ตอนที่แล้ว1247 - เข้าสู่เหมืองโบราณต้นกำเนิด
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไป1249 - การมาถึงของเรือรบทองแดง

1248 - คลื่นจักรพรรดิ


1248 - คลื่นจักรพรรดิ

จักรพรรดิผู้ยิ่งใหญ่กลายเป็นกระแสแสงจมลงไปในดิน ภูเขาที่เคยแห้งแล้งกลับสู่ความอุดมสมบูรณ์และเขียวขจีอีกครั้ง

ในเวลาเดียวกันจิตวิญญาณของเย่ฟ่านก็สั่นไหว แสงสีทองที่เปล่งประกายอยู่กลางหน้าผากของเขาในขณะนี้ได้มืดดับลงไปอีกครั้ง

“เขาจากไปแล้ว”

เย่ฟ่านยืนอยู่บนภูเขาที่พังทลายอย่างเงียบๆ เขาเข้าใจสภาพจิตใจของจักรพรรดิผู้ยิ่งใหญ่ที่จากโลกใบนี้ไปนานหลายแสนปีเป็นอย่างดี

นี่คือความเศร้าโศกของผู้ที่มีอายุยืนยาวมากที่สุด หลายแสนปีผ่านไปเขายืนอยู่หน้าหลุมศพของสหายวัยเด็กและญาติมิตรที่ล้มตายจากความแก่ชรา

จักรพรรดิผู้ยิ่งใหญ่เฝ้ามองดูพวกเขาล้มตายลงทีละคนโดยไม่อาจช่วยเหลือได้ นี่เป็นความเศร้าโศกมากเพียงใด

เย่ฟ่านมีความรู้สึกอย่างแรงกล้าว่านี่อาจเป็นชะตาชีวิตของเขาเช่นกัน? ครึ่งชีวิตของเขาเต็มไปด้วยความรุ่งโรจน์และมีสหายล้อมหน้าล้อมหลังอยู่ไม่ขาด

แต่หลังจากนี้จะเกิดอะไรขึ้น? เขาอาจต้องทนดูผังป๋อและจี้จื่อเยว่แก่ตัวไปอย่างช้าๆจนกระทั่งกลายเป็นกระดูกไม่กี่กองหรือไม่?

แน่นอนว่านี่คือความเศร้าโศกที่ไม่อาจบรรยายเป็นคำพูดได้ เย่ฟ่านไม่ต้องการให้เป็นแบบนี้ แต่ถ้าเขาไม่แข็งแกร่งขึ้นศัตรูจะเมตตาเขาหรือไม่?

ในขณะนี้ เขารู้สึกถึงความโศกเศร้าของจักรพรรดิผู้ยิ่งใหญ่อย่างแท้จริง เขาเฝ้าดูผู้คนรอบตัวถึงจุดจบของชีวิตทีละคน โดยไม่อาจช่วยเหลือได้

เย่ฟ่านร่างกายสั่นสะท้านเมื่อคิดถึงฉากนี้ แม้ว่าเหตุการณ์นั้นจะยังไม่เกิดขึ้นในเร็วๆ นี้แต่มันก็ยังทำให้จิตใจของเขาเกิดความเศร้าโศกอย่างไม่รู้จบ

“เจ้ากำลังคิดอะไรอยู่” เอี๋ยนอี้ซีถาม

เย่ฟ่านรวบรวมความคิดของเขากลับมาอย่างรวดเร็ว จักรพรรดิผู้ยิ่งใหญ่เป็นกระจกที่สะท้อนให้เห็นถึงอนาคตของเขาอย่างแน่นอน

“น่าเสียดายที่เขาจากไปแบบนี้ ไม่คิดเลยว่าร่างศักดิ์สิทธิ์เซียนโบราณคนนี้จะประสบความสำเร็จในการเป็นจักรพรรดิผู้ยิ่งใหญ่จริงๆ” ต้วนเต๋อกล่าวด้วยความตกตะลึง

หลังจากนั้นไม่นานผังป๋อก็กลับมา พวกเขาไล่ตามเป็นระยะทางสามหมื่นลี้ แต่สุดท้ายก็ไม่สามารถสังหารฮั่วอวิ๋นเฟยและหลี่เสี่ยม่านได้

“เกิดอะไรขึ้นที่นี่? กลิ่นอายของจักรพรรดิโบราณอบอวลไปทั่วอากาศ มันน่ากลัวมากจนเราแทบไม่สามารถขยับตัวได้ด้วยซ้ำ” ผังป๋อกล่าว

เย่ฟ่านเล่าถึงสิ่งที่เพิ่งเกิดขึ้นฉีลั่วตกใจอย่างถึงที่สุด เขารู้สึกเจ็บปวดใจเป็นอย่างมากที่ในชีวิตนี้ไม่มีโอกาสมองเห็นจักรพรรดิผู้ยิ่งใหญ่ด้วยตาของตัวเอง

สงครามที่นี่จบลงแล้ว และไม่รู้ว่ามีศัตรูตายไปกี่หมื่นคน สิบสองค่ายกลปราศจากจุดเริ่มต้นบดขยี้ผู้คนกลายเป็นหมอกเลือด เนื้อหนังของพวกเขากระจายอยู่ทั่วดินแดนอันกว้างใหญ่ราวกับทุ่งสังหาร!

“จบแล้ว...” เย่ฟ่านกล่าวกับตัวเอง

ในอากาศยังคงอบอวนไปด้วยกลิ่นคาวเลือด เมื่อมองดูเศษเนื้อที่กระจัดกระจายอยู่ทั่วพื้นทุกคนก็เกิดความรู้สึกสะเทือนใจอย่างไม่อาจหลีกเลี่ยง

ผู้คนจำนวนมากที่เชิงเขาเกิดความตกตะลึงอย่างถึงที่สุด เพียงมองดูเลือดสีแดงสดที่ไหลนองเป็นท้องธารมันก็เพียงพอที่จะสั่นสะเทือนจิตใจของพวกเขาได้แล้ว

ภูเขาที่มีความสูงมากกว่าหมื่นกว่าถูกชโลมไปด้วยเลือดสีแดงสดราวกับเสาโลหิตที่ตั้งขึ้นสู่ท้องฟ้า เหตุการณ์นี้จะสั่นสะเทือนจิตใจของผู้คนไปอีกนานนับแสนปี

มีผู้คนจำนวนมากรู้สึกโชคดีที่ตัวเองไม่ได้ก้าวเข้าไปในภูเขาและมีส่วนร่วมเกี่ยวกับเรื่องนี้ ไม่เช่นนั้นมันจะกลายเป็นความเศร้าโศกอย่างไม่รู้จบที่ต่อให้ตายไปแล้วก็ยังต้องคับแค้นใจไม่หาย

การต่อสู้ครั้งนี้ทำให้โลกตกตะลึง วันนี้ทั้งห้าภูมิภาคสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง และสิ่งมีชีวิตจากเผ่าพันธุ์โบราณต่างก็เต็มไปด้วยความหวาดกลัว

เย่ฟ่านวางกับดักเพื่อฆ่าผู้คนนับหมื่น ผู้ที่มีฐานการบ่มเพาะต่ำสุดคือยอดฝีมือระดับเซียนเทียมขั้นสองสิ่งมีชีวิตจากหลายเผ่าพันธุ์ถูกปลิดชีพอย่างโหดร้าย

อย่างไรก็ตามไม่ว่าเย่ฟ่านจะลงมืออย่างรุนแรงมากแค่ไหนก็ไม่มีใครกล้าเอาผิดกับเขา นั่นก็เพราะในช่วงเวลาที่สำคัญที่สุดจักรวรรดิผู้ยิ่งใหญ่ได้ปรากฏตัวขึ้นเพื่อช่วยเหลือเย่ฟ่านสังหารผู้คนทั้งหมด

พายุที่น่าสะพรึงกลัวนี้พัดไปทั่วแผ่นดิน ทุกคนตกตะลึงและไม่สามารถรักษาจิตใจให้อยู่ในความสงบได้อีกแล้ว

เย่ฟ่านและผังป๋อข้ามความว่างเปล่าและกลับไปที่หมู่บ้านเทียนจื่อทันที พวกเขาไม่อยากประสบกับอุบัติเหตุใดๆ การอยู่ต่อมีแต่จะกลายเป็นเป้าหมายของผู้คนเท่านั้น

หมอกควันก่อตัวขึ้นในหัวใจของชนเผ่าโบราณ จักรพรรดิแห่งเผ่าพันธุ์มนุษย์เป็นเหมือนก้อนหินขนาดใหญ่ที่กดทับหัวใจของพวกเขาอยู่

แม้กระทั่งในเผ่าพันธุ์โบราณเองก็ยังไม่มีใครกล้าเข้าไปในเหมืองโบราณต้นกำเนิดเพื่อสอบถามข่าวเรื่องนี้ ทุกคนอยากรู้ว่าจักรพรรดิผู้ยิ่งใหญ่คนนั้นคือใครแต่พวกเขาก็ไม่กล้าเอาชีวิตของตัวเองเข้าไปเสี่ยงเช่นกัน!

ตรงกันข้ามกับเผ่าพันธุ์โบราณ มนุษย์ทุกคนในโลกอำพรางสวรรค์ต่างถอนหายใจด้วยความโล่งอก การปรากฏตัวของจักรพรรดิผู้ยิ่งใหญ่เผ่าพันธุ์มนุษย์เป็นการยืนยันอย่างแน่ชัดแล้วว่ามนุษย์คือผู้ปกครองที่แท้จริงของโลกใบนี้

หลายคนทำนายว่ายุคที่สงบสุขอย่างแท้จริงมาถึงแล้ว ซึ่งมันจะไม่เลื่อนลอยเหมือนข้อตกลงในทะเลสาบหยกอีกต่อไป

“จักรพรรดิผู้ยิ่งใหญ่คนนั้นคือจักรพรรดิอู่ซือหรือ? อย่างไรก็ตามลักษณะนิสัยของเขาแตกต่างจากที่บันทึกไว้โดยสิ้นเชิง”

“ร่างกายของเขาถูกปกคลุมด้วยแสงสีทองไม่มีใครมองเห็นใบหน้าที่แท้จริงของเขาได้ แต่ไม่ว่าเขาจะเป็นใครความจริงที่ว่าจักรพรรดิผู้ยิ่งใหญ่แห่งเผ่าพันธุ์มนุษย์ยังมีชีวิตอยู่ก็เป็นสิ่งที่ไม่สามารถปฏิเสธได้” สิ่งมีชีวิตจากเผ่าพันธุ์โบราณเต็มไปด้วยความขมขื่น

ราชาโบราณหลายคนไม่กล้าออกจากที่ตั้งของตัวเองด้วยซ้ำ ราชาปราชญ์ศักดิ์สิทธิ์หลายคนมาเยือนภูเขาเทียนต้วนเพื่อค้นหาเงื่อนงำนี้ด้วยตัวเอง

แต่สุดท้ายพวกเขากลับสัมผัสได้เพียงกลิ่นอายของจักรพรรดิผู้ยิ่งใหญ่เท่านั้น

“เกิดอะไรขึ้นกับความทรงจำของข้า หรือเขาลบความทรงจำของข้าออกไปแล้ว!” ราชาปราชญ์ศักดิ์สิทธิ์หลายคนตกตะลึงอย่างถึงที่สุด

นั่นก็เพราะหลังจากที่จักรพรรดิผู้ยิ่งใหญ่หายสาบสูญไปครึ่งเดือน ความทรงจำที่เกี่ยวข้องกับจักรพรรดิผู้ยิ่งใหญ่คนนั้นกลับพร่ามัวจนยากที่จะจดจำเนื้อหาอย่างชัดเจนได้

ผู้คนรู้เพียงว่ามีจักรพรรดิผู้ยิ่งใหญ่แห่งเผ่าพันธุ์มนุษย์ปรากฏตัวขึ้น แต่ลักษณะท่าทางหรือแม้แต่คำพูดของเขาเป็นเช่นไรไม่มีใครสามารถจดจำได้

แต่ไม่ว่าอย่างไรเผ่าพันธุ์มนุษย์ทุกคนยังคงเต็มไปด้วยความตื่นเต้น มันเป็นเรื่องจริงที่ว่าจักรพรรดิผู้ยิ่งใหญ่ของเผ่าพันธุ์มนุษย์ยังคงดำรงอยู่ สิ่งนี้เพียงพอที่จะทำให้พวกเขาเกิดความภาคภูมิใจแล้ว

ในช่วงเวลานี้ ชนเผ่าโบราณทั้งหมดต่างทำตัวอ่อนน้อมถ่อมตนและไม่หยิ่งผยองเหมือนเมื่อก่อนอีกต่อไป

ในสถานที่ต่างๆ ซึ่งชนเผ่าโบราณอาศัยอยู่ไม่ได้กลายเป็นดินแดนต้องห้ามสำหรับมนุษย์อีกแล้ว พวกเขามีการต้อนรับขับสู้มหาอำนาจของเผ่าพันธุ์มนุษย์และสถาปนาความสัมพันธ์อย่างเป็นทางการขึ้นหลายแห่ง

“บรรพชนจระเข้คือเทพนอกอาณาเขต ความแข็งแกร่งของอสูรโบราณนี้ไม่อาจคาดเดาได้ ร่างกายที่แท้จริงของมันอยู่บนดาวอังคาร และทารกศักดิ์สิทธิ์จะใช่ตัวเดียวกันกับที่เรากระทืบตายหรือเปล่า”

ผังป๋อ หลี่เทียน และคนอื่นๆ ในหมู่บ้านเทียนจื่อกำลังกล่าวถึงเรื่องนี้อย่างเคร่งเครียด

“ทารกในครรภ์ศักดิ์สิทธิ์ เจ้ากำลังกล่าวถึงมันอยู่หรือ?”

จักรพรรดิดำเหยียดอุ้งเท้าใหญ่ไปข้างหน้าพร้อมกับหยิบเอาซากศพของจระเข้สีทองตัวเล็กออกมา

“ไม่มีทางที่ทารกในครรภ์ศักดิ์สิทธิ์ของมันจะตื่นขึ้นอีกแล้ว”

“ข้าไม่คิดว่านี่จะเป็นทารกในครรภ์ศักดิ์สิทธิ์ของบรรพชนจระเข้ นั่นก็เพราะมันอ่อนแอมากเกินไป” เย่ฟ่านส่ายหน้าและกล่าวอย่างจริงจังว่า

“บรรพชนจระเข้เป็นเพียงวิญญาณที่มีพลังหนึ่งในสิบส่วนเท่านั้น แต่ความแข็งแกร่งของมันก็แทบจะเทียบได้กับปราชญ์โบราณแล้ว มันมีโอกาสสูงที่ร่างกายที่แท้จริงของมันจะทรงพลังเทียบเท่าจักรพรรดิผู้ยิ่งใหญ่” เย่ฟ่านวิเคราะห์

“บางทีการที่วิญญาณของมันอ่อนแอถึงขนาดนี้อาจเป็นเพราะมันแยกวิญญาณตัวเองเพื่อสร้างร่างอวตารในครรภ์ศักดิ์สิทธิ์ เผ่าอสูรมีวิธีการท้าทายสวรรค์เช่นกัน วิธีการนี้คือการสร้างชีวิตที่สองของเผ่าพันธุ์อสูร!”ด้วนเต๋อกล่าว

“มีเรื่องแบบนี้ด้วยหรือ? แม้แต่เราผู้เฒ่าก็ไม่เคยได้ยินเรื่องนี้มาก่อน” ฉีลั่วขัดจังหวะ

ต้วนเต๋อดูเคร่งขรึมและพยักหน้าอย่างจริงจัง วิธีการนี้เขาเคยเห็นในภาพแกะสลักโบราณบนผนังสุสานที่เขาเข้าไป มันเป็นพิธีกรรมของเผ่าอสูรที่จะสังเวยชีวิตผู้คนจำนวนมากเพื่อให้คนคนหนึ่งสามารถแยกวิญญาณของตัวเองเพื่อสร้างร่างแยกใหม่ได้

“มันเป็นวิธีการท้าทายสวรรค์อย่างแท้จริง” ผังป๋อรู้สึกประหลาดใจ

จักรพรรดิดำพยักหน้าและกล่าวอย่างเคร่งขรึม “ใช่ เผ่าอสูรมีวิธีที่ท้าทายสวรรค์ มันเป็นทักษะที่หายสาบสูญไปจากโลกหลายแสนปีแล้ว ไม่คิดว่าบรรพชนจระเข้จะศึกษาคัมภีร์นี้มาอย่างแตกฉาน”

……….

5 1 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด