ตอนที่ 1461 จําสิ่งที่ฉันพูดไว้..
เจ้าชายพอตเตอร์ มกุฎราชกุมารแห่งอังกฤษ ได้ทรงเรียก นายกรัฐมนตรี จอห์น พาร์กินสัน มายังห้องส่วนพระองค์
“จอห์น คุณเป็นนายกรัฐมนตรีที่ยอดเยี่ยม ทั้งยังเป็นเกียรติยิ่งสำหรับอังกฤษเรา ฉันเองมองโลกในแง่ดีเกี่ยวกับคุณมาโดยตลอด” เจ้าชายพอตเตอร์ ตรัสด้วยรอยยิ้ม
นายกรัฐมนตรี รู้สึกยินดี และกล่าวอย่างปลื้มปริ่มใจว่า : “ขอบคุณเจ้าชายพอตเตอร์ เจ้าชายพอตเตอร์ ที่พระองค์ทรงเรียกกระหม่อมให้เข้ามา คงจะไม่เพียงพูดเรื่องแค่นี้ใช่ไหม?”
เจ้าชายพอตเตอร์ ตรัสว่า : “จอห์น.. คุณควรรู้ว่าฉันชอบทําธุรกิจ และฉันได้ลงทุนไปมากมาย ประสบความสําเร็จบ้าง ล้มเหลวบ้าง แต่โชคดีที่ฉันมีที่ปรึกษาด้านการลงทุนที่ยอดเยี่ยม สุดท้ายฉันก็มีรายได้ไม่น้อย ฉันพอใจกับสภาพที่เป็นอยู่มาก และไม่ได้ต้องการอยาก ..เปลี่ยนแปลงมัน”
จอห์น พาร์กินสัน : “โอเค…”
เขาไม่รู้จะพูดอะไรออกไปอยู่ครู่หนึ่ง..
เจ้าชายพอตเตอร์ ตรัสว่า : “ตระกูลสมิธ.. ฉันรู้แล้ว”
จอห์น พาร์กินสัน กล่าวว่า : “เจ้าชายพอตเตอร์…”
เจ้าชายพอตเตอร์ ตรัสขึ้นขัดจังหวะเขา : “คุณรู้ไหมว่าถ้าเรื่องของ โทนี่ สมิธ ถูกเปิดเผยออกไป ..ผลลัพธ์มันจะเป็นอย่างไร บางทีคุณ และฉันก็คงรู้อยู่แก่ใจว่าฉันไม่สนใจในครอบครัวสมิธ แต่ฉันสนใจทรัพย์สินโดยส่วนตัวของฉันเอง ความเสียหายของฉันอย่างน้อยมันก็คงจะต้องมีหลายร้อยล้าน และฉันไม่ต้องการจะเห็นผลลัพธ์นี้”
จอห์น พาร์กินสัน กล่าวว่า : “เจ้าชายพอตเตอร์ เรื่องนี้คงไม่ใช่สิ่งที่ผมจะควบคุมได้…”
เจ้าชายพอตเตอร์ ตรัสว่า : “จอห์น ยังมีเวลาอีกปีหนึ่งก่อนการเลือกตั้งนายกรัฐมนตรีครั้งใหม่จะมาถึง.. ฉันจะสนับสนุนคุณในการเลือกตั้งใหม่ในครั้งหน้า หากแต่ตัวคุณก็รู้ดีว่าคู่แข่งของคุณนั้นแข็งแกร่งมาก และคุณนั้นจำเป็นที่จะต้องหาผู้สนับสนุนที่แข็งแกร่งขึ้นยิ่งกว่า…”
จอห์น พาร์กินสัน ได้เงียบไป
แน่นอน.. เขายังต้องการดํารงตําแหน่งนายกรัฐมนตรีไปอีกสมัยจริงๆ ปัจจุบันคู่แข่งของเขาก็เป็นอีกกลุ่มหนึ่ง ซึ่งเป็นภัยคุกคามต่อเขามาก
การเลือกตั้งนายกรัฐมนตรี ดูเหมือนคนสองฝ่ายกําลังพยายามหาเสียงกันอยู่ แต่ ..ในความเป็นจริง เบื้องหลังนั้นมันคือ การแข่งขันระหว่างทุน
จอห์น พาร์กินสัน ดํารงตําแหน่งในช่วงหลายปีที่ผ่านมา และประสบความสําเร็จทางการเมืองที่ค่อนข้างดีเมื่อเปรียบเทียบในด้านของประชาชน แต่อย่างไรก็ตามเขาได้สร้างความขุ่นเคืองให้กับบิ๊กบอสหลายคน ซึ่งทําให้ปัจจุบันเขาล้าหลังคู่แข่งไปในด้านเงินทุน
นี่เป็นปัญหาที่น่าปวดหัวจริงๆ สำหรับเขา เพราะถ้าไม่สามารถมีเงินทุนสนับสนุนเพียงพอ การต่อสู้ครั้งหน้านี้.. เขาอาจจะสู้ด้วยได้ยาก
เจ้าชายพอตเตอร์ ตรัสว่า : “วันนี้ วิลเลียม สมิธ โทรมาหาฉัน.. เขาเองก็ชื่นชมคุณมาก เขาตั้งใจที่จะปกป้องแคมเปญของคุณ และคุณก็ควรที่จะเข้าใจความหมายของฉัน และคุณก็ควรรู้ว่า ..จะต้องทําอย่างไร”
นี่เป็นเพียงสิ่งล่อใจ ที่จะชักนำไปสู่ผลไม้ที่หอมหวานจริงๆ
เจ้าชายพอตเตอร์ ตรัสว่า : “คุณควรรู้จัก วิลเลียม เครือข่าย และความสัมพันธ์ของเขาทั้งหมดนั้นล้วนคือสิ่งที่คุณต้องการอย่างแน่นอน.. ถ้ามีความช่วยเหลือจากเขา คุณจะชนะการต่อสู้ในครั้งหน้านี้ได้ ..อย่างง่ายดาย มิฉะนั้นมันคงยากที่จะพูดถึง”
จอห์น พาร์กินสัน กัดริมฝีปากของตัวเอง และไม่ได้พูดอะไรออกไปอยู่ครู่หนึ่ง และดูเหมือนเขากำลังครุ่นคิดเกี่ยวกับมัน ..อย่างลึกซึ้ง
“เจ้าชายพอตเตอร์ พระองค์อยากให้กระหม่อมทําอะไร?” จอห์น พาร์กินสัน กล่าวออกมาในที่สุด
เจ้าชายพอตเตอร์ กล่าวว่า : “ทำให้แน่ใจว่า โทนี่ สมิธ หลุดพ้นจากคดีเครื่องบิน”
จอห์น พาร์กินสัน ได้แสดงสีหน้าที่ลําบากใจออกมา และกล่าวว่า : “เจ้าชายพอตเตอร์ พูดตามตรง จากมุมมองส่วนตัวของกระหม่อม กระหม่อมยินดีอย่างยิ่งที่จะให้การช่วยเหลือ แต่ในเรื่องนี้.. มันค่อนข้างซับซ้อน…”
เจ้าชายพอตเตอร์ ตรัสว่า : “เท่าที่ฉันรู้.. เรื่องนี้แก้ไขง่ายมาก โลกภายนอกไม่รู้ด้วยซ้ำว่าผู้ที่อยู่เบื้องหลังคือ โทนี่ สมิธ แน่นอนว่ามีพื้นที่ให้จัดการมากมาย ขึ้นอยู่กับว่าคุณจะดําเนินการกับมันอย่างไร ฉันคิดว่า โลกภายนอกไม่จําเป็นต้องรู้ความจริง พวกเขาแค่ต้องการคําอธิบาย และคําอธิบายนี้ คุณก็แค่แต่งมันขึ้นมาก็พอ..”
ความจริงมีเพียงหนึ่งเดียว.. เท่านั้น
ทั้งประโยคนี้.. มันมีอยู่ในโลกอุดมคติเท่านั้น
เพราะในโลกแห่งความเป็นจริง มักจะมีความจริงมากมาย หนึ่งในนั้นก็อยู่ในมือของผู้ที่รู้ความจริง พวกเขาเป็นเจ้าของทรัพยากร หรือจำพวกคนที่มีอำนาจ และแน่ชัดว่า พวกเขา.. สามารถควบคุมความจริงที่ว่าได้
“ความจริง” อีกประการหนึ่งคือ “ความจริง” ที่มีผู้แต่งขึ้นโดยผู้มีอำนาจ และเป็นความจริงที่คนอื่นอยากให้คุณรู้ แต่หากถ้าคนอื่นไม่อยากให้คุณรู้ คุณเอง.. ก็อาจจะไม่มีวันรู้เลย
ในกรณีนี้ เจ้าชายพอตเตอร์ และจอห์น พาร์กินสัน ในฐานะนายกรัฐมนตรี ต่างก็รู้ความจริงที่แท้จริงนี้ และเจ้าชายพอตเตอร์ กําลังขอให้ จอห์น พาร์กินสัน สร้าง “ความจริง” อีกประการหนึ่งขึ้นมาใหม่
“จอห์น อย่างที่ฉันพูดไปเมื่อกี้ ฉันมองโลกในแง่ดีเกี่ยวกับคุณมาก และหวังว่าสักวันหนึ่งเราจะสามารถทํางานร่วมกันได้ คุณรู้ไหม ราชินี ก็ใกล้... และตัวฉันจะขึ้นครองราชบัลลังก์ในอีกไม่ช้า หลังจากที่ฉันขึ้นครองราชบัลลังก์แล้ว หวังว่าคุณจะเป็นผู้นําของสหราชอาณาจักรเราต่อไป ไม่ว่าจะเป็นสําหรับคุณ หรือสําหรับฉัน นี่คือสถานการณ์แบบ win-win ด้วยกันทั้งคู่”
เจ้าชายพอตเตอร์ ตรัสออกมา
เจ้าชายพอตเตอร์ผู้นี้ มีพระชันษาได้ 60 ปีแล้ว ในฐานะมกุฎราชกุมารเขาเองรอคอยวันที่จะได้ขึ้นครองราชบัลลังก์มานานเกินไปแล้วจริงๆ
ล่าสุด.. ในที่สุดเขาก็มีความหวัง
จอห์น พาร์กินสัน รู้สึกสงสัยเล็กน้อย ทำไม ดูเหมือน เจ้าชายพอตเตอร์ ทรงไม่รู้ถึงข่าวที่ว่า องค์ราชินี ทรงหายจากอาการพระประชวรแล้ว?
บางที.. ดูเหมือนว่า ราชินี จะทรงจงใจปกปิดเรื่องนี้จากสมาชิกภายในราชวงศ์ หรือบางทีอาจทรงต้องการจะทําให้ครอบครัวของพระนาง ประหลาดใจ…
จอห์น พาร์กินสัน มองดูท่าทีที่คาดหวังของ เจ้าชายพอตเตอร์ และรู้สึกทนไม่ไหวเล็กน้อยที่จะทําลายความฝันอันงดงามของเขา
ส่วน ‘คำขอ’ ที่ เจ้าชายพอตเตอร์ เสนอนั้น หากบอกว่า จอห์น พาร์กินสัน ไม่รู้สึกหวั่นไหวเลยนั้น มันคงจะเป็นเรื่องเท็จ
หากมองจากมุมมองของผลประโยชน์ในระยะยาว เจ้าชายพอตเตอร์.. ในฐานะมกุฎราชกุมาร ที่จะได้ขึ้นครองราชบัลลังก์ในไม่ช้าก็เร็ว และการที่ จอห์น พาร์กินสัน จะลงชิงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีคนต่อไปก็เป็นเรื่องที่เร่งด่วนเช่นกัน และนี่เป็นเรื่องส่วนตัวของเขาในอนาคต และไม่มีทางที่เขาจะไม่ให้ความสําคัญ
ในเวลานี้นั้นได้มีคนมาเคาะประตู และข้ารับใช้ก็เดินเข้ามา..
“เจ้าชายพอตเตอร์, ท่านนายกรัฐมนตรี, งานเลี้ยงอาหารค่ำกำลังจะเริ่มขึ้นแล้ว และสมเด็จพระราชินีได้มาถึงนอกพระราชวัง และกำลังจะเข้าสู่ภายในพระราชวัง…” ข้ารับใช้ ได้กล่าวออกมา
เจ้าชายพอตเตอร์ มอง จอห์น พาร์กินสัน แล้วตรัสว่า : “จําสิ่งที่ฉันพูดไว้”
แล้วจึงได้รีบเดินออกไปก่อน
งานเลี้ยงอาหารค่ำภายในพระราชวังค่อนข้างคึกคัก โดยพื้นฐานแล้วสมาชิกราชวงศ์ต่างก็ได้มารวมตัวกัน
ทุกคนต่างรอคอยการมาถึงของ ราชินี
ในที่สุด ราชินี ก็เสด็จเข้ามาโดยได้รับการสนับสนุนจาก แคทเธอรีน
แม้ว่า แคทเธอรีน จะคอยประคับประคอง แต่ ราชินี ก็ทรงดูมีชีวิตชีวาดีมาก ทั้งตัวพระนางเองก็ดูเหมือนจะสามารถเดินได้เหมือนกับบิน แม้ว่าจะไม่มีใครช่วยก็ตาม
เมื่อไม่นานมานี้ ราชินี ต้องย้ายไปพำนักพักฟื้นอยู่ที่คฤหาสน์ในแถบชานเมืองเนื่องจากสุขภาพไม่ดี และเคยมีข่าวออกมาว่า ราชินี ทรงมีพระอาการประชวรหนัก สมาชิกราชวงศ์ต่างก็กังวลมากกับเรื่องนี้
แต่อย่างไร.. พระราชินี กลับทรงไม่ต้องการอยากให้พวกเขาไปเยี่ยม ราชินี กล่าวว่าพระนางไม่ต้องการให้ลูกหลานเห็นสภาพที่ย่ำแย่ น่าอับอายของตัวเอง นี่อาจกล่าวได้ว่าเป็นศักดิ์ศรีในฐานะราชินี
ตอนนี้การปรากฏตัวที่ดูมีความกระฉับกระเฉงของ ราชินี ทําให้สมาชิกราชวงศ์ต่างต้องประหลาดใจมากจริงๆ
โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับ เจ้าชายพอตเตอร์ เขารู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย ตั้งแต่ราชินีทรงมีพระอาการประชวรหนัก และย้ายออกไปพักฟื้นในแถบชานเมือง เขาเองเป็นคนที่กระตือรือร้นที่สุด และมักจะสอบถามอาการของ ราชินี และทรงแสดงถึงทัศนคติที่ห่วงใยอย่างมาก
นี่เป็นความประทับใจที่ เจ้าชายพอตเตอร์ ทรงแสดงให้โลกภายนอกเห็นอยู่อย่างสม่ำเสมอ เขาได้แสดงความกตัญญู ความรัก ความเคารพต่อ องค์ราชินี มาก
เจ้าชายพอตเตอร์ รู้สึกประหลาดใจที่ องค์ราชินี ทรงมีพระอาการดีขึ้นอย่างกะทันหัน และในเรื่องนี้ทําไม เขา.. ถึงไม่รู้?
ในเวลานี้ สมาชิกราชวงศ์ต่างเข้ามาทักทาย ราชินี ทีละคนๆ
ราชินี ยิ้ม และทรงโบกมือส่งสัญญาณให้ทุกคนนั่งลง
“ทุกคนมาครบแล้วใช่ไหม?” ราชินี ทรงยิ้ม แล้วตรัสว่า : “ดีใจมากที่คืนนี้เราได้อยู่กันพร้อมหน้าพร้อมตากัน ฉันมีข่าวดีจะประกาศให้ทุกคนได้ทราบ ในช่วงนี้ฉันย้ายไปทำการพักฟื้นรักษาตัวอยู่ที่บ้านพักตากอากาศในแถบชานเมือง และต่อจากนี้ไป ฉันขอประกาศยุติการรักษา และจะย้ายกลับมาตั้งแต่วันนี้”
“ฉันทราบดีว่าในช่วงที่ฉันย้ายไปอยู่ในแถบชานเมือง โลกภายนอกมีข่าวลือออกมามากมาย ไม่ว่าจะเป็นราชวงศ์ของเรา หรือคนของเราในประเทศ ได้เกิดความหวาดกลัวขึ้น ตอนนี้ฉันได้ย้ายกลับมาแล้ว และซึ่งนี้ถือว่าเป็นการตอบโต้กลับข่าวลือที่ว่าได้ดีที่สุด”
“แต่จะว่าไปแล้ว จะโทษข่าวลือก็ไม่ได้ ฉันเคยล้มป่วยหนักจริงๆ มาระยะหนึ่ง หากเป็นฉันคนเดียว ฉันเองคงไม่อาจได้มานั่งอยู่ที่นี่แล้ว ดังนั้นฉันจึงรู้สึกขอบคุณคนคนนี้มาก และทั้งยังได้เชิญเขาให้เข้ามาร่วมงานเลี้ยงอาหารค่ำของเรา…”