ตอนที่ 64 ข่าวจากแดนไกล
ในวันรุ่งขึ้นแสงแดดสาดส่องเข้ามาภายในรถม้าของกรีมัวร์ในเวลาเกือบหกโมงเช้า เธอตื่นนอนก่อนหน้านั้นนานแล้ว แต่ไม่ได้ตั้งใจจะออกไปสูดอากาศหรือทักทายออสบอร์นที่อยู่ในกระท่อม
เมื่อคืนที่ผ่านมาหญิงชรานอนอยู่ในรถม้าที่แสนสะดวกสบายของเธอ และไม่ได้รบกวนพ่อมดเฒ่ามากนัก
นีลล์ผู้เป็นลูกศิษย์หายไปตั้งแต่เมื่อคืน คาดว่าเขาคงไปนอนกับโรอาที่กระท่อมหลังเก่า ทั้งสองคนนัhนสนิทสนมกันได้อย่างรวดเร็ว เรื่องนี้กรีมัวร์ไม่ได้กังวลเลย ความสัมพันธ์ของเธอกับออสบอร์นควรเรียกได้ว่าเพื่อนสนิทคนหนึ่ง การที่เด็กหนุ่มสองคนสามารถปรับตัวเข้าหากันได้จึงเป็นเรื่องที่ดี
นี่เป็นครั้งแรกที่กรีมัวร์ได้เข้ามาในอาณาเขตกระท่อมของออสบอร์น ในวินาทีแรกที่หล่อนสังเกตได้ถึงพลังเวทย์ที่หนาแน่นมาก มันมากเพียงพอที่จะปลุกสติปัญญาของสัตว์ที่มีสติปัญญาต่ำทุกตัวภายในห้าปี แม้สติปัญญาที่ปลุกได้จะไม่สูงไปกว่าเด็กห้าขวบก็ตาม แต่มันก็น่าอัศจรรย์มากแล้ว
ต่อมาคืออำนาจกดขี่ของผู้ทรงพลัง ซึ่งหล่อนสัมผัสได้จากด้านหลังกระท่อมของออสบอร์น ไม่ว่าสิ่งมีชีวิตตัวนั้นจะเป็นอะไรก็ตามมันควรอยู่ในระดับตำนานเป็นอย่างน้อย จิตสัมผัสส่วนหนึ่งของเธอบอกได้ว่าพลังของสิ่งนั้นกวาดผ่านมาที่ตัวเธอกับนีลล์อยู่ครู่หนึ่งก่อนจะหายไปในทันทีเมื่อพบกับออสบอร์นที่ยืนอยู่ด้านข้าง บ่งบอกได้ว่ามันเคารพออสบอร์นมาก สถานะจึงควรเป็นมิตรไม่ใช่ศัตรู
กรีมัวร์ยังเห็นมังกรสีขาวตัวใหญ่ที่คุ้นเคยบินหายลับไปด้านหลังกระท่อม แต่เป็นคนละทิศทางกับต้นกำเนิดของพลังระดับตำนานตัวเดิม พวกมันไม่ก้าวก่ายดินแดนของกันและกัน ช่างน่าประทับใจ
หญิงชราไม่รู้ว่าออสบอร์นเป็นใครกันแน่ถึงได้มีตัวตนระดับตำนานมากมายอยู่รอบตัวเขา บางทีความกังวลของอาณาจักรวอร์ล็อคต่อพ่อมดสีเงินควรเป็นเรื่องที่ถูกต้อง
"คุณตื่นนานแล้ว?"
กรีมัวร์เดินมาด้านหน้ากระท่อมของออสบอร์น บนระเบียงมีร่างของชายชราในชุดคลุมสีเทากำลังนั่งจิบชาและอ่านหนังสืออยู่ หล่อนเดินมานั่งด้านตรงข้ามของเขา และรินชาให้ตัวเองหนึ่งแก้ว แน่นอนว่าเป็นแก้วที่เธอนำออกมาจากแหวนเก็บของเอง เพราะว่าแก้วของออสบอร์นเหมือนว่าจะมีเพียงใบเดียวและมันก็เก่ามาก
"เราทานอาหารเช้ากันก่อน และค่อยออกเดินทาง"
พ่อมดวางหนังสือในมือลง ก่อนจะเดินเข้าในในกระท่อมและกลับออกมาพร้อมมันต้มสองหัว ซุปแครอทกับหัวหอมอีกสองถ้วย ตอนแรกหญิงชราไม่ชินกับอาหารที่ไม่ได้ปลุงโดยเนื้อสัตว์ แต่หลังจากชิมไปคำหนึ่งเธอก็กินจนหมดภายในเวลาเพียงครู่เดียว
ออสบอร์นที่นั่งฝั่งตรงข้ามยิ้มออกมา นี่คือความสุขของคนทำอาหารอย่างแท้จริง
"คุณมีฝีมืออยู่บ้าง"
"เด็กๆไปไหน?"
หญิงชราเอ่ยชมก่อนจะมองไปยังกระท่อมอีกหลังที่เงียบผิดปกติ
"พวกเขาออกไปเดินเล่น มังกรเป็นสิ่งที่แปลกใหม่ เด็กๆอดที่จะเรียนรู้พวกมันไม่ได้"
"จะไม่เป็นอันตรายหรือ? ออสบอร์น นั่นคือมังกรระดับตำนาน"
หญิงชรารู้สึกกังวลขึ้นมา นี่คือความรู้สึกของเพศแม่ทุกคน ห่วงใยและเมตตา
"เอสคาร์ลอสเป็นคนดี เขาจะไม่ทำอะไรเด็กๆเพียงเพราะว่ารำคาญหรือโมโห"
"ตกลง ถ้าคุณพูดเช่นนั้น"
กรีมัวร์ไว้ใจออสบอร์นมาก
"ว่าแต่ชายคนนั้น...เขาชื่ออะไรนะ?"
พ่อมดเฒ่านึกได้ว่ากรีมัวร์จับเจ้าหน้าที่ของวอร์บัสมาคนหนึ่ง
"เนลสัน จะทำอย่างไรกับเขาดี?"
หญิงชราไม่คิดที่จะเก็บชายคนนี้ไว้ใกล้ตัว หล่อนคิดว่าออสบอร์นอาจมีแผนการอื่นสำหรับเขา
"อืม...ผมขาดคนรับใช้พอดี เอาไว้ที่นี่เถอะ"
ออสบอร์นกลัวว่าถ้าเขาปล่อยชายคนนี้ไป กรีมัวร์จะสังหารเขาทันที มีแต่วิธีนี้เท่านั้นที่จะยืดชีวิตของเขาได้อีกหน่อย หากเนลสันไม่เล่นอะไรตุกติกอีกในอนาคตล่ะนะ
"ได้ ฉันจะทำให้แน่ใจว่า เขาจะไม่สร้างปัญหาให้คุณ"
ในใจของหญิงชราตอนนี้กำลังคิดถึงเวทมนตร์คาถามากมายที่ใช้ควบคุมผู้คนให้เป็นทาส เพราะเมื่อดูจากสภาพกระท่อมและความเป็นอยู่ของออสบอร์นแล้ว เขาก็จำเป็นต้องมีข้ารับใช้จริงๆนั่นแหละ
พ่อมดเฒ่ายากจนเกินไป
"ตกลง หลังจากเรากลับมาจากเฮอราบอส คุณก็ส่งข่าวของผมไปให้อาณาจักรวอร์ล็อคได้เลย แต่ตอนนี้ก่อนที่เราจะเดินทางกันผมขอออกไปทำธุระอะไรสักหน่อย"
ออสบอร์นยิ้มให้หญิงชรา ก่อนจะเดินออกไปทางด้านหลังกระท่อม เบื้องหน้าของเขาปรากฎหน้าต่างระบบขึ้นมา ถึงเวลาอัญเชิญผู้พิทักษ์คนที่สองแล้ว!
เบื้องหน้าของบาทหลวงชุดขาวตอนนี้มีหน้ากระดาษสีเหลียงซีดอยู่หนึ่งแผ่น ในสายตาของมนุษย์ธรรมดาพวกเขาจะนึกไปว่ามันไม่ต่างอะไรกับกระดาษเก่าทั่วไปที่อาจพบเห็นได้ในตำราโบราณของยุคกลาง แต่แท้จริงแล้วมันเป็นวัตถุเวทมนตร์ประเภทหนึ่งที่มีพลังพิเศษหายาก
การส่งข่าว
กระดาษแผ่นนี้เป็นส่วนหนึ่งของสมุดบันทึกโบราณที่กลืนกินพลังส่วนหนึ่งของเทพเจ้าลงไป มันมีทั้งหมดสามสิบหกแผ่นแต่ละแผ่นมีขนาดกว้างแปดนิ้วยาวสิบห้านิ้ว ตราบใดที่มีผู้เขียนบางอย่างลงไปในกระดาษแผ่นใดแผ่นหนึ่ง กระดาษที่เหลือก็จะปรากฎข้อความอย่างเดียวกันขึ้นมา
นี่คือสมบัติระดับสูงของศาสนจักร พวกเขาตั้งชื่อมันว่า"สมุดบันทึกของอมานีม็อบ"หรือ"แผ่นกระดาษของอมานีม็อบ"นามแห่งเทพเจ้าผู้ควบคุมปากกาและน้ำหมึกหลากสี
"บันทึกข้อความลงไปทั้งหมด เพิ่มแสงไฟอีกนิด"
บาทหลวงชุดขาวผลักแผ่นกระดาษไปที่เบื้องหน้าของสังฆานุกรหนุ่ม ข้อความในแผ่นกระดาษวิเศษจะคงอยู่ต่อไปอีกสิบห้านาทีตราบใดที่ผู้ส่งข่าวยังไม่ลบข้อความหรือมีคนเขียนข้อความลงไปใหม่ในกระดาษแผ่นใดแผ่นหนึ่ง
ดังนั้นหลังจากข้อความปรากฎขึ้นแล้ว ต้องมีการคัดลอกสำเนาลงไปทันที
สังฆานุกรที่คาดว่าอายุยังไม่เกินยี่สิบปีเต็ม รับแผ่นกระดาษมาตรวจดูครู่หนึ่ง ก่อนจะค่อยๆคัดลอกมันลงไป นี่คือหน้าที่ประจำของเขานอกจากการติดตามบาทหลวงชุดขาว
แต่เมื่อสังฆานุกรหนุ่มยิ่งอ่านเนื้อหาในแผ่นกระดาษของอมานีม็อบมากเท่าไหร่ เขาก็ยิ่งประหลาดใจมากเท่านั้น ความรู้สึกลึกๆกำลังบอกเขาว่าเนื้อหาในนี้คือเหตุการณ์สำคัญที่สามารถสะเทือนมหาทวีปได้
"พระอัยกาขอรับ ท่านออฟตัสขอเข้าเฝ้า"
สังฆานุกรอีกนายหนึ่งเดินเข้า บาทหลวงชุดขาวไม่เอ่ยอะไรเขาแค่พยักหน้าให้ ก่อนที่สังฆานุกรจะจากไป
ครู่เดียว ออฟตัส ข้าหลวงใหญ่ผู้ควบคุมสำนักงานสังฆการีแห่งรัสเซลก็เดินเข้ามา
"หลวงพ่อ"
ออฟตัสก้มลงจูบไปที่แหวนทองคำบนนิ้วนางข้างขวาของบาทหลวงชุดขาวอย่างนอบน้อม บาทหลวงคนนี้คือพระอัยกาโจเซฟ พระอัครมหาสังฆราชเจ้าแห่งรัสเซล
"ลูกพ่อ เมื่อวานเจ้าทะเลาะกับแอดเลอร์อีกแล้ว ไม่ดีเลย"
พระอัยกาโจเซฟเอ่นด้วยน้ำเสียงอ่อนนุ่มกินใจ
"เขามาฟ้องท่าน?"
ออฟตัสเลิกคิ้วขึ้นทันที
"แอดเลอร์บ้าอำนาจเข้าไปทุกวัน ข้าใกล้จะอดทนกับเขาไม่ได้แล้ว ในใจข้าทราบดีว่าแอดเลอร์ไม่ยอมปล่อยเจไมนัลไปแน่ ไม่ช้าก็เร็วรัสเซลคงเกิดสงครามภายใน"
พระอัยกาโจเซฟไม่ได้แสดงความคิดเห็นอะไรกับคำพูดของออฟตัสมากนัก แต่กลับเดินไปที่โต๊ะเขียนหนังสือของสังฆานุกรแทน
"ครั้งก่อนที่เจ้ามา ข้าแจ้งไปแล้วว่า อามัวร์ ก็อน กำลังเดินทางมาที่นี่พร้อมทหารหนึ่งแสนนาย สงครามจำเป็นต้องเกิดขึ้น สมเด็จพระสันตะปาปาต้องการให้เราใช้โอกาสนี้ควบคุมรัสเซลเอาไว้ทั้งหมด ลูกเอ๋ย เจ้าต้องอดทนกับเขาไปอีกพักหนึ่ง"
ออฟตัสรู้เรื่องที่อามัวร์หนีทัพจากวอร์บัสจากพระอัยกาโจเซฟนานแล้ว แต่พวกเขาเลือกที่จะเงียบเอาไว้ ไม่ได้แจ้งข่าวนี้แก่สภาขุนนาง
"แต่หลวงพ่อ ชาวเมืองอีกมากจะต้องเดือดร้อนจากสงคราม ข้า..."
ข้าหลวงเฒ่าเลือกที่จะไม่พูดจนจบ เขาเข้าใจเจตนาของเฮอราบอสดี เจไมนัลถูกตัดสินให้ต้องตายเท่านั้น และทหารกับประชาชนอีกนับไม่ถ้วนจะต้องร่วมฝังไปกับเขาด้วย
พระอัยกาโจเซฟเงียบไปพักหนึ่ง เขาหยิบเอาแผ่นกระดาษของอมานีม็อบขึ้นมา โบกมือให้สังฆานุกรหยุดคัดลอกและเรียกออฟตัสให้เข้ามาอ่านมัน
"พ่อมดระดับตำนานปรากฎตัวที่วอร์บัสแล้ว นี่เป็นนิมิตหมายว่าเหล่าเทพเจ้าในดินแดนต้นกำเนิดกำลังฟื้นอำนาจและต้องการเข้าควบคุมมหาทวีปอีกครั้ง ลูกข้า เราจะรอให้วันนั้นมาถึงไม่ได้ ไม่เช่นนั้นศาสนจักรแห่งแสงจะไม่มีทียืนในมหาทวีปอีก สมเด็จพระสันตะปาปาจำเป็นต้องทำเช่นนี้ เข้าควบคุมมหาทวีปให้ได้ก่อนที่เหล่าทวยเทพจะประกาศศาสนาใหม่อีกครั้ง อ่านนี่สิ"
ออฟตัสก้มลงอ่านข้อความในแผ่นกระดาษอย่างรวดเร็วก่อนที่สีหน้าจะเปลี่ยนเป็นตื่นตะลึง
พ่อมด มังกร และวิญญาณจอมเวทย์ชั่วร้ายระดับตำนานสามคน ร่วมกันถล่มค่ายทหารรัสเซลในวอร์บัสจนราบคาบ สังหารมาดามลูน่าแห่งออซ เผาเรือเหาะสังหารเทพสิบกว่าลำ พระอัยกาไนซ์ลอฟบาดเจ็บหนักยังไม่ฟื้นคืนสติจนถึงตอนนี้!
"เจ้าก็รู้ว่าพ่อมดระดับตำนานไม่มีอยู่แล้วในยุคนี้ เขาต้องเป็นคนที่ดินแดนต้นกำเนิดส่งมา ในตอนนั้นสมเด็นพระสันตะปาปาอ้างว่าได้รับนิมิตจากพระผู้เป็นเจ้าข้ายังกังขาอยู่บ้าง แต่เมื่อมีเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นข้าเชื่อว่าเฮอราบอสต้องรีบควบคุมมหาทวีปโดยเร็วตามที่สมเด็จพระสันตะปาปาคาดหวัง ลูกเอ๋ย รัสเซลต้องเปลี่ยนแปลงเดี๋ยวนี้ ไม่เช่นนั้นเมื่อรอให้เหล่าทวยเทพมากมายพากันเสด็จลงมาที่นี่และเมื่อถึงตอนนั้นรัสเซลจะไม่เป็นรัสเซลอีกต่อไป"
ข้าหลวงเฒ่าถอนหายใจหนัก เขามองแผ่นกระดาษคืนพระอัยกาโจเซฟ และไม่ได้พูดอะไรอีกจนเวลาผ่านไปพักหนึ่ง ก็เปลี่ยนท่าทางเปผ้นขึงขังตามเดิมเหมือนว่าเขาจะคิดจนตกแล้ว
เหล่าเทพเจ้ามีทั้งดีและชั่ว รัสเซลต้องการกำลังของเฮอราบอสเพื่อปกป้องดินแดนในช่วงเวลาแห่งความโกลาหลที่กำลังจะเกิดขึ้น
"แผนของเราคืออะไร?"
"ลูกไม่ต้องทำสิ่งใด เพียงสนับสนุนแอดเลอร์ต่อไปก็พอ พ่อได้เตรียมทุกอย่างไว้พร้อมแล้ว"
นักบวชชุดขาวมองไปที่ขุนนางชราด้วยใบหน้ายิ้มแย้มเหมือนมองเด็กน้อยด้วยความรักและเมตตา
"ตกลง ข้าขอตัวก่อนหลวงพ่อ"
ออฟตัสเดินออกไปด้านนอก ในขณะที่เบื้องหลังมีสายตาสดใสของบาทหลวงเฒ่ามองไปจนลับตา