ
แน่นอนอยู่แล้วว่าคำตอบของฉันก็คือ -
"ไม่ล่ะ ฉันอยากไปคนเดียวมากกว่า"
ฉันต้องไปติดต่อเอมี่อย่างรวดเร็ว
และต่อหน้าปิเอล ฉันก็ไม่สามารถใช้สิ่งประดิษฐ์อย่าง 'โรมิโอ&จูเลียต' ได้อย่างสบายใจด้วย
แล้วทำไมฉันต้องปล่อยให้เธอตามไปด้วย?
"งั้นฉันจะไปตามทางของฉันละกัน เจอกันพรุ่งนี้นะ ไม่ต้องกังวลเรื่องรายงานและพักผ่อนให้เต็มที่แล้วกัน"
เมื่อรู้อย่างนั้น ฉันจึงหันหลังกลับอย่างรวดเร็วและหาทางออก
แอนดรูว์มองมาที่ฉันด้วยสายตาที่ไม่เห็นด้วย
ตอนนี้ฉันก็ชินกับมันแล้วล่ะ
เอาล่ะ ตอนนี้รีบไปกันเถอะ
ฉันจะออกไปหาสัตว์ศักดิ์สิทธิ์
สัตว์ศักดิ์สิทธิ์
ศัตรูตามธรรมชาติของวิญญาณและหนึ่งในชิ้นส่วนที่ซ่อนอยู่มากมายในโลกนี้
นี่คือเหตุผลที่ฉันเดินทางไปจนถึงทางผ่านฟอสสปาติล ซึ่งไม่ได้เป็นส่วนหนึ่งของแผนในตอนแรก
แต่มันก็เป็นสิ่งที่วางแผนว่าจะได้ทำในที่สุดอยู่ดี
นอกเหนือจากพลังในการขับไล่วิญญาณแล้ว มันก็ยังมีประโยชน์อย่างมากสำหรับการฟื้นฟูความแข็งแกร่ง
เมื่อพิจารณาว่าเอฟเฟกต์พิเศษ [ทะลุขีดจำกัด] ของชิ้นส่วนที่ซ่อนอยู่ [พลังธรรมชาติ] จะใช้พลังกายอย่างมาก สัตว์ศักดิ์สิทธิ์จึงเป็นสิ่งจำเป็น
[พลังธรรมชาติ] เป็นชิ้นส่วนที่ซ่อนอยู่แต่เมื่อหนึ่งค่าสถานะเกิน 15 ทั้งเอฟเฟกต์แบบพาสซีฟและเอฟเฟกต์พิเศษจะหายไป
ดังนั้นจึงมีประโยชน์เฉพาะในระยะแรกเท่านั้น
ในเส้นทางปรมาจารย์หอกของนีกี้ ค่าสถานะทั้งหมดของเขาจะถึง 15 ภายในปีที่สอง
ยิ่งไปกว่านั้น ในช่วงเวลานั้นเขาได้ปลุกความสามารถใหม่เพื่อช่วยในการฟื้นฟูพลังกายแล้ว จะทำให้ความต้องการสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ลดลงไปอีก
แต่ผู้เล่นส่วนใหญ่ของเกมนี้ก็ยังคงต้องการที่จะได้สัตว์ศักดิ์สิทธิ์มา
"เหตุผลก็ง่ายๆ!"
มันน่ารักมากเลยยังไงล่ะ
ดูเผินๆ มันก็ไม่แตกต่างจากสัตว์เลี้ยงทั่วไปเลย
และคุณก็ยังสามารถตั้งชื่อมันได้ด้วย
‘สงสัยแล้วว่าฉันจะได้ตัวอะไร ?'
ในขณะที่สัตว์ศักดิ์สิทธิ์ไม่ได้มีรูปร่างหน้าตาที่ตายตัว แต่ในโลกนี้มันมักจะมีลักษณะคล้ายกับเจ้าของของมันในทางใดทางหนึ่ง
ดังนั้นสำหรับเส้นทางปรมจารย์หอกที่โดดเดี่ยว หมาป่าก็จะปรากฏตัวขึ้น และสำหรับเส้นทางพ่อค้าที่ยุ่งยาก แรคคูนก็ปรากฏตัวขึ้นแทน
ด้วยความคิดเหล่านั้น หลังจากออกจากดันเจี้ยน ฉันก็เคลื่อนห่างออกไปพอสมควรและมองหารอบๆตัว
เมื่อแน่ใจว่าไม่มีใครอยู่ใกล้เคียง ฉันจึงหยิบคริสตัลสื่อสารออกมาและพยายามติดต่อเอมี่
หลังจากนั้นไม่นาน เมื่อได้ยินเสียงของเอมี่แล้วจากอีกด้านหนึ่งของผลึกแก้วใส
─ท่านโทรมาเหรอเจ้าคะ นายน้อย?
เสียงของเธอชัดเจนดี
เธอต้องอยู่ใกล้ๆแน่ๆ
เธอจัดการสิ่งที่ฉันขอไปหรือยัง เอมี่?
─เรียบร้อยเจ้าค่ะ ตามที่ท่านสั่งค่ะ นายน้อย มันมีกล่องเล็กๆอยู่บนขอบของหน้าผา
เธอไม่ได้ตรวจสอบเนื้อหาใช่ไหม?
─ไม่อย่างแน่นอนเจ้าค่ะ ฉันแค่ทำตามที่นายท่านอธิบาย จากนั้นก็ทิ้งมันไว้อย่างนั้น
เสียงของเอมี่ก็สงบนิ่งเช่นเคย
เธอน่าจะพูดความจริง
ถ้าเธอเปิดกล่องไปแล้ว เธอคงจะไม่สื่อสารกับฉันอย่างใจเย็นเหมือนตอนนี้หรอก
ไม่ว่ายังไง ในกรณนี้ก็ถือเป็นข่าวดี ไม่มีการส่งผลกระทบใดๆในแผน
"เข้าใจแล้วเอมี่ ทำได้ดีมาก บอกตำแหน่งปัจจุบันของเธอมาสิ"
─ท่านอยากรู้ว่าตอนนี้ดิฉันอยู่ที่ไหน?
"ใช่ ฉันจะไปที่นั่น"
─รับทราบเจ้าค่ะ นายน้อย ตอนนี้ดิฉันอยู่ที่...
หลังจากได้ตำแหน่งของเอมี่แล้ว ฉันก็วางสาย
ถ้าฉันไปจากตรงนี้ จะใช้เวลาประมาณหนึ่งชั่วโมงในการไปถึงที่นั่น
หนึ่งชั่วโมงต่อมา ฉันก็ไปถึงเอมี่
“ท่านมาถึงแล้ว นายน้อย”
เอมี่ทักทาย พร้อมก้มศีรษะลงเล็กน้อย
"ใช่"
ขณะที่ตอบ ฉันก็ตรวจสอบเสื้อผ้าของเอมี่ด้วย
ตรงกันข้ามกับชุดแม่บ้านตามปกติ เธอสวมชุดเครื่องแบบรัดรูปที่สมาชิกของกลุ่มรักษาสมดุลใส่สำหรับภารกิจของพวกเขา
... เมื่อเห็นเธอแบบนี้ก็ทำให้ฉันนึกถึงเซเรีย
ฉันต้องนึกไว้ว่าจะเติมพลังให้กับตลับเวทมนต์เร็วๆนี้
ตัวเธอเต็มไปด้วยฝุ่นและร่องรอยที่มองเห็นได้ชัดจากการปีนขึ้นมาของเธอ ยืนยันได้เลยว่าเธอได้ปีนหน้าผาตามที่ฉันสั่งจริงๆ
“เธอทำงานหนักมากนะ เอมี่”
ฉันเดินเข้าไปหาและตบไหล่ของเธอ
"ไม่เป็นอะไรเลยเจ้าค่ะ นายน้อย ดิฉันเพียงแค่ดำเนินการตามคำสั่งของท่านเจ้าค่ะ
เอมี่ตอบพลางก้มศีรษะลงอย่างสงบเสงี่ยม
ฉันพยักหน้ารับทราบ
"ฉันรู้ว่ามันอาจจะเหนื่อย แต่ฉันต้องการให้เธอไปกับฉันนะเอมี่"
"รับทราบเจ้าค่ะ นายน้อย"
เมื่อมีเอมี่เดินตามหลังมาอย่างใกล้ชิด ฉันก็เริ่มเดินไปยังที่ตั้งของสัตว์ศักดิ์สิทธิ์
เอมี่ยอดเยี่ยมมากในสิ่งที่เธอทำ
ในขณะที่เธอไม่ได้มีความเก่งกาจทางกายภาพเท่านีกี้ ปิเอล หรือแม้แต่เซียน่า เธอก็เก่งในการปฏิบัติการลับต่างๆและมีสัญชาตญาณที่เฉียบคม
ในสถานการณ์ที่ไม่คาดคิด เธอจะมีประโยชน์มาก
ฉันไม่ได้มีความตั้งใจที่จะแกะกล่องสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ในทันที เนื่องจากต้องใช้เวลาในการฟักไข่
ทั้งหมดที่เอมี่เห็นก็คือฉันที่หยิบกล่องลึกลับขึ้นมาจากบนหน้าผา
แต่เหตุผลที่แท้จริงที่พาเอมี่มาด้วย ก็คือการแสดงให้เห็นถึงคุณค่าของฉันต่อกลุ่มรักษาสมดุล ซึ่งเป็นกลุ่มลอบสังหารที่ยอดเยี่ยมที่สุดของทวีป
แม้ว่าจางวูฮีจะเป็นลูกสาวของผู้นำกลุ่มรักษาสมดุล แต่เธอก็ยังเด็กและไม่ได้มีส่วนร่วมกับกลุ่มอย่างแข็งขัน
ณ ตอนนี้ เอมี่จึงเป็นสายสัมพันธ์เดียวของฉัน
หรือด้วยเหตุผลบางอย่าง พวกเขาดูเหมือนจะจับตาดูฉันอยู่
บทบัญญัติของพวกเขาเกี่ยวกับการขับไล่วิญญาณที่หายาก และผลึกการสื่อสารเป็นข้อพิสูจน์ในเรื่องนี้
แผนของฉันคือการใช้กลุ่มรักษาสมดุลเพื่อต่อต้าน 'สู่ความบริสุทธิ์'
'สู่ความบริสุทธิ์' อาจเป็นกลุ่มปฏิปักษ์ที่สำคัญในเนื้อเรื่องหลัก แต่กับกลุ่มรักษาสมดุล มันไม่ใช่การกดทับ
ซึ่งแตกต่างจาก 'สู่ความบริสุทธิ์' ที่ทุกคนและสุนัขของพวกเขาเป็นผู้บริหาร สมาชิกชั้นยอดของกลุ่มรักษาสมดุลนั้นน่าเกรงขามพอที่จะท้าทายนักรบเอลฟ์ที่มีประสบการณ์ได้
แม้ว่าจำนวนอาจมีจำกัด แต่ความสามารถของพวกเขาก็ไม่ควรถูกประเมินต่ำเกินไป
พ่อของจางวูฮีซึ่งเป็นผู้นำกลุ่มรักษาสมดุลในปัจจุบัน มีอำนาจมากเป็นพิเศษ
มันเป็นหนึ่งในเหตุผลที่ฉันต้องการรักษาความสัมพันธ์ที่ดีกับจางวูฮี
ในไม่ช้าฉันก็พบว่าตัวเองยืนอยู่หน้าหน้าผาสูงตระหง่าน
กล่องผนึกสัตว์ศักดิ์สิทธิ์น่าจะอยู่ที่จุดสูงสุดอย่างไม่ต้องสงสัย
เอมี่เงยหน้าขึ้นมองทางขึ้นที่สูงชันด้วยความหงุดหงิดและเสนอว่า
"การปีนเขาดูค่อนข้างสูงชันนะเจ้าคะ นายน้อย ให้ดิฉันไปเอากล่องมาให้ท่านไหม?"
ไม่ต้องหรอก
ฉันตอบกลับ
การสั่งให้เอมี่ปีนหน้าผาเป็นการทดสอบความภักดีมากกว่า
โดยการผ่านการทดสอบดังกล่าวเท่านั้น ที่ฉันจะสามารถมอบความไว้วางใจให้เธอทำงานที่สำคัญมากยิ่งขึ้นในอนาคตได้
“รออยู่ตรงนี้นะ”
ทำไมฉันต้องปีนเขาด้วยในเมื่อฉันไม่จำเป็นต้องปีน?
---------------
"งั้นฉันจะไปดูรอบๆด้วยตัวเองสักพักนะ"
"โอเค ปีเอล แล้วเจอกันนะ" เราจะพักใกล้กับทางเข้าดันเจี้ยน
เพื่อตอบสนองต่อคำพูดของโมนิก้า ปิเอลก็พยักหน้าเล็กน้อยและเดินออกจากดันเจี้ยนไปลำพัง
ในเวลาเพียงไม่กี่ชั่วโมง มีหลายสิ่งอะไรเกิดขึ้นมากมาย
ธีโอ ลิน วัลเดิร์ก
ไม่มีอะไรที่เธอสามารถพูดกับเขา ได้โดยเฉพาะอย่างยิ่งความอับอายทั้งหมดที่เธอได้ทำลงไป
ถ้าเธอจะขอโทษ เธอต้องการให้มันเป็นความจริงใจอย่างแท้จริง
แต่ด้วยเหตุผลบางอย่าง เธอพบว่ามันยากที่จะสบตาเขา
เพราะทุกครั้งที่ทำ หัวใจของเธอก็เต้นแรง และเธอรู้สึกถึงความอบอุ่นที่แผ่ซ่านไปทั่วร่างกาย
ปิเอลนึกถึงร่างกายของธีโอเมื่อไม่กี่ชั่วโมงก่อนหน้านี้
'ไม่มีวี่แววของปีศาจที่ยิ่งใหญ่บนตัวเขาเลย'
แม้จะรู้ว่ามีสัญลักษณ์ที่ด้านซ้ายของเขา แต่เธอไม่เคยเห็นเครื่องหมายดังกล่าวมาก่อน
โอกาสที่จะมีปีศาจยิ่งใหญ่ตัวใหม่เกิดขึ้นนั้นมีน้อยมาก
ต้องขอบคุณมาร์คเวิร์น เธอมีความเชี่ยวชาญในทุกคุณลักษณะพิเศษของปีศาจที่ยิ่งใหญ่ทุกตัว
ในขณะที่ความคิดเหล่านี้ครอบคุลมจิตใจของเธอ ปิเอลพยายามคิดอย่างมีเหตุผล
ในไม่ช้าเธอก็นึกถึงเหตุผลที่เป็นไปได้สองประการ
'ความเป็นไปได้แรก...'
เครื่องหมายอาจอยู่ในส่วนที่เธอไม่เคยเห็น
เธอตรวจสอบจากเท้าของเขาไปจนถึงมงกุฎบนศีรษะของเขา...แต่เธอไม่ได้ตรวจสอบภายใต้เสื้อผ้าเลย
'จะ... ฉันจะตรวจสอบได้อย่างไรล่ะ ?'
ดวงตาของปิเอลเบิกกว้างด้วยความตกใจ
ใบหน้าของเธอแดงก่ำด้วยความร้อน
'ฉันจะคิดเรื่องนั้นออกมาได้ยังไงกันเนี่ย'
ปิเอลหลงทางไปกับความคิด และใช้มือปัดใบหน้าที่แดงฉ่ำของเธอ
แน่นอนว่ามันไม่ได้ช่วยให้เธอเย็นลงเลย
หลังจากเวลาผ่านไปและเธอสามารถสงบสติอารมณ์ได้ ปิเอลครุ่นคิดถึงความเป็นไปได้ที่สอง
ทฤษฎีที่สองดูเหมือนจะเป็นเรื่องไกลตัวสำหรับเธอ
อย่างไรก็ตาม มันไม่ได้เป็นไปไม่ได้ทั้งหมด
มันเป็นเรื่องที่ใครๆก็คิดว่ามีอยู่ในตำนานเท่านั้น
ถ้ามีคนอื่นได้ยินพวกเขาอาจจะพูดว่า
'จุ๊จุ๊ เด็กสาวผู้น่าสงสาร...'
[ผู้ทำสัญญาของราชาปีศาจ]