บทที่ 102: คำโกหก (5)
บทที่ 102: คำโกหก (5)
เวทมนตร์ดีบัฟประเภทไหนที่รอเราอยู่?
ไม่มีประโยชน์ที่จะกังวลเกี่ยวกับเรื่องนี้
ไปหาคำตอบกันเถอะ
“ทุกคน เตรียมจิตใจของตัวเองให้พร้อม ทันทีที่เราก้าวไป เราจะถูกโจมตีด้วยเวทมนตร์ดีบัฟ”
"อ่า เข้าใจแล้ว! ฉันหวังว่าคงไม่ใช่ [ยาพิษ] นะ ”
พวกเขาพยักหน้าด้วยคิ้วขมวด
ระหว่างนี้ปิเอลถามอย่างใจเย็น “มันเป็นเวทมนตร์ดีบัฟแบบไหน?”
คำตอบของฉันนั้นเรียบง่าย
"ฉันไม่รู้"
มันเป็นคำถามที่ไร้ประโยชน์
เวทมนตร์ดีบัฟที่ทางแยกที่สี่เป็นแบบสุ่ม
มันไม่มีกฎใดๆ
แม้จะเป็นคนที่คุ้นเคยกับเกมต้นฉบับ แต่ฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน
“เข้าใจแล้ว” ปิเอลพยักหน้าอย่างเงียบๆ
หลังจากเตือนทีมแล้ว มันก็ถึงเวลาที่จะก้าวไปข้างหน้า
‘ได้โปรดเป็น [ความเงียบ] …เป็น [ความเงียบ] ที!'
ฉันปรารถนาอย่างเงียบๆขณะที่ก้าวเข้าไปในทางแยกที่สี่
อย่างไรก็ตาม ความหวังของฉันไม่ได้เป็นจริง
อัตราการเต้นของหัวใจของฉันเพิ่มขึ้น และพลังกายของฉันเริ่มหมดไปอย่างรวดเร็ว
มันเป็น [พิษ] ที่มีศักยภาพมากกว่าทางแยกที่สามอีก
‘ฉันต้องรีบเอาสิ่งนี้ออกไปอย่างรวดเร็ว’
ฉันรีบร่าย [การลบล้างเวทย์มนต์] ใส่ตัวเอง
ตอนนี้ ฉันเหลือการใช้งานเพียงครั้งเดียว ซึ่งจะฟื้นกลับมาหลังจากผ่านไป 24 ชั่วโมงนับจากการใช้งานครั้งแรก
เมื่อฉันใช้มันเป็นครั้งแรกเมื่อไม่กี่ชั่วโมงที่ผ่านมา ฉันต้องรอประมาณ 22 ชั่วโมงเพื่อให้จำนวนการใช้งานทั้งสี่เติมจนเต็ม
ฉันต้องตัดสินใจว่าจะให้ [การลบล้างเวทมนตร์] ครั้งสุดท้ายกับใคร
เมื่อคิดเช่นนี้ ฉันก็สังเกตคนในทีม
"หืมม? นอกจากจะไม่สามารถใช้มานาได้แล้ว มันก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร? แต่มันก็ทำให้หายใจไม่ออกนิดหน่อย”
ทราวิสทุกข์ทรมานจาก [ความเงียบ]
จากนั้น เจาก็ผ่านมันมาได้
“อ่า อั่ก ฉันมองไม่เห็นอะไรตรงหน้าเลย มันมืดมาก......”
โมนิกาอยู่ภายใต้เวทย์ [ตาบอด]
เธออาจรู้สึกหายใจไม่ออกเพราะตาบอด แต่ก็ไม่ถึงตายเหมือนกับ [ยาพิษ]
“ไม่ ไม่ แซลลี่! ถ้าเธอไปหาเขาด้วย อ่า ไม่นะ.........!”
แอนดรูว์สะบัดแขน และน้ำตาของเขาก็ไหลอาบหน้า
...แอนดรูว์ดูเหมือนจะอยู่ในสถานะ [สับสน]
‘ถ้าเป็นแซลลี่ เธอน่าจะเป็นนักเรียนชั้นปีที่หนึ่งในแผนกอัศวิน’
แซลลี่ เป็นที่รู้จักกันดีในเรื่องความบริสุทธิ์ ของหญิงสาวชนบทที่ไร้เดียงสาและรอยยิ้มที่เปล่งประกาย ไม่ใช่นางเอกของเกมต้นฉบับ
อย่างไรก็ตาม ความนิยมของเธอในหมู่ผู้เล่นทำให้เธอเกือบจะเป็นฮีโร่ย่อยๆ
เธอมาจากภูมิหลังที่อ่อนน้อมถ่อมตนและมักจะทำงานนอกเวลา
อย่างไรก็ตาม [การลบล้างเวทมนตร์] ครั้งสุดท้ายควรใช้กับแอนดรูว์
สำหรับคนที่พิถีพิถันอย่างเขา ดีบัฟอย่าง [ความสับสน] อาจเป็นอันตรายอย่างยิ่ง
นี่เป็นเพราะการข้ามทางแยกนี้ไม่ได้บ่งบอกถึงความสำเร็จของดันเจี้ยน
เรายังต้องเอาชนะบอสดันเจี้ยน และแอนดรูว์มีบทบาทสำคัญในเรื่องนั้น
ด้วยเหตุนี้ ฉันจึงเดินไปหาแอนดรูว์ พลางเหลือบมองไปที่ปิเอล
ปิเอลหอบหายใจอย่างหนักหน่วง
เธอก็โดนสถานะ [ยาพิษ] เหมือนฉันด้วยเหรอ?
ฉันไม่มี [ยาแก้ดีบัฟ] หรือ [การลบล้างเวทมนตร์] เหลือแล้ว แต่ฉันต้องตรวจสอบอาการของเธอ
ในการเอาชนะบอส บทบาทของปิเอลนั้นสำคัญไม่แพ้กับของแอนดรูว์
ถ้ามันจำเป็น ฉันอาจต้องใช้เวทมนตร์ที่เก็บไว้ใน [ตลับเวทมนตร์]
‘ก่อนอื่น มาลบดีบัฟของแอนดรูกันก่อน’
ฉันคุกเข่าลงพร้อมกับร่าย [การลบล้างเวทมนตร์] ใส่แอนดรูว์ที่กำลังร้องไห้อย่างน่าสงสาร
ทันใดนั้น เสียงสะอื้นของเขาก็หยุดลง
“ฟิ้ววว…มันน่ากลัวจริงๆ ฉันติดค้างนายอยู่หนึ่งครั้งนะ ธีโอ”
แอนดรูว์ถอนหายใจออกมา
แต่…ทำไมเขาถึงดูเป็นแบบนั้น?
แม้จะพูดด้วยความขอบคุณ แต่แอนดรูว์ก็จ้องมองมาที่ฉันด้วยคิ้วขมวด
เสียงของฉันมีอาการระคายเคืองที่ผิดปกติ
"ทำไมนายมองฉันแบบนั้นล่ะ?"
“...มันไม่มีอะไรหรอก ธีโอ ฉันขอโทษ”
แอนดรูว์ก้มศีรษะลงเล็กน้อย
เขาต้องดิ้นรนกับ [ความสับสน] มาแน่ๆ
เนื่องจากตอนนี้แอนดรูว์เป็นเอซของทีมเรา ฉันควรจะเข้าใจเขาหน่อย
เมื่อปัญหาเร่งด่วนที่สุดได้รับการแก้ไขแล้ว ก็ถึงเวลาที่จะช่วยปิเอล
“โอเค แอนดรูว์ ดูแลตัวเองด้วยนะ”
ทันทีที่ฉันพูดแบบนั้น ฉันก็รีบเข้าไปหาปิเอล
ทันใดนั้นเอง
กร๊ากกกกก-
กร้าซซซ-
พื้นดินสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง และกำแพงหินเริ่มสูงขึ้นจากพื้น
สิ่งนี้ไม่มีอยู่ในเกมต้นฉบับ
… อาจเป็นเพราะความยากที่เพิ่มขึ้น
"เกิดอะไรขึ้น? มันเกิดบ้าอะไรขึ้นเนี่ย...!"
"อ๊าาาา-!"
ในไม่ช้าเสียงกรีดร้องของทราวิสและโมนิก้าก็ถูกตัดขาดลง
กำแพงหินที่สูงขึ้นไปถึงเพดาน ปิดกั้นเสียงใดๆก็ตามได้อย่างมีประสิทธิภาพ
เวรเอ๊ย
ฉันคิดอยุ่แล้วว่าทุกอย่างมันราบรื่นเกินไป
ฉันถอนหายใจและหันไปหาปิเอลซึ่งตอนนี้ติดอยู่กับฉันในพื้นที่เล็กๆนี้
—
...
—
“กับดักที่ไม่มีทางออก”
นั่นคือข้อสรุปของฉันหลังจากตรวจสอบสภาพแวดล้อมของเราด้วย [ดวงตาของผู้สังเกตการณ์] ที่เสริมพลังมาของฉันเป็นเวลาประมาณห้านาที
ใช่ ตอนนี้ทีมของเราถูกแบ่งออกแล้ว
ฉันไม่รู้เลยว่าเราจะติดอยู่ที่นี่นานแค่ไหน
'เวรเอ๊ย'
ตุบ ตุบ!
ฉันกระแทกกำแพงอย่างแรงด้วยหมัดของฉันด้วยความหงุดหงิด
แต่มันส่งผลให้ฉันเจ็บมือเท่านั้น
กำแพงหินมันแข็งแกร่งอย่างไม่น่าเชื่อ
ถ้ามันแข็งขนาดนี้…แม้แต่ลูกไฟที่ทรงพลังที่สุดของแอนดรูว์ก็อาจจะทำได้แค่ข่วนมันเท่านั้น
เมื่อไม่มีตัวเลือกอื่น มันดูเหมือนว่าเราจะต้องรอจนกว่ากำแพงหินจะหายไปเอง
เนื่องจากนี่เป็นดันเจี้ยนระดับต่ำ กำแพงควรจะหายไปภายในไม่กี่ชั่วโมงเป็นอย่างมาก
ในขณะที่คิดเช่นนี้ สายตาของฉันก็จ้องไปที่ปิเอลซึ่งติดอยู่ในพื้นที่เดียวกัน
ปิเอลยังคงคุกเข่าอยู่ ศีรษะของเธอก้มลงลึก
เธอดูเหมือนจะมีปัญหากับบางสิ่งบางอย่าง ลมหายใจของเธอหนักมาก─
"· · · · · ·ฮ่าา ฮ่า ฮ่าาา..."
ไม่
เธอหอบหายใจ
'มีบางอย่างแปลกๆ'
ตอนแรกฉันคิดว่าเธอกำลังทุกข์ทรมานจาก [ยาพิษ] แต่อาการของเธอดูเหมือนจะแตกต่างออกไป
แก้มของปิเอลเป็นสีแดงสด แดงก่ำด้วยความร้อน และร่างกายของเธอเปียกโชกไปด้วยเหงื่อ
เหงื่อไหลย้อยลงมาที่คอสีกาแฟซีดๆของเธออย่างต่อเนื่อง
'หรือว่ามันจะเป็น…'
[ความร้อน] รึเปล่า?
จากทุกคน มันต้องเป็นปิเอลแน่ๆ
‘ฉันต้องใช้ [ตลับเวทมนตร์ ] แล้ว'
แน่นอนว่า [ตลับเวทมนตร์] มีคาถาฟื้นฟู [รักษา]
ฉันไม่แน่ใจว่ามันจะช่วยบรรเทาอาการของปิเอลได้หรือไม่ แต่…แม้ว่ามันจะทำให้มานาของฉันหมดไป ฉันก็จำเป็นต้องช่วยเธอให้ฟื้นตัว
มันเป็นสิ่งสำคัญสำหรับการต่อสู้กับบอสที่กำลังจะมาถึง
ในตอนท้ายของทางแยกนี้ มันจะมีประตูบานใหญ่อยู่ด้านหลัง ซึ่งเป็นที่อยู่ของบอสดันเจี้ยน
ดันเจี้ยนนี้ถูกจัดประเภทเป็นดันเจี้ยนประเภทผี
เราไม่เคยเจอผีมาก่อน แต่มันได้รับการจัดประเภทแบบนี้เนื่องจากบอสประเภทผี
ดาบธรรมดาอย่างดาบยาวไม่สามารถสร้างความเสียหายให้กับมอนสเตอร์ประเภทผีได้
นี่คือสิ่งที่ทำให้มอนสเตอร์ประเภทผีน่ารำคาญ
สิ่งต่างๆอาจแตกต่างออกไปหากเราสามารถเคลือบมานารอบอาวุธของเราได้
แน่นอนว่า เนื่องจากมานาของฉันอยู่ที่ศูนย์ แอนดรูว์และปีลจึงเป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้
ใน ‘ไคเรน เซน่า’ แตกต่างจากงานอื่นๆที่มี ‘ออร่าเบลด‘ หรือ 'ปรมาจารย์ดาบ’ สามารถใส่มานาลงในอาวุธในลักษณะที่ควบคุมได้ซึ่งแสดงว่าคุณเป็นอัจฉริยะ
ในความเป็นจริงในบรรดานักเรียนชั้นปีที่หนึ่งของแผนกฮีโร่ มีเพียงนีกี้และปิเอลเท่านั้นที่สามารถทำสิ่งนี้ได้
อย่างไรก็ตาม งานกระทันหันที่อยู่ในมือ คือการรักษาปิเอลจากสภาพปัจจุบันของเธอ ซึ่งมันมีลักษณะใกล้เคียงกับการอยู่ในดีบัฟ [ความร้อน]
ด้วยความคิดนี้ ฉันจึงเข้าหาปิเอล─
“...ยะ อย่าเข้ามา หุ...ฮ่าาาา”
เธอยกมือขึ้น ทำท่าทางให้ฉันหยุด
ฉันยืนอยู่ตรงหน้าปิเอล และพูดอย่างใจเย็น
"เธอพูดถึงเรื่องอะไร? เห็นได้ชัดว่าเธอกำลังเจ็บปวด”
ฉันยังใหม่กับการควบคุมเวทย์มนตร์
แม้ว่าจะเป็นไปได้ที่จะใช้ [รักษา] จากระยะหนึ่งจากเป้าหมาย แต่โดยปกติแล้วจะสงวนไว้สำหรับผู้ปฏิบัติงานที่มีประสบการณ์
มีความเสี่ยงที่คาถาจะพลาดได้
โดยธรรมชาติแล้ว ฉันจะสูญเสียมานาแม้ว่าคาถาจะล้มเหลว
ในประสบการณ์การเล่นเกมของฉัน ฉันได้ร่ายคาถานับไม่ถ้วน แต่ความเป็นจริงนั้นแตกต่างออกไป
ขณะที่ฉันกำลังจะวางมือลงบนไหล่ของปิเอลอีกครั้ง─
“ยะ อย่ามาแตะต้องตัวฉัน! ฮ่าาาา ฮ่าาาา·····.”
เธอกรีดร้องและตบมือฉันอย่างแรง
ในขณะที่เธอไม่สามารถเงยหน้าขึ้นได้ เธอก็หอบและพูดเป็นช่วงๆ
“······.”
ฉันขมวดคิ้ว ก้มลงมองเธอ
ความหงุดหงิดผุดขึ้นมาในตัวฉัน
ฉันไม่สามารถพูดได้อย่างแน่นอนว่าการประสบกับ [ความร้อน] จะรู้สึกอย่างไรในความเป็นจริง แต่แน่นอนว่าเราควรทำให้เธอได้รับการรักษาโดยเร็วที่สุด
“หยุดพูดเรื่องไร้สาระได้แล้ว ปีเอล เธอดูไม่ดีเลยนะ ในฐานะสมาชิกหลักของทีมเรา เราต้องรักษาเธอโดยเร็ว”
ขณะที่ฉันพูดความคิดออกมา ฉันก็วางมือลงบนไหล่ของปิเอลอย่างนุ่มนวล
เธอตึงเครียดภายใต้สัมผัสของฉัน แต่ก็ไม่ปฏิเสธมันในครั้งนี้
“พยายามอดทนสักนิดนะ ปิเอล”
ขณะที่ฉันกำลังจะร่าย [รักษา] ใส่ปิเอล─
"ไม่"
ปิเอลพึมพำด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา
จากนั้นเธอก็เงยหน้าขึ้น
แก้มของเธอแดงก่ำไปด้วยเหงื่อ
ดวงตาของเธอสั่นไหว บอกใบ้ถึงความไม่สบายใจของเธอ
เธอไม่ได้อยู่ในสภาพที่ดีเลย
แต่ปีลจ้องมาที่ฉันด้วยดวงตาที่แจ่มใสและพูดต่อ
“...ฉันทนไม่ไหวแล้ว นายเป็นคนเริ่มเอง ใช่ไหม......?”