MDB ตอนที่ 379 เคล็ดวิชาขั้นสูง จำแลงกายา
เมื่อพูดถึงเรื่องแปลกประหลาด ทันทีที่เลือดหยดนี้ตกลงไปในสระ สิ่งที่เคยเป็นสีแดงอ่อนของน้ำก็เปลี่ยนเป็นสีแดงเข้มราวกับว่ามันเป็นสระเลือดจริง ๆ
หยางฉิงซื่อร่ายคาถาหลายชุด และสระเลือดก็เริ่มเดือดพล่าน แขนขาที่ขาดและส่วนหัวของศพอาจทำให้ผิวน้ำกระจายออก
เมื่อเสียงร่ายคาถาของเขาดังขึ้น การเคลื่อนไหวของน้ำนองเลือดก็เริ่มปั่นป่วนมากขึ้นราวกับว่ามีบางอย่างลอยขึ้นมาจากส่วนลึก
เมื่อถึงจุดหนึ่ง พระจันทร์สีซีดเหนือศีรษะก็กลายเป็นสีแดงเข้ม
ปรากฏการณ์นี้สังเกตเห็นได้ทันทีโดยทหารรักษาเมืองที่ยังคงออกค้นหาทั่วเมืองหลวง เมื่อสังเกตอย่างใกล้ชิด พวกเขาค้นพบว่าเมฆหมอกสีแดงเข้มค่อย ๆ ลอยขึ้นมาจากพื้นดิน ทำให้แสงจันทร์กลายเป็นสีแดงเลือด
“ท่านแม่ทัพ ดูนั่นสิขอรับ!”
ทันใดนั้นทหารคนหนึ่งก็พบต้นตอของปรากฏการณ์ประหลาดนี้ มันมาจากคฤหาสน์ข้างหน้า
แม่ทัพเฟิงมวดคิ้วทันทีเมื่อเห็นเหตุการณ์นั้น
“ลองไปดูกันเถอะ”
ทหารรักษาเมืองหลายร้อยรายรีบวิ่งข้างหน้าทันที
“นั่นคือคฤหาสน์ของขุนนางโจว!” แม่ทัพเฟิงค่อนข้างรู้เกี่ยวกับที่พักอาศัยของขุนนางในวัง
“เคาะประตูบ้านพวกเขาซะ”
เขาสั่งและทหารคนหนึ่งก็ปฏิบัติตาม
แต่ไม่ว่าจะเคาะเท่าไรก็ไม่มีใครตอบรับ
“มันต้องเกิดเรื่องข้างในแน่!” แม่ทัพเฟิงส่งสัญญาณให้กับผู้กองทางสายตา ทางผู้กองเข้าใจในทันที เขาจึงสั่งให้ทหารรักษาเมืองสองคนที่ว่องไวกระโดดข้ามกำแพงเพื่อตรวจสอบสิ่งที่เกิดขึ้นภายใน
ผ่านไปครู่ใหญ่หลังจากที่ทหารทั้งสองนายเข้าไปข้างใน ตอนแรกดูเหมือนจะไม่มีอะไรเกิดขึ้น แต่ทันใดนั้น พวกเขาก็ได้ยินเสียงกรีดร้องดังลั่นจากข้างใน
“พังประตู! พังประตูเร็วเข้า!” แม่ทัพเฟิงรู้ว่ามีบางอย่างร้ายแรงทันทีที่เขาได้ยินเสียงกรีดร้อง แม้ว่าที่นี่จะเป็นเขตพระราชวัง แต่พวกเขาก็ไม่มีทางเลือกอื่น
*ปัง!*
หลังจากเสียงดังปัง ประตูไม้ก็เปิดออก พร้อมด้วยสัตว์เลี้ยงของพวกเขา ทหารรักษาเมืองติดอาวุธก็หลั่งไหลเข้าไปในลานบ้าน ทันใดนั้น กลิ่นคาวเลือดก็ลอยโชยมาหาพวกเขา
“ท่านแม่ทัพ เราควรแจ้งผู้ประเมินหลินเกี่ยวกับเรื่องนี้ดีมั้ยขอรับ?” ผู้กองถามอย่างเงียบ ๆ
หลังจากใช้เวลาคิดเงียบ ๆ อยู่ครู่หนึ่ง แม่ทัพเฟิงก็พยักหน้า เขาเป็นหนึ่งในไม่กี่คนที่ได้เห็นขุมพลังของหลินจินในระหว่างการสู้รบที่วิหารมังกรหยก การมีผู้ประเมินหลินคอยช่วยเหลือในสถานการณ์ที่ไม่ปกตินี้ มันจะช่วยให้เขาอุ่นใจได้มากขึ้น
ทหารคนหนึ่งขึ้นหลังม้าทันทีเพื่อส่งข้อความ
จากนั้น กองทหารก็เริ่มค้นหาคฤหาสน์ของขุนนางโจว แต่ไม่เจอใครเลย เจอแต่แอ่งเลือดกระจายไปทั่วคฤหาสน์
พวกเขาไม่พบอะไรเลยจนกระทั่งมาถึงสวนด้านหลัง
กองทหารที่ไปสอบสวนก็ตกตะลึงกับฉากตรงหน้าทันที
สหายคนหนึ่งของพวกเขาที่เคยปีนกำแพงก่อนหน้านี้ตอนนี้กลายเป็นศพแห้งไปแล้ว อีกคนหนึ่งถูกจับโดยชายร่างใหญ่ซึ่งมีเลือดปกคลุมตั้งแต่หัวจรดเท้า สัตว์ประหลาดเปื้อนเลือดกัดคอของเขาและค่อย ๆ ดูดเลือดของทหารออกไปอย่างช้า ๆ
เสียงกรีดร้องจากก่อนหน้านี้มาจากชายคนนี้
ที่แย่กว่านั้นคือทหารคนนี้เป็นหนึ่งในหน่วยที่เก่งที่สุด ดาบเหล็กของเขาแทงลึกเข้าไปในร่างของสัตว์ประหลาด แต่ดูเหมือนว่าจะทำอะไรอีกฝ่ายไม่ได้ แม้ว่ากองทัพจะปรากฏตัวขึ้น แต่เขาก็ยังคงไม่สะทกสะท้าน ความสนใจของเขาคือการดูดเลือดของทหารเท่านั้น
สหายของเขาหลายคนหน้าซีดเมื่อเห็นการจากไปอย่างช้า ๆ และเจ็บปวดของเขา ในขณะนั้นไม่มีใครกล้าขยับกล้ามเนื้อแม้แต่มัดเดียว
หลังจากที่เขาดูดเลือดจนหมดแล้ว ชายร่างยักษ์ก็โยนศพของทหารทิ้งไปราวกับเศษขยะ
ตอนแรกมันมีปากใหญ่เพียงอันเดียวบนหัว จากนั้น ลักษณะใบหน้าก็เริ่มปรากฏบนใบหน้าของสัตว์ประหลาด
แม่ทัพเฟิงเดินมาทันเวลาเพื่อดูเหตุการณ์นี้
“สัตว์ประหลาดตัวนั้น มันมาจากไหนกัน!?”
แม้แต่แม่ทัพเฟิงที่รอบรู้ก็ยังจ้องมองสัตว์ประหลาดข้างหน้าอย่างไม่เชื่อสายตา
แม้ว่ามันจะมีรูปร่างเป็นมนุษย์ แต่ก็มีกรงเล็บและหางของสัตว์ร้าย ภายนอกปกคลุมไปด้วยเกล็ดหนา สิ่งเดียวที่คงความเป็นมนุษย์ไว้คือใบหน้าของมัน ซึ่งเป็นใบหน้าของมนุษย์ มันตัวใหญ่ สูงกว่าคนทั่วไปประมาณสองฟุต
“ยิงธนู!”
เมื่อตระหนักว่าตัวประหลาดตรงหน้าเป็นศัตรู แม่ทัพเฟิงจึงตัดสินใจสังหารอีกฝ่ายก่อน แล้วค่อยตรวจสอบทีหลัง
ตามคำสั่งของเขา นักธนูก็บรรจุลูกธนูทันที
ธนูทหารมีน้ำหนักสูง ยิ่งดึงแรงมากเท่าใด ความเร็วที่ลูกธนูเคลื่อนที่ก็จะยิ่งสูงขึ้นเท่านั้น ด้วยระยะใกล้เช่นนี้ ประกอบกับหัวลูกศรที่แหบมคมซึ่งหลอมจากวัสดุพิเศษ พวกมันก็สามารถเจาะทะลุเหล็กได้อย่างง่ายดาย
เพียงอึดใจ ลูกธนูก็ตกลงมาใส่สัตว์ประหลาดเปื้อนเลือดโดยไร้ซึ่งที่กำบัง
แน่นอนว่าลูกธนูทั้งหมดพุ่งเข้าใส่เป้าหมาย และฝังลึกเข้าไปในร่างของสัตว์ประหลาดเปื้อนเลือดตัวนั้น อย่างไรก็ตาม ราวกับว่ามันไม่รู้สึกเจ็บปวด มันหัวเราะและพูดว่า
“ลูกศิษย์ของข้า ไม่คิดเลยว่าเจ้าจะคาถาต้องห้ามนี้จริง ๆ เพื่อเรียกร่างจำแลงของข้ามาช่วยเจ้า ดีมาก ฉันจะช่วยเจ้าเอง! ฮ่าฮ่าฮ่า! ผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในเมืองหลวงของอาณาจักรมังกรหยกคือมังกรเฒ่าที่ไม่ยอมตาย
นอกจากนั้น ไม่มีสัตว์วิเศษระดับสี่ตัวอื่นใดที่คู่ควรกับการเป็นคู่ต่อสู้ของข้า! แต่ถึงแม้มังกรเฒ่าตัวนั้นจะปรากฏขึ้นตอนนี้ มันก็ไร้ความหมาย! อันที่จริงฉันไม่รังเกียจที่จะส่งเขาไปสู่ความตายด้วยซ้ำ”
พูดจบเขาก็โจมตีทหารที่อยู่ใกล้เขาที่สุด การโจมตีของเขารวดเร็วมากจนไม่มีใครสามารถโต้ตอบได้ทันเวลา หลายคนถูกทุบตายในทันที
เลือดกระเซ็นไปทั่ว และสระน้ำที่แห้งแล้งก็ค่อย ๆ กลับมาเต็มอีกครั้ง
ดูเหมือนจะไม่มีใครสังเกตเห็นกระแสเลือดบาง ๆ ที่เชื่อมก้นสระกับร่างกายของสัตว์ประหลาดเปื้อนเลือดตัวนี้
ในขณะเดียวกัน หลินจินกำลังวิ่งไปคฤหาสน์ตระกูลโจว
ผู้ประเมินอีกหลายคนจากสำนักงานใหญ่ตัดสินใจมากับเขา รวมถึงตันซุนด้วย ท้ายที่สุด มันเป็นเหตุการณ์ที่สำนักงานใหญ่ไม่อาจเพิกเฉยได้ แม้ว่าพวกเขาจะตัดสินใจกลับไปพักผ่อน แต่ก็ไม่มีผู้ประเมินคนไหนสามารถข่มตาหลับได้ในคืนนี้
จากนั้นลูกธนูแห่งคำสั่งก็ยิงขึ้นไปบนท้องฟ้ายามค่ำคืน เสียงลูกธนูดังกึกก้องมาพร้อมกับลูกบอลแสง
“พลุนั้นใช้เฉพาะในกรณีฉุกเฉินเท่านั้น! ต้องมีบางอย่างเกิดขึ้นกับขบวนของท่านแม่ทัพ!”
ทหารส่งสารตะโกน
ลูกศรคำสั่งนี้สามารถมองเห็นและได้ยินได้จากทุกมุมของเมือง ดังนั้นทหารจากทุกที่จึงรีบเร่งเข้ามาทันที
คิ้วของหลินจินขมวดเข้าหากัน
ลางสังหรณ์ของเขาบอกว่ามีบางอย่างผิดปกติ
หยางฉิงซื่อเพียงคนเดียวไม่ได้แข็งแกร่งมากพอที่จะทำให้ยอดฝีมืออย่างแม่ทัพเฟิงยิงพลุขอความช่วยเหลือ เว้นเสียแต่ว่า หยางฉิงเฟิงจะเสริมพลังด้วยคาถาบางอย่าง
หากเป็นเช่นนั้น ทำไมเขาไม่ทะลวงแนวป้องกันของเมืองออกไปล่ะ? ทำไมพวกเขาถึงต้องเสียเวลาต่อสู้กับกองทหารที่หลั่งไหลเข้ามาอย่างไม่มีที่สิ้นสุดภายในเมืองหลวงด้วย?
อย่างไรก็ตาม แม้จะรู้ว่ามีบางอย่างผิดปกติ หลินจินก็ไม่สามารถระบุได้ว่ามันคืออะไร เขาไม่สามารถหยุดทหารรักษาเมืองไม่ให้ส่งกำลังเสริมไปได้เช่นกัน
ดังนั้นเขาจึงทำได้เพียงรีบด้วยตัวเองเท่านั้น
ก่อนหน้านี้เขาให้ความสำคัญกับตันซุนและคนอื่น ๆ แต่ตอนนี้ไม่มีเวลาแล้ว เมฆเข้ามารวมตัวกันอยู่ใต้ฝ่าเท้าของหลินจิน จากนั้น เขาก็ลอยขึ้นเหนือพื้นและพุ่งไปข้างหน้าด้วยความเร็วสูงสุด
ความเร็วของเขาทำให้หลายคนตกใจจนต้องอ้าปากค้าง
หลินจินมาถึงจุดที่พลุถูกยิงออกไปในพริบตา เมื่อเขาไปถึงคฤหาสน์ที่เกิดเหตุ ควันจากลูกศรคำสั่งนั้นยังไม่จางหายไป
เมื่อมาถึง หลินจินสูดหายใจลึกและรับกลิ่นที่คุ้นเคยทันที
กลิ่นเหม็นของอสรพิษแปดหัว
“มันอยู่ที่นี่จริง ๆ ด้วย”
ดวงตาของหลินจินหรี่ลง คราวนี้เขาจะไม่ยอมปล่อยให้ชายคนนั้นหนีไปได้ไม่ว่าจะยังไงก็ตาม หลินจินหยิบธงละอองเมฆาที่เขาขัดเกลาขึ้นมาโดยไม่พูดอะไรอีกและโยนมันขึ้นไปบนฟ้า
*พรึ่บ!*
“ค่ายกลละอองเมฆา!”