บทที่ 25 ตอน คนนอกผู้น่ารังเกียจ
ทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วมาก มู่โหยวไม่มีเวลาแม้แต่จะหยิบนาฬิกาพกออกมา เขารู้สึกว่าหัวของเขาถูกล้อมรอบไปด้วยปากอันใหญ่โตที่น่าสะพรึงกลัว
ในขณะนี้ มู่โหยวเองก็สิ้นหวังเล็กน้อย แต่แล้วความเจ็บปวดจากการถูกกัดที่หัวของเขาก็ไม่ได้เกิดขึ้นอย่างที่เขาจินตนาการ แต่กลับถูกสัตว์ประหลาดที่ดุร้ายพุ่งชนร่างกายของเขา
“หืม?”
มู่โหยวไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่ในขณะนี้ จู่ๆ เขาก็รู้สึกถึงแสงและเงาที่อยู่ตรงหน้าเขา ราวกับว่ามีบางอย่างพุ่งเข้ามาหาเขาอีกครั้ง
เขามีเวลาเพียงยกมือขึ้น จากนั้นก้อนขนนุ่มนิ่มก็พุ่งเข้ามากระแทกหน้าอกของเขา
ร่างกายครึ่งล่างของเขายังยืนอยู่ภายในราวกั้นบันใด แต่ส่วนครึ่งบนของเขายื่นออกจากราวกั้นไปแล้ว ในเวลานี้ถ้าเขาถูกโจมตีเช่นนี้อีกครั้ง เขาจะสูญเสียการทรงตัว และตกลงไปสู่พื้นด้านล่าง
“นี่มันชั้นสามเลยนะ...”
เมื่อรู้สึกว่าตนเองกำลังจะตกลงไป มู่โหยวจึงรีบล้วงมือเข้าไปในกระเป๋าเสื้อ และกดนาฬิกาพกในกระเป๋าของเขา
ในช่วงเวลาถัดมา เวลาไหลย้อนกลับไปเมื่อห้าวินาทีที่แล้ว
มู่โหยวกลับไปที่บันไดบนชั้นสาม นั่งยองๆ บนพื้น ยื่นมือออกเพื่อตรวจสอบลมหายใจของชายหนุ่มที่นอนแน่นิ่งอยู่บนพื้น
เมื่อเขากลับมามีสติได้ มู่โหยวก็กลิ้งตัวไปซ่อนตัวอยู่ในเงาข้างบันไดทันที
มู่โหย่วพิงกำแพง เขารู้ว่าสิ่งมีชีวิตซ่อนตัวอยู่หลังมุมไม่ไกล กำลังรอที่จะซุ่มโจมตี
สิ่งมีชีวิตนี้ฉลาดมาก มันคงจะมองออกว่ามู่โหยวแข็งแกร่งที่สุดในบรรดามนุษย์หลายคนที่อยู่ที่นี่ ดังนั้นมันจึงจงใจใช้เสียงร้องของชายหนุ่มเพื่อดึงดูดเขา จากนั้นจึงซ่อนตัวอยู่ที่มุมหนึ่งเพื่อโจมตี
อย่างไรก็ตาม วิธีการโจมตีที่สิ่งมีชีวิตนี้ใช้คือการชนเขาลงบันได และพยายามจะโยนเขาลงมากระแทกให้ตาย...
กล่าวคือ ความสามารถในการโจมตีของสิ่งมีชีวิตนี้ไม่ได้แข็งแกร่งมาก อย่างน้อยก็ไม่สามารถทำให้มู่โหยวถึงตายได้ในเวลาอันสั้น ดังนั้นมันจึงทำได้เพียงใช้วิธีการโง่ๆ นี้เท่านั้น
สำหรับสัตว์ประหลาดดุร้ายที่เห็นในตอนนี้... เห็นได้ชัดว่าไม่ใช่ร่างจริงของมัน มันคงจะเป็นเพียงภาพลวงตาหรืออะไรบางอย่าง และมันถูกใช้เพื่อปกปิดร่างกายที่แท้จริงของมัน
ด้วยความต้องการที่จะเข้าใจทั้งหมดนี้ มู่โหยวจึงไม่รีบร้อนไปหาสัตว์ประหลาดตัวนั้นโดยตรง แต่เดินลงบันไดเบา ๆ ผ่านทางเดินบนชั้นสอง และเดินไปรอบ ๆ ไปยังบันไดที่อยู่อีกด้านหนึ่งของอาคาร
จากบันไดตรงนี่ไปยังชั้นสาม มู่โหยวนั่งยองๆ อยู่ที่มุมบันได หยิบไม้กายสิทธิ์ออกมา และร่ายคาถากับดักเบา ๆ ลงบนพื้น
จากนั้นมู่โหยวก็ขึ้นไปชั้นสี่ และกลับไปที่บันไดอีกด้านหนึ่งผ่านทางเดินบนชั้นสี่
อาคารหลังนี้ดูเหมือนอาคารรูปตัว ‘L’ เมื่อมองจากมุมสูง และขอบของอาคารด้านในกลับกลายเป็นระยะทางสั้นๆ
มู่โหยวนั่งยองๆ อยู่ใต้ราวกั้นของทางเดินหัวมุมบนชั้นสี่ เผยให้เห็นดวงตาคู่หนึ่งอย่างเงียบๆ และมองลงไป
จากตำแหน่งของเขา เขาสามารถเห็นภาพทั้งหมดของบันไดด้านล่าง
ทางเข้าบันไดด้านล่างมืดมากจนแทบมองไม่เห็นอะไร อย่างไรก็ตาม ด้วยทักษะการมองเห็นที่ยอดเยี่ยมของเขา มู่โหยวจึงมองเห็นโครงร่างของสัตว์ตัวหนึ่งจากความมืดได้อย่างคลุมเครือ
นั่นมันแมว!
มันซ่อนตัวอย่างเงียบๆ ในความมืดตรงมุมกำแพง โดยมีหางห้อยลง ลำตัวโค้งงอเล็กน้อย ขาหลังเซ และอุ้งเท้าหน้าข้างหนึ่งยกขึ้น ราวกับกำลังนั่งยองๆ เพื่อรอตะปบเหยื่อ
น่าเสียดายที่เหยื่อที่มันเฝ้าอยู่เป็นเวลานานไม่ปรากฎตัวออกมา ซึ่งทำให้มันร้อนใจเล็กน้อย สะบัดหางอย่างดุเดือด และเห็นได้ชัดว่าเริ่มรู้สึกกระสับกระส่าย
มู่โหยวค่อยๆ หยิบธนูมิธริลออกมา ดึงสายธนู ผูกเข็มยาชาไว้ที่หัวลูกศรที่ผูกติดไว้แน่น จากนั้นชี้ทิศทางของธนูไปที่แมวด้านล่าง
“ฟิ้ว….”
ทันทีที่ลูกศรถูกยิง แมวที่อยู่ด้านล่างก็ดูเหมือนจะสัมผัสได้ถึงบางสิ่งบางอย่าง จึงเงยหน้าขึ้นมอง และกระโดดหลบลูกศรที่พุ่งเข้าหามันอย่างหวุดหวิด
“พลาด!”
มู่โหยวไม่มีเวลาถอนหายใจ เมื่อเห็นว่าโจมตีพลาด เขาก็ลุกขึ้นเหยียบคานราวบันไดทันที
กรรซ์
หลังจากที่แมวพบมู่โหยว มันก็เปลี่ยนกลับไปเป็นสัตว์ประหลาดที่ดุร้ายอย่างรวดเร็ว มันคำรามและพุ่งเข้าหาเขา และยังกระโดดออกจากราวกั้น ราวกับว่ามันต้องการจะกระแทกมู่โหยวขึ้นไปในอากาศ
เพียงแต่คราวนี้มู่โหยวจะไม่ถูกมันหลอกอีกต่อไป เมื่อรู้ว่าสัตว์ประหลาดถึงแม้จะโจมตีเขา แต่การเคลื่อนไหวของเขาจะไม่เปลี่ยนไปแม้แต่น้อย
แน่นอนว่า สัตว์ประหลาดสีฟ้าจะทะลุผ่านร่างกายของเขาไป โดยไม่ทำให้เขาได้รับบาดเจ็บแต่อย่างใด
มู่โหยวก้าวขึ้นไปบนราวกั้นบนชั้นสามได้สำเร็จ จากนั้นกระโดดเบา ๆ เข้าไปในทางเดิน และลงสู่พื้นอาคารอย่างราบรื่น
“เหมียว!”
และดูเหมือนว่าแมวกำลังรอโอกาสนี้อยู่ ทันทีที่มู่โหยวเท้าแตะพื้น มันก็เปิดการโจมตีจากความมืดที่อยู่ใกล้ๆ โดยกางกรงเล็บทั้งสองข้างของมัน และกัดตรงที่คอของเขา
มู่โหยวกลิ้งตัวไปที่จุดนั้น และรับการโจมตีของมันอย่างตั้งใจ และกรงเล็บของแมวก็ติดอยู่บนชุดป้องกันที่เขาใส่ไว้ก่อนหน้านี้ โดยไม่ได้สร้างความเสียหายใดๆ ในเวลาเดียวกัน มู่โหยวเอื้อมมือออกไปอย่างรวดเร็ว และคว้าต้นคอของแมว เตรียมที่จะปราบพยศมัน
ในที่สุด เจ้าแมวก็ว่องไวอย่างไม่คาดคิด มันส่งเสียงขู่และกลิ้งไปในอากาศ และหลุดออกจากมือของมู่โหยว หลังจากกลับสู่พื้นแล้ว มันก็ไม่กล้าต่อสู้กับมู่โหยวอีก แต่กระโดดเข้าไปในเงาของทางเดิน แล้วหนีไปในพริบตา
มู่โหยววิ่งตามหลังอย่างใกล้ชิด ยกธนูขึ้นเป็นครั้งคราวและยิงธนูใส่ แต่แมวก็หลบพวกมันทีละลูกเป็นรูปตัว S อย่างน่าทึ่ง
แน่นอนว่านี่เป็นผลมาจากความตั้งใจของมู่โหยวที่จะปล่อยลูกศรออกมาอย่างไม่ตั้งใจ จุดประสงค์ของเขาไม่ใช่การทำร้ายแมว แต่เพื่อเบี่ยงเบนความสนใจและเร่งการเคลื่อนไหวของมัน เพื่อที่มันเพิกเฉยต่อกับดักที่อยู่ข้างหน้าได้
ทั้งสองไล่ตามกัน จนผ่านมาถึงทางเดินบนชั้นสามอย่างรวดเร็ว
ขณะเดียวกันแมวก็เลี้ยวโค้งตรงมุมบันไดข้างหน้าและกำลังจะหนีลงไปชั้นล่าง
“กรั๊บบ!”
เสียงกับดักดังขึ้น ตามมาด้วยเสียงขู่อย่างบ้าคลั่ง
มู่โหยววิ่งไปดูกรงไม้แกะสลักที่พื้นสั่นอย่างรุนแรง แต่ไม่ว่าแมวจะดิ้นแค่ไหน มันก็ไม่สามารถหลุดออกจากกรงได้
เมื่อเขาเข้ามาดูใกล้ๆ มู่โหยวก็เห็นได้อย่างชัดเจนว่าแมวที่ถูกขังอยู่ในกรงจริงๆ แล้วเป็นแมวตัวผอม!
แมวลายเสือที่ได้สัดส่วนพอดี ลูกตาสีเหลืองทอง และลายตัว M บนหน้าผาก สายเลือดค่อนข้างบริสุทธิ์ และเเยกเขี้ยวให้กับมู่โหยว ดูเหมือนเจ้าแมวน้อยขี้โมโห
“เหมียว...แง่งง...ฟ่อ…”
จะเห็นได้ว่าเจ้าแมวน้อยกำลังตื่นตกใจมากตอนนี้ ทั้งถีบทั้งตีกรงอย่างบ้าคลั่ง ขณะที่ยังขู่มู่โหยวไม่ให้เข้าใกล้
“เดี๋ยวก่อน ไม่ต้องกลัว ฉันไม่ได้พยายามทำร้ายแก ฉันเป็นผู้เฝ้าดูที่คุยกับคุณในวันนั้น ฉันมาเพื่อช่วยคุณ…”
มู่โหยวใช้มือปิดตา เบนสายตาไปทางอื่น และพูดด้วยภาษาโปรทอสซึ่งเตรียมไว้ล่วงหน้า
ในระหว่างการต่อสู้ตอนนี้ เขาได้ค้นพบอย่างคลุมเครือว่าความสามารถแฝงของแมวตัวนี้ดูเหมือนว่าจะเปิดใช้งานเฉพาะเมื่อมีคนอื่นจ้องมองมัน กล่าวคือ ตราบใดที่มุมมองของเขาไม่ได้อยู่ตรงหน้าแมว ความสามารถแฝงของมันจะไม่แสดงผล
“เหมียวเหมียว?”
แมวน้อยแสนน่ารักตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็หยุดดิ้นรนกะทันหันและร้องเหมียวสองครั้งออกมา
อย่างไรก็ตาม เมื่อเสียงดังกล่าวดังไปถึงหูของมู่โหยว มันก็ไม่ใช่แมวเหมียวอีกต่อไป แต่เป็นคำพูดที่เขาเข้าใจได้
“เหมียว ผู้เฝ้าดูหรอ? ไร้สาระน่า เห็นได้ชัดว่าเจ้าเป็นคนโง่! ถึงแม้ว่าเจ้าจะเป็นคนนอกที่น่ารังเกียจ...แต่กลับสามารถพูดภาษาโปรทอสได้ เจ้าเป็นใครกันแน่”
“อืม?”
มู่โหยวตกใจยิ่งกว่าแมวน้อยตัวนี้ “นี่เจ้าพูดภาษาจีนได้ด้วยเหรอ?”
“เจ้ากำลังพูดถึงอะไร ข้าไม่รู้จักภาษาจีนอะไรนั่น นี่คือการสื่อสารทางจิต พวกเราาทุกตัวจะต้องได้รับการฝึกนี้ก่อน ก่อนจะถูกขายไปอยู่กับเจ้านายคนใหม่ เมื่อเรียนรู้สำเร็จก็สามารถสื่อสารกับสิ่งมีชีวิตอื่นได้โดยตรงผ่านจิตสำนึก” แมวน้อยแสนน่ารักร้องเหมียวอีกสองครั้ง