MDB ตอนที่ 380 ต่อสู้ชุลมุน
ครั้งสุดท้ายที่หลินจินใช้ค่ายกลละอองเมฆาเต็มรูปแบบก็เกิดขึ้นในเมืองหลวงเช่นกัน อย่างไรก็ดี ก่อนหน้าเขาใช้ค่ายกลละอองเมฆาแค่บางส่วน เขาไม่เคยใช้ธงเลยเพราะมันไม่จำเป็น
อย่างไรก็ตาม ในเวลาเช่นนี้ เขางัดทุกอย่างที่มีออกมาใช้งาน
คฤหาสน์หลังนี้ใหญ่โตและออร่าของอสรพิษแปดหัวก็คอย ๆ ลดลง ซึ่งเป็นสัญญาณบ่งบอกว่าอีกฝ่ายกำลังหลบหนีไปจากบริเวณนี้ ดังนั้น หลินจินจึงต้องใช้ค่ายกลละอองเมฆาเพื่อปิดผนึกพื้นที่ทั้งหมด
ไม่ว่าคู่ต่อสู้ของเขาจะมีความสามารถแค่ไหน พวกเขาไม่สามารถหลบหนีไปไหนได้ มันก็ขึ้นอยู่กับเวลาแล้วว่าจะเข้าถึงตัวศัตรูตอนไหน
ภายใต้ค่ายกลละอองเมฆา คฤหาสน์ของขุนนางถูกแยกออกจากโลกภายนอก ไม่เพียงแค่คนในไม่สามารถออกไปได้เท่านั้น แม้แต่คนนอกก็ไม่สามารถเข้ามาได้เช่นกัน
ในขณะเดียวกัน ที่ประตูหลังของคฤหาสน์ หยางฉิงซื่อซึ่งกำลังจะหลบหนีก็จ้องมองไปที่กำแพงหมอกที่อยู่ข้างหน้าด้วยดวงตาที่เบิกกว้าง เมื่อรู้สึกว่ามีเรื่องเลวร้ายเกิดขึ้น เขาจึงรีบเร่งฝีเท้าก้าวไปข้างหน้า
เขาต้องประหลาดใจหลังจากวิ่งฝ่าหมอก เขาพบว่าตัวเองยืนอยู่ที่จุดเดิม
ถึงเขาจะพยายามวิ่งฝ่าหมอกไปกี่ครั้ง แต่เขาก็อยู่จุดเดิมทุกครั้ง
ทันใดนั้น หยางฉิงซื่อก็เริ่มเหงื่อเย็นไหลออกมา ถึงมีเขาจะมีความรู้มากมาย เขาก็ไม่เคยเจออะไรแบบนี้มาก่อน
ในตอนแรกแผนการของเขากำลังดำเนินไปได้ด้วยดี แต่การปรากฏตัวอย่างกะทันหันของม่านหมอกนี้ทำให้เขาจนตรอกในพริบตา
เขาตระหนักได้ว่าไม่ว่าเขาจะดิ้นรนไปมากเท่าไหร่ เขาก็ติดอยู่ที่นี่อยู่ดี
“นี่มันคาถาบ้าอะไรกัน!? ข้าไม่อยากเชื่อว่ามันจะกักขังข้าได้!”
หยางฉิงซื่อวางแผนที่จะใช้ร่างจำแลงของอาจารย์ของเขาเพื่อซื้อเวลาสำหรับการหลบหนีของเขา
อย่างไรก็ตาม เขากลับพบอุปสรรคที่ไม่สามารถก้าวผ่านไปได้ นอกจากนี้ ยิ่งเวลาผ่านไปเขาก็ยิ่งตึงเครียดมากขึ้น เนื่องจากร่างจำแลงของอาจารย์ของเขาจะอยู่ได้ไม่นาน หากเขาพลาดโอกาสนี้ไป เขาจะไม่มีวันรอดไปจากที่นี่แน่นอน
ด้วยเหตุนี้ หยางฉิงซื่อจึงพยายามสงบสติอารมณ์ จากนั้นรวบรวมความรู้ทุก ๆ อย่างเพื่อพยายามทำลายม่านหมอกนี้
เขาลองใช้คาถา สิ่งประดิษฐ์ แม้กระทั่งเลือดสัตว์ต้องมลทิน แต่ก็ไม่เกิดผล ในท้ายที่สุด หยางฉิงซื่อก็สูญเสียความสงบ และเริ่มหวาดวิตก
ในขณะเดียวกัน หลินจินก็มาถึงสวนของลานบ้านแล้ว สถานที่นี้ดูเหมือนห้วงลึกของนรก โดยมีแขนขาที่ถูกตัดขาดจำนวนนับไม่ถ้วนกระจัดกระจายอยู่ทั่วสวน มันไม่หลงเหลือเค้าเดิมอีกต่อไป
ขณะนี้แม่ทัพเฟิงกำลังต่อสู้กับสัตว์ประหลาดเปื้อนเลือดร่วมกับทหารหลายสิบคน อย่างไรก็ตาม การต่อสู้ดูเหมือนเป็นการสังหารฝ่ายเดียวมากกว่า
แม้ว่าแม่ทัพเฟิงจะดูแลตัวเองได้ แต่คนอื่น ๆ ไม่อาจต่อต้านอะไรได้เลย
สัตว์เลี้ยงของแม่ทัพเฟิงได้รับบาดเจ็บสาหัส แต่ถึงอย่างนั้น สิงโตทองคำยังคงแสดงความกล้าหาญ แม้จะรู้ว่ามันอาจจะต้องตายที่นี่ แต่เจ้าสิงโตก็ไม่คิดจะถอยหนี
ในระหว่างนั้น สัตว์ประหลาดเปื้อนเลือดได้สะบัดหางที่เหมือนกับแส้เหล็กใส่สิงโตสีทอง ส่งให้มันกระเด็นไปไกล เจ้าสิงโตกระอักเลือดเต็มปาก และทันทีที่มันตกลงพื้น สัตว์ประหลาดเปื้อนเลือดก็พุ่งไปข้างหน้าด้วยกรงเล็บของมันพร้อมที่จะเชือดคอของมัน
ในช่วงเวลาสำคัญนี้ หลินจินยิงเข็มใส่เขา
สิ่งที่เกิดขึ้นค่อนข้างแปลกประหลาด สัตว์ประหลาดเปื้อนเลือดตัวนี้เข้าโจมตีทุกสิ่งอย่างไม่เกรงกลัว ไม่ว่าจะเป็นลูกธนู ดาบ และสัตว์เลี้ยงก็ตาม เขาไม่แม้แต่จะละสายตามองพวกเขาราวกับว่าร่างกายของเขาอยู่ยงคงกระพันไม่มีสิ่งใดสามารถทำลายได้
อย่างไรก็ตาม เข็มเล็ก ๆ เพียงหนึ่งเข็มของหลินจินก็เพียงพอที่จะทำให้เขาตกใจและถอยกลับไปในทันที การส่งเข็มของหลินจินนั้นมันได้ชีวิตสิงโตทองคำอย่างหวุดหวิด
เข็มหายไปในก้อนหินใกล้เคียง หลังจากนั้นก็เกิดรอยแตกเหมือนใยแมงมุมเริ่มก่อตัวขึ้นทั่วพื้นผิวของก้อนหิน มันดูราวกับว่ามันจะแตกสลายด้วยการสัมผัสอันอ่อนโยนเพียงครั้งเดียว
หลินจินลงไปที่พื้นและช่องจมูกของเขาเต็มไปด้วยกลิ่นคาวของเลือด เมื่อพิจารณาคร่าว ๆ พบว่าต้องมีคนตายกว่าร้อยคนที่เสียชีวิตด้วยน้ำมือของสัตว์ประหลาดเปื้อนเลือดตัวนี้
“ผู้ประเมินหลิน ระวังตัวด้วย!” แม่ทัพเฟิงเตือน
หลินจินพยักหน้า แทนที่จะกระโดดเข้าสู่การต่อสู้ เขาทำการรักษาทหารที่ได้รับบาดเจ็บและสัตว์เลี้ยงรอบตัวเขา
นอกจากสิงโตทองคำแล้ว ยังมีสัตว์เลี้ยงที่บาดเจ็บอย่างน้อยหลายสิบตัว ทหารบางคนได้รับบาดเจ็บสาหัส
หลินจินรู้ว่าเขาเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ ถ้าไม่ใช่เพราะเขา ทหารผู้กล้าหาญเหล่านี้คงไม่ต้องตกอยู่ในสภาพนี้ ดังนั้นเขาจึงรู้สึกผิด แต่ถึงอย่างนั้นมันก็ถูกบดบังด้วยความโกรธของเขา
ด้วยการเหวี่ยงแขนเสื้อของเขา เข็มก็ยิงออกไปในขณะที่หลินจินใช้งานเข็มลวดขดอย่างเต็มศักยภาพ ในชั่วพริบตา สัตว์เลี้ยงที่ได้รับบาดเจ็บเล็กน้อยสามารถลุกขึ้นยืนได้อีกครั้ง ในขณะที่ผู้ที่ได้รับบาดเจ็บสาหัสจะได้รับการซ่อมแซมบาดแผลที่เปิดกว้างในเล็กลงในทันที ในเวลาเดียวกัน หลินจินหยิบขวดยาที่เขาป้อนให้กับสัตว์วิเศษที่บาดเจ็บสาหัส
ในเวลาไม่นาน เขาก็ควบคุมสถานการณ์ได้ นอกเหนือจากผู้ที่ตายไปแล้วซึ่งหลินจินไม่สามารถฟื้นคืนชีพได้ ส่วนคนอื่น ๆ ไม่ว่าพวกเขาจะบาดเจ็บสาหัสเพียงใด หลินจินก็พยายามอย่างเต็มที่เพื่อรักษาพวกเขา
การกระทำของเขาทำให้เหล่าทหารกล้าประหลาดใจ มันไม่ต้องใช้อัจฉริยะเลยที่จะรู้ว่าไม่มีผู้ประเมินคนใดที่จะมีทักษะเก่งกาจมากขนาดนี้
สัตว์ประหลาดเปื้อนเลือดหยุดการโจมตีอย่างกะทันหัน เพราะมันยังคงระแวงหลินจิน แต่มันก็อยากรู้อยากเห็นเช่นกัน เมื่อคิดว่าผู้ประเมินหนุ่มจะมีทักษะอันเหลือเชื่อเช่นนี้ แม้แต่ในประเทศขนาดใหญ่ บุคคลดังกล่าวก็ถือว่ามีสถานะสูงมาก
มีเพียงศิลปินเท่านั้นที่จะรู้คุณค่าของงานศิลปะ สัตว์ประหลาดเปื้อนเลือดนั้นเป็นยอดฝีมือ เมื่อมันสังเกตเห็นทักษะอันล้ำเลิศของหลินจิน มันก็พยักหน้าด้วยความสนใจ
“ช่างเป็นเทคนิคที่ยอดเยี่ยมจริง ๆ! ถือเป็นบุญตาของข้ามาก!” มันยกย่องอย่างออกนอกหน้า
หลังจากรักษาสัตว์เลี้ยงแล้ว หลินจินก็รักษาทหารที่ได้รับบาดเจ็บต่อ นั่นก็เพียงพอแล้วสำหรับพวกเขาที่จะรู้สึกซาบซึ้ง
การช่วยเหลือสัตว์เลี้ยงของพวกเขาถือว่ามากเกินพอแล้ว ทหารอาจจะแข็งแกร่งเมื่อเผชิญกับความยากลำบาก แต่พวกเขาก็มีด้านที่อ่อนไหว โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อพูดถึงสัตว์เลี้ยงของพวกเขา ซึ่งพวกเขาใช้ชีวิตส่วนใหญ่ด้วยกัน เป็นเหมือนเพื่อเพื่อนและครอบครัว
เมื่อสัตว์เลี้ยงของพวกเขาได้รับบาดเจ็บ พวกเขารู้สึกเศร้าโศกและสิ้นหวังอย่างสุดแสนจะพรรณนา โชคดีที่ในช่วงเวลาที่มืดมนที่สุด ความหวังริบหรี่ก็ปรากฏขึ้น หลินจินได้เข้ามาช่วยเหลือพวกเขา แม้ว่าบางคนจะเสียชีวิต แต่หลินจินก็ไม่ยอมแพ้ นี่คือสิ่งที่ทำให้เขาได้รับความเคารพ
“ขอบคุณผู้ประเมินหลิน สำหรับความกรุณาของท่าน!” ทหารคนหนึ่งหมอบลงต่อหน้าเขา
หลินจินช่วยเขาลุกขึ้นทันทีและพาเขาออกไปพร้อมกับแม่ทัพเฟิง
“เรายินดีที่จะต่อสู้ร่วมกับผู้ประเมินหลิน! แม้แต่ความตายก็ไม่อาจหยุดเราได้!”
พวกทหารตะโกนอย่างดื้อรั้น
สีหน้าของหลินจินมืดลง เขาได้หันทางแม่ทัพเฟิง คนหลังเข้าใจเจตนาของหลินจินทันที
แม้จะต่อสู้กับสัตว์ประหลาดเปื้อนเลือด มันคงไม่ใช่เรื่องเกินจริงหากจะบอกว่าพวกเขาไม่ได้ทำอะไรเลย พวกเขาอยู่ที่นี่จะไม่มีอะไรมากไปกว่าภาระของหลินจิน
แม่ทัพเฟิงตะโกนอย่างเด็ดขาดว่า
“ทหารทุกคน จงฟังคำสั่งของข้า! ถอยออกไปเดี๋ยวนี้!”
เนื่องจากนายพลของพวกเขาพูด ทหารจึงไม่กล้าขัดคำสั่งของเขา
เมื่อทหารถอยกลับไปหมดแล้ว ก็เวลาที่หลินจินจะปะทะกับสัตว์ประหลาดเปื้อนเลือดตัวนี้
เมื่อพูดถึงเรื่องนั้น หลินจินก็คอยระวังตัวอยู่ตลอดเวลา เขาคาดว่ามันจะลอบโจมตีเขาทุกครั้งที่มีโอกาส แต่ทว่าการโจมตีนั้นกลับไม่เคยเกิดขึ้นเลย
สัตว์ประหลาดเปื้อนเลือดเพ่งมองหลินจินมากเท่ากับหลินจินกำลังเพ่งมองมัน
มันแตกต่างจากศัตรูที่ผ่านมา จากการสังเกตอย่างรอบคอบของหลินจินพบว่าสัตว์ประหลาดเปื้อนเลือดตัวนี้เป็นเพียง 'ร่างจำแลง' ของยอดฝีมือที่ทรงพลัง ถึงแม้จะไม่ใช่ตัวจริง แต่ก็ทรงพลังไม่ต่างกับเขาเลย